เพื่อนยืมเงิน 2 แสน ก่อนหายตัว โผล่มาอีกทีวันแต่งงาน คำสารภาพทำเจ้าบ่าวน้ำตาไหล สิ่งสำคัญยิ่งกว่าเงิน มันอยู่ตรงหน้า
วันที่ 1 ตุลาคม 2567 เว็บไซต์ Soha ของเวียดนาม
รายงานเรื่องราวของชายคนหนึ่งกับเพื่อนรัก ที่หายตัวไปอย่างไร้ร่องรอย
หลังจากที่ยืมเงินของเขาไป 200 ล้านดอง (ราว 2.6 แสนบาท)
เขาพยายามตามหาเพื่อนคนนี้ไปทุกที่ และโทร. ไปหา
แต่กลับไม่สามารถติดต่ออีกฝ่ายได้จนถอดใจ
ใครจะคิดว่าวันหนึ่งเพื่อนคนนี้จะมาโผล่ที่งานฉลองแต่งงานของเขาแม้ไม่ได้รับเชิญ
พร้อมกับคำสารภาพเรื่องหนี้ ที่ทำให้เขาน้ำตาไหล
เอ (นามสมมติ) เผยว่า เขากับ ฮง (นามสมมติ) เป็นเพื่อนรักกันตั้งแต่สมัยเรียนมหาวิทยาลัย พวกเขาเรียนคลาสเดียวกัน พักอยู่หอเดียวกัน จึงมักจะไปกินและเรียนด้วยกันเสมอ มีอะไรก็แบ่งปันกันทุกอย่าง จนเมื่อเรียนจบและแยกย้ายไปทำงานคนละบริษัท ก็ยังมักจะนัดพบกันเดือนละหลายครั้ง อาจจะเป็นร้านเหล้าบ้าง หรือร้านกาแฟบ้าง และมีเรื่องพูดคุยกันมากมายเสมอ
เนื่องจากเอมีหน้าที่การงานมั่นคงและเงินเดือนสูงกว่า ดังนั้นไม่ว่าเมื่อใดก็ตามที่ฮงเอ่ยปากยืมเงิน เขาก็จะช่วยเท่าที่ทำได้ จนกระทั่งวันหนึ่งที่นัดเจอ เขาสังเกตเห็นฮงดูไม่มีความสุข ก็เลยสอบถามดูจนทราบว่าฮงกับแฟนกำลังจะแต่งงานและซื้อบ้านร่วมกัน แต่มีปัญหาตรงค่าใช้จ่าย
โดยครอบครัวแฟนสาวให้เงินมา 1.5 พันล้านดอง (ราว 2 ล้านบาท) และถามฮงว่าครอบครัวของเขาจะออกค่าใช้จ่ายเท่าไร่ อย่างไรก็ตาม พ่อแม่ของฮงเป็นแค่ชาวนาที่ต้องทำงานอย่างหนักเพื่อส่งลูก 4 คนเรียนหนังสือ ไม่มีเงินเหลือพอจะมาจ่ายค่าบ้านให้ลูกชาย แต่ฮงก็กลัวว่าหากตัวเองไม่ช่วยออกเงิน จะถูกครอบครัวฝ่ายหญิงดูถูก เลยสัญญากับแฟนว่าจะช่วยออกเงิน 500 ล้านดอง (ราว 6.6 แสนบาท) ซึ่งตอนนี้เขายังขาดอีก 200 ล้านดง แต่ไปขอยืมใครก็ไม่มีคนช่วย ทำให้ฮงปวดหัวมากเพราะไม่รู้จะหาเงินที่เหลือจากไหน
เมื่อเห็นเพื่อนรักมีปัญหา เอจึงไม่อาจทอดทิ้งไปได้ ก็เลยตัดสินใจบอกให้แม่ขายทองที่บ้าน เพื่อนำเงินส่งมาให้เขา โดยโกหกว่าบริษัทของเขาบังคับให้พนักงานทุกคนลงทุนในหุ้นของบริษัท หากใครไม่ร่วมลงทุน จะต้องออกจากงาน
เอเผยว่า
ปกติเขาจะส่งเงินเก็บทั้งหมดไปให้แม่ทุกเดือน
ซึ่งแม่ก็จะนำเงินไปซื้อทองเก็บไว้
ในครั้งนี้เขาจำเป็นต้องเอาเงินมาให้เพื่อนยืม แต่ก็ไม่อยากให้แม่กังวล
จึงโกหกแม่เรื่องการลงทุนในหุ้นที่บริษัท
เมื่อแม่ได้ยินสิ่งที่เขาพูดก็รีบนำทองไปขายแล้วส่งเงินมาให้
วันต่อมาเขาจึงนำเงิน 200 ล้านดองนี้ไปให้ฮง
เพราะทั้งคู่เป็นเพื่อนรัก เอไว้ใจฮงมากจนไม่ได้เขียนหนังสือสัญญากู้ยืมใด ๆ ขณะที่ฮงเองก็มีความสุขมากตอนได้เงิน และสัญญาว่าจะใช้คืนให้ภายใน 1 ปี
แต่หลังจากยืมเงินไป ฮงก็หายตัวไปเลย เอพยายามถามหาฮงจากเพื่อนคนอื่น ๆ จึงทราบว่าจริง ๆ แล้ว ฮงเลิกกับแฟนสาวแล้วเพราะตัวเองมีหนี้สิน แถมยังจ่ายหนี้ไม่ไหวจนล้มละลาย เอพยายามโทร. หาฮง แต่อีกฝ่ายก็ปิดเครื่อง ตามไปหาทุกที่หรือแม้แต่ไปถึงบ้านเกิดก็ยังไม่เจอตัว
