หนึ่ง บางปู เปิดใจใน โหนกระแส เล่าเหตุเคยปรึกษา ทนายตั้ม ษิทรา ตอนจะเลิกสามี เสีย 10 ล้าน แต่ช่วยแค่เท่านี้... มีโฟนอินคุยคู่กรณี ปมโดนแฉโกงเงิน
วันที่ 30 ตุลาคม 2567 ในรายการ โหนกระแส ทางช่อง 3 ดำเนินรายการโดย หนุ่ม กรรชัย กำเนิดพลอย ได้สัมภาษณ์แขกรับเชิญ ปอ ตนุภัทร - แซน วิศาพัช และ "เจ๊หนึ่ง บางปู" ในประเด็นของ ทนายตั้ม ษิทรา เบี้ยบังเกิด ที่ถูก "เจ๊อ้อย" เศรษฐีแฉอมเงิน 71 ล้าน พร้อมแจ้งความดำเนินคดี ต่อมาได้มีหลายคนออกมาเล่าประสบการณ์ที่เคยติดต่อกับทนายคนดัง
ทั้งนี้ในช่วงหนึ่งของรายการ เจ๊หนึ่ง บางปู ได้เปิดใจถึงเรื่องที่เคยปรึกษา ทนายตั้ม ษิทรา เรื่องเลิกกับสามี ซึ่งเจ้าตัวเสียเงินไปถึง 10 ล้านบาท ก่อนจะเจอคู่กรณีของตัวเองเปิดประเด็นแฉอีกเรื่อง โดยมีรายละเอียดดังนี้
- คุณหนึ่งก็มีประเด็นกับทนายตั้ม ฝังหุ่นเหมือนกัน ?
หนึ่ง : ไม่ขนาดนั้นค่ะ ตอนนี้หนึ่งเริ่มปลงแล้ว
- คุณรู้ใช่มั้ย ล่าสุดหลังคุณเปิดทนายตั้ม คู่กรณีคุณก็เปิดคุณเหมือนกัน ?
หนึ่ง : ต้องกล่าวก่อนว่าคดีนี้ได้สิ้นสุดลงแล้ว ฟ้องกลับอดีตสามีแบ่งกรรมสิทธิ์ร่วม สมรสไม่จดทะเบียน แต่จบลงแล้ว แต่อันนี้เป็นเรื่องนานแล้ว หนึ่งมีสามีเป็น ตร. แล้วสาเหตุที่หนีออกจากบ้านเพราะมีอาการป่วย ที่คิดว่าตัวเองเป็นโรคซึมเศร้าเป็นระยะเวลา 8 เดือน แล้วมันดิ่ง แล้วหนึ่งไม่รู้ว่าสิ่งที่หนึ่งเป็นคือโรคซึมเศร้า หนึ่งก็ทนไม่ไหวก็ให้ผัวพาไปหาหมอ เขาก็ไม่ได้พาไป เพราะเรามีปัญหาส่วนตัวภายในครอบครัวกัน หนึ่งทนไม่ไหวก็หนีออกจากบ้านเพื่อไปรักษาตัวใน รพ. ขณะเดียวกันต้องการเลิกกับผัวด้วย เพราะตอนนั้นมีปัญหาส่วนตัวที่ไม่สามารถรับได้จริง ๆ พอออกจาก รพ. ก็พยายามหนีไปเรื่อย ๆ โดยไม่มีจุดหมาย โดยที่ไม่ค่อยมีเงินด้วย เพราะหนึ่งจะมีเงินติดