บอสพอล โผล่กองปราบฯ ยันบริสุทธิ์ใจใน The iCON - จับตา ใช่คนไทยไหม

          บอสพอล โผล่กองปราบฯ แล้ว แสดงความบริสุทธิใจหลังดราม่า ดิไอคอนกรุ๊ป ยันทำธุรกิจมา 6 ปี ไม่คิดว่าผิดกฎหมาย สังคมจับตา เลขประชาชนขึ้นด้วย 5 ใช่คนไทยไหม ?

          เป็นบุคคลที่ถูกจับตามองและถูกขุดคุ้ยเรื่องเก่าขึ้นมาอย่างต่อเนื่อง สำหรับ พอล วรัตน์พล หรือ บอสพอล แห่ง ดิไอคอนกรุ๊ป หลังมีดราม่าเกี่ยวกับการดำเนินงานของบริษัทที่ทำให้มีผู้เสียหายจำนวนมาก หลายคนหมดเงินลงทุนไปก้อนโต แต่สุดท้ายต้องล่มจม แถมยังถูกตั้งข้อสังเกตว่าคอร์สของบริษัทไม่ได้เน้นการขายสินค้า แต่เน้นให้ลูกข่ายหาดาวน์ไลน์ ยิงแอดเพื่อดึงดูดคนมาเข้าคอร์สเพิ่ม

          วันนี้ (12 ตุลาคม 2567) รายการเรื่องเล่าเสาร์-อาทิตย์ ทางช่อง 3 รายงานว่า จากการที่ตำรวจตรวจสอบไปถึงประวัติผู้บริหารของเครือข่าย โดยเฉพาะ บอสพอล ที่เป็นผู้บริหารสูงสุด พบว่ามีเลขประจำตัวประชาชนขึ้นต้นด้วยเลข 5 จึงถูกตั้งข้อสันนิษฐานว่า บอสพอล อาจไม่ใช่คนไทย หรืออาจเป็นคนบุคคล 2 สัญชาติ หรืออาจมีการแจ้งเกิดช้า


          สำหรับเลขประจำตัวประชาชน 13 หลัก เลขแต่ละหลักจะสื่อถึงความหมายต่าง ๆ โดยหลักแรก หมายถึงประเภทบุคคลซึ่งมี 8 ประเภท เช่น เลข 3 จะบ่องบอกถึง คนไทยและคนต่างด้าว ที่มีใบสำคัญประจำตัวคนต่างด้าว และมีชื่อในทะเบียนบ้านในสมัยเริ่มแรก  (คือตั้งแต่ก่อนวันที่ 31 พฤษภาคม 2527) หมายความว่า บุคคลใดก็ตาม ไม่ว่าจะเป็นคนไทยหรือคนต่างด้าว ที่มีใบสำคัญประจำตัวคนต่างด้าว และมีชื่ออยู่ในทะเบียนบ้านในสมัยเริ่มแรก

          สำหรับเลข 5 หรือ บุคคลประเภทที่ 5 คือ คนไทยที่ได้รับอนุมัติให้เพิ่มชื่อ เข้าไปในทะเบียนบ้านในกรณีตกสำรวจ หรือกรณีอื่น ๆ หรือเป็นกรณีที่มี 2 สัญชาติ

          สำหรับสตอรี่ของบอสพอล ก่อนหน้านี้เคยมีการออกรายการโทรศัพท์ เล่าว่ามีแม่เป็นกรรมกรอยู่ในคลองเตย เติบโตจากสลัม และดิ้นรนจนประสบความสำเร็จเป็นผู้บริหารสูงสุด




บอสพอลอัปเดตเฟซบุ๊ก แต่ยังไม่เจอตัวหลังดราม่า

          ขณะที่ความเคลื่อนไหวของบอสพอล  พบว่าเมื่อช่วงเช้าที่ผ่านมา บอสพอลได้โพสต์อัปเดตผ่านเฟซบุ๊กส่วนตัว ว่าจะมีการตั้งศูนย์เยียวยาบรรเทาทุกข์แก่ผู้ที่ได้รับผลกระทบจากการทำธุรกิจ แต่นับตั้งแต่เกิดดราม่าครั้งนี้ เป็นที่สังเกตว่าบอสพอลยังไม่ปรากฏตัวให้เห็นเลย มีเพียงการโพสต์ข้อความผ่านโซเชียลส่วนตัวเท่านั้น

          นอกจากนี้ เมื่อคืนที่ผ่านมา (11 ตุลาคม) พบว่าในบัญชี TikTok @theicongroupcompany ของดิไอคอนกรุ๊ป ได้ถูกปิดตั้งค่าเป็นส่วนตัวไปแล้ว และยังมีภาพบรรยากาศการถอดป้ายโฆษณาต่าง ๆ หลายจุด ทั้งบริเวณใจกลางเมืองพัทยา ที่ปลดป้ายตอนเช้าวันที่ 11 ตุลาคม หลังขึ้นป้ายมานานเป็นปี รวมถึงถอดป้ายโฆษณาออกจากรถเมล์

          หลายคนตั้งข้อสังเกตในประเด็นป้ายโฆษณาของ ดิไอคอนกรุ๊ป ว่ามีการเน้นไปที่ตัวดารา ไม่ได้เน้นไปยังตัวสินค้าว่าขายอะไร เป็นการชูตัวพรีเซนเตอร์หรือเหล่าบอสต่าง ๆ ซึ่งข้อมูลดังกล่าวได้ถูกโยงใยไปถึงประเด็นที่ทางตำรวจจะพิจารณา เรื่องข้อหาที่จะดำเนินการต่อผู้ที่อาจเกี่ยวของ โดยเฉพาะคนดังมีความน่าเชื่อถือ ลักษณะนี้จะถูกตั้งข้อหาเบื้องต้นคือ เป็นผู้สนับสนุนให้เกิดการกระทำฉ้อโกงประชาชน


บอสพอล โผล่กองปราบแล้ว

          อย่างไรก็ตาม ล่าสุด ข่าวช่องวัน รายงานว่า บอสพอล ซีอีโอดิไอคอนกรุ๊ป โผล่ บก.ปคบ. เผยกับสื่อว่าในวันนี้มาแสดงความบริสุทธิ์ใจ พร้อมเข้าสู่กระบวนการยุติธรรม ยอมรับว่าตนออกมาช้ามา หลังเกิดเหตุการณ์ขึ้นมาเป็นสัปดาห์ ซึ่งจากเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นตนก็มีความตั้งใจจะช่วยเหลือเยียวยาผู้ที่ประสบปัญหาต่าง ๆ ทั้งสูญเสียเงิน และสูญเสียชีวิต ตนต้องไปขอตรวจสอบข้อเท็จจริงทั้งหมดแล้วหาแนวทางร่วมกัน โดยมีตัวกลางที่สังคมให้ความเชื่อถือเข้ามาให้ความเชื่อมั่นเพื่อให้เกิดความยุติธรรมสูงสุด
         
          ทั้งนี้ ยืนยันว่าทำธุรกิจมา 6 ปี ไม่เคยคิดว่าเป็นสิ่งผิดกฎหมาย เพราะไม่ใช่คนแรกและเจ้าแรกที่ทำธุรกิจเช่นนี้   ขอบคุณข้อมูลจาก เรื่องเล่าเสาร์-อาทิตย์, ข่าวช่องวัน,  Thai PBS News