ตอนแรกเอยังหวังว่าจะได้เงินคืน แต่จากนั้นเขาก็เริ่มเป็นห่วงเพื่อนรักที่หายไป กลัวว่าอีกฝ่ายจะมีอันตราย เรื่องดังกล่าวทำให้เขากินไม่ได้นอนไม่หลับอยู่นานหลายเดือน และเศร้าใจเมื่อคิดว่าชีวิตนี้จะไม่ได้เจอกับเพื่อนอีกแล้ว
แต่ไม่คิดว่าหลังเวลาผ่านไปอีกนาน กระทั่งถึงวันที่เอแต่งงาน อยู่ ๆ ฮงกลับมาร่วมงานแม้จะไม่ได้รับเชิญ เมื่อเอเห็นเพื่อนก็มีความสุขมาก เขารีบวิ่งเข้าไปกอดฮงด้วยความดีใจ เหมือนกับตอนได้เจอหน้าเพื่อนคนอื่น ๆ ตอนนั้นฮงกระซิบบอกคำขอโทษกับเอ ซึ่งเอก็ตอบกลับทันทีว่า "วันนี้เป็นวันดีของฉัน เราอย่าพูดเรื่องในอดีตกันอีกเลย"
เพราะทั้งคู่เป็นเพื่อนรัก เอไว้ใจฮงมากจนไม่ได้เขียนหนังสือสัญญากู้ยืมใด ๆ ขณะที่ฮงเองก็มีความสุขมากตอนได้เงิน และสัญญาว่าจะใช้คืนให้ภายใน 1 ปี
แต่หลังจากยืมเงินไป ฮงก็หายตัวไปเลย เอพยายามถามหาฮงจากเพื่อนคนอื่น ๆ จึงทราบว่าจริง ๆ แล้ว ฮงเลิกกับแฟนสาวแล้วเพราะตัวเองมีหนี้สิน แถมยังจ่ายหนี้ไม่ไหวจนล้มละลาย เอพยายามโทร. หาฮง แต่อีกฝ่ายก็ปิดเครื่อง ตามไปหาทุกที่หรือแม้แต่ไปถึงบ้านเกิดก็ยังไม่เจอตัว
ตอนแรกเอยังหวังว่าจะได้เงินคืน แต่จากนั้นเขาก็เริ่มเป็นห่วงเพื่อนรักที่หายไป กลัวว่าอีกฝ่ายจะมีอันตราย เรื่องดังกล่าวทำให้เขากินไม่ได้นอนไม่หลับอยู่นานหลายเดือน และเศร้าใจเมื่อคิดว่าชีวิตนี้จะไม่ได้เจอกับเพื่อนอีกแล้ว
แต่ไม่คิดว่าหลังเวลาผ่านไปอีกนาน กระทั่งถึงวันที่เอแต่งงาน อยู่ ๆ ฮงกลับมาร่วมงานแม้จะไม่ได้รับเชิญ เมื่อเอเห็นเพื่อนก็มีความสุขมาก เขารีบวิ่งเข้าไปกอดฮงด้วยความดีใจ เหมือนกับตอนได้เจอหน้าเพื่อนคนอื่น ๆ ตอนนั้นฮงกระซิบบอกคำขอโทษกับเอ ซึ่งเอก็ตอบกลับทันทีว่า "วันนี้เป็นวันดีของฉัน เราอย่าพูดเรื่องในอดีตกันอีกเลย"
จากนั้นเอก็เชิญฮงเข้ามาในงาน
และมีโอกาสพูดคุยกันอย่างมีความสุข
กระทั่งงานฉลองแต่งงานจบลงและแขกออกไปกันเยอะแล้ว
ฮงจึงเข้ามาพูดกับเออีกครั้ง สารภาพว่า "ตอนนั้นเพราะความลำบาก
ฉันโกหกนายเพื่อขอยืมเงิน แต่จากนั้นหนี้สินก็มากขึ้นเรื่อย ๆ
จนฉันจ่ายคืนไม่ไหว ก็เลยต้องซ่อนตัว ทุก ๆ
คืนฉันเฝ้าแต่นึกถึงเงินที่ยังติดค้างนายและนอนไม่หลับ
ฉันรู้ถึงความผิดของฉัน จึงมุ่งมั่นทำงานเพื่อหาเงินมาจ่ายหนี้"
ฮงเผยว่า หลังจากนั้นตัวเองได้เจอเพื่อนและทราบว่าเอกำลังจะแต่งงาน ฮงมีความสุขมากและอยากเจอหน้าเออีกครั้ง จึงตัดสินใจเดินทางมาร่วมงาน
หลังพูดจบ ฮงก็หยิบเอาบัตรเอทีเอ็มพร้อมรหัสผ่าน มาวางบนมือของเอ และบอกว่าภายในบัตรนี้มีเงินจำนวน 200 ล้านดองที่เขาหามาได้อย่างยากลำบาก โดยหวังว่าเอจะยอมรับเงินนี้ไว้และให้อภัยตัวเอง
ได้ยินแบบนั้นเอก็น้ำตาไหล โดยสาเหตุที่เขาร้องไห้ไม่ใช่เพราะการได้เงินคืน แต่เป็นเพราะเขาได้รับมิตรภาพที่คิดว่าสูญเสียไปแล้วกลับคืนมาอีกครั้ง แม้ว่าฮงจะเคยหายไปจากชีวิตเขา แต่มิตรภาพของเพื่อนก็ยังคงไม่ไปไหน และเขาก็เฝ้ารอที่จะได้เจออีกฝ่ายมาโดยตลอด