พระลิน - พระบัวลัย ไม่ได้มาร่วมงานทอดกฐินวัดป่าดอนบ้านเทือน 2567 ด้านลูกศิษย์ร่ำไห้ เชื่อมั่นเป็นพระดี ปฏิบัติดี หวังตามไปหาท่านที่ สปป.ลาว
ภาพจาก คนิษฐา นาประเสริฐ
จากกรณี พระลิน พระสายมู มีเรื่องราวของการประพฤติตนไปในทางไสยศาสตร์จนเกิดกระแสวิพากษ์วิจารณ์ ต่อมา เจ้าคณะจังหวัดอุดรธานี (ฝ่ายธรรมยุต) ออกหนังสือแจ้งให้ พระลิน และพระบัวลัย พ้นจากวัดภายใน 7 วัน นับตั้งแต่วันที่ 18 ตุลาคม 2567 โดยมีความเห็นว่า พระลินและพระบัวลัย มอมเมาประชาชนด้วยอวิชชา พฤติกรรมมิชอบ ประพฤติตนมิอยู่ในโอวาท
ด้าน พระลินและพระบัวลัย รับคำสั่งตามหนังสือ เดินทางกลับไปยัง สปป.ลาว ตั้งแต่วันที่ 19 ตุลาคม และบอกกับลูกศิษย์ว่า จะเดินทางกลับมาร่วมงานทอดกฐินที่วัดป่าดอนบ้านเทือน ในวันที่ 27 ตุลาคม 2567 แต่ไม่นานก็มีหนังสือขอเพิกถอนวีซ่าจากสำนักงานพระพุทธศาสนาแห่งชาติ ส่งไปยังสำนักงานตรวจคนเข้าเมือง ผู้ว่าราชการทุกจังหวัด วัดทุกวัด ทำให้พระลินและพระบัวลัย ไม่สามารถเดินทางกลับเข้ามาในประเทศไทยได้นั้น
ภาพจาก เพจ พระลิน สุจิตโต
เกี่ยวกับเรื่องนี้ ล่าสุด (27 ตุลาคม 2567) ข่าวช่อง 3 รายงานว่า บรรยากาศที่วัดป่าดอนบ้านเทือน บ้านกลางใหญ่ ต.กลางใหญ่ อ.บ้านผือ จ.อุดรธานี พบว่างานกฐินยังคงจัดต่อไป มีพระครูสุนทรวุฒิธรรม หลวงพ่อสนอง ชินวังโส เจ้าอาวาสวัดเป็นประธานสงฆ์ และมีนายมงคล มีลา นายกเทศมนตรี ต.กลางใหญ่ เป็นประธานฝ่ายฆราวาส มีชาวบ้านมาร่วมงานบุญกฐินครั้งนี้จำนวนมาก แต่ปรากฏว่าไร้เงาของพระลินกับพระบัวลัย
ส่วนบรรยากาศที่โดม ซึ่งพระลินสร้างไว้รับญาติโยม เป็นไปด้วยความเงียบเหงา ไม่เหมือนตอนพระลินและพระบัวลัยอยู่ กุฏิถูกปิดเงียบ มีการเอาป้ายมาติดประกาศ ห้ามถ่ายรูปก่อนได้รับอนุญาต เขตสงฆ์ห้ามเข้า แต่ก็ยังมีคนมาสักการะรูปปั้นองค์พระนาคปรก องค์พญานาค รูปปั้นท้าวเวสสุวรรณ ที่ตั้งอยู่ ส่วนการก่อสร้างต่าง ๆ ได้หยุดก่อสร้างแล้ว
ภาพจาก เพจ พระลิน สุจิตโต
จากการสอบถาม ลูกศิษย์หญิงท่านหนึ่ง เผยว่า ตนเป็นชาว จ.อุดรธานี และเป็นลูกศิษย์ที่ศรัทธาพระลิน วันนี้เห็นท่านไม่อยู่น้ำตาก็ไหลพราก เพราะเห็นสิ่งที่ท่านทำไว้ สร้างไว้อีก ท่านเป็นคนดี พระดี ยิ่งมาดูข่าวที่ออกไปยิ่งทำให้หดหู่ ทำไมพระดีปฏิบัติดีต้องเป็นแบบนี้ ตนศรัทธาที่ท่านสร้างวัดให้เจริญและพาคนสวดมนต์ ปัจจัยที่คนให้ ท่านไม่ได้เรียกร้อง ถ้าสิ่งศักดิ์สิทธิ์มีจริงรับรู้ อยากให้พระลินได้กลับมา ตอนแรกได้ยินข่าวว่าพระลินจะมาร่วมงานกฐิน ลึก ๆ ก็ดีใจ แต่เมื่อมีข่าวถอนวีซ่า ทำให้ท่านไม่ได้มาแล้ว ตอนนั้นนั่งอยู่บ้านขนหัวลุก น้ำตาไหล ถ้ามีโอกาสจะไปหาท่านที่ สปป.ลาว และเป็นไปได้อยากให้ท่านกลับมาที่วัดนี้ดังเดิม
สำหรับยอดกฐินได้ปัจจัยทั้งสิ้น 390,647 บาท โดยเหล่าบรรดาคอหวยต่างนำเลขยอดกฐินไปเสี่ยงโชคและซื้อสลาก N3 หลังเสร็จพิธีทอดกฐิน ซึ่งคณะศิษยานุศิษย์ทั้งสงฆ์และฆราวาส ได้ร่วมกันสงฆ์น้ำหลวงพ่อสนอง เจ้าอาวาสวัดฯ เนื่องในงานอายุวัฒนะมงคล 65 ปี 45 พรรษา อีกด้วย
ขอบคุณข้อมูลจาก ข่าวช่อง 3
ภาพจาก คนิษฐา นาประเสริฐ
จากกรณี พระลิน พระสายมู มีเรื่องราวของการประพฤติตนไปในทางไสยศาสตร์จนเกิดกระแสวิพากษ์วิจารณ์ ต่อมา เจ้าคณะจังหวัดอุดรธานี (ฝ่ายธรรมยุต) ออกหนังสือแจ้งให้ พระลิน และพระบัวลัย พ้นจากวัดภายใน 7 วัน นับตั้งแต่วันที่ 18 ตุลาคม 2567 โดยมีความเห็นว่า พระลินและพระบัวลัย มอมเมาประชาชนด้วยอวิชชา พฤติกรรมมิชอบ ประพฤติตนมิอยู่ในโอวาท
ด้าน พระลินและพระบัวลัย รับคำสั่งตามหนังสือ เดินทางกลับไปยัง สปป.ลาว ตั้งแต่วันที่ 19 ตุลาคม และบอกกับลูกศิษย์ว่า จะเดินทางกลับมาร่วมงานทอดกฐินที่วัดป่าดอนบ้านเทือน ในวันที่ 27 ตุลาคม 2567 แต่ไม่นานก็มีหนังสือขอเพิกถอนวีซ่าจากสำนักงานพระพุทธศาสนาแห่งชาติ ส่งไปยังสำนักงานตรวจคนเข้าเมือง ผู้ว่าราชการทุกจังหวัด วัดทุกวัด ทำให้พระลินและพระบัวลัย ไม่สามารถเดินทางกลับเข้ามาในประเทศไทยได้นั้น
ภาพจาก เพจ พระลิน สุจิตโต
เกี่ยวกับเรื่องนี้ ล่าสุด (27 ตุลาคม 2567) ข่าวช่อง 3 รายงานว่า บรรยากาศที่วัดป่าดอนบ้านเทือน บ้านกลางใหญ่ ต.กลางใหญ่ อ.บ้านผือ จ.อุดรธานี พบว่างานกฐินยังคงจัดต่อไป มีพระครูสุนทรวุฒิธรรม หลวงพ่อสนอง ชินวังโส เจ้าอาวาสวัดเป็นประธานสงฆ์ และมีนายมงคล มีลา นายกเทศมนตรี ต.กลางใหญ่ เป็นประธานฝ่ายฆราวาส มีชาวบ้านมาร่วมงานบุญกฐินครั้งนี้จำนวนมาก แต่ปรากฏว่าไร้เงาของพระลินกับพระบัวลัย
ส่วนบรรยากาศที่โดม ซึ่งพระลินสร้างไว้รับญาติโยม เป็นไปด้วยความเงียบเหงา ไม่เหมือนตอนพระลินและพระบัวลัยอยู่ กุฏิถูกปิดเงียบ มีการเอาป้ายมาติดประกาศ ห้ามถ่ายรูปก่อนได้รับอนุญาต เขตสงฆ์ห้ามเข้า แต่ก็ยังมีคนมาสักการะรูปปั้นองค์พระนาคปรก องค์พญานาค รูปปั้นท้าวเวสสุวรรณ ที่ตั้งอยู่ ส่วนการก่อสร้างต่าง ๆ ได้หยุดก่อสร้างแล้ว
ภาพจาก เพจ พระลิน สุจิตโต
จากการสอบถาม ลูกศิษย์หญิงท่านหนึ่ง เผยว่า ตนเป็นชาว จ.อุดรธานี และเป็นลูกศิษย์ที่ศรัทธาพระลิน วันนี้เห็นท่านไม่อยู่น้ำตาก็ไหลพราก เพราะเห็นสิ่งที่ท่านทำไว้ สร้างไว้อีก ท่านเป็นคนดี พระดี ยิ่งมาดูข่าวที่ออกไปยิ่งทำให้หดหู่ ทำไมพระดีปฏิบัติดีต้องเป็นแบบนี้ ตนศรัทธาที่ท่านสร้างวัดให้เจริญและพาคนสวดมนต์ ปัจจัยที่คนให้ ท่านไม่ได้เรียกร้อง ถ้าสิ่งศักดิ์สิทธิ์มีจริงรับรู้ อยากให้พระลินได้กลับมา ตอนแรกได้ยินข่าวว่าพระลินจะมาร่วมงานกฐิน ลึก ๆ ก็ดีใจ แต่เมื่อมีข่าวถอนวีซ่า ทำให้ท่านไม่ได้มาแล้ว ตอนนั้นนั่งอยู่บ้านขนหัวลุก น้ำตาไหล ถ้ามีโอกาสจะไปหาท่านที่ สปป.ลาว และเป็นไปได้อยากให้ท่านกลับมาที่วัดนี้ดังเดิม
สำหรับยอดกฐินได้ปัจจัยทั้งสิ้น 390,647 บาท โดยเหล่าบรรดาคอหวยต่างนำเลขยอดกฐินไปเสี่ยงโชคและซื้อสลาก N3 หลังเสร็จพิธีทอดกฐิน ซึ่งคณะศิษยานุศิษย์ทั้งสงฆ์และฆราวาส ได้ร่วมกันสงฆ์น้ำหลวงพ่อสนอง เจ้าอาวาสวัดฯ เนื่องในงานอายุวัฒนะมงคล 65 ปี 45 พรรษา อีกด้วย
ขอบคุณข้อมูลจาก ข่าวช่อง 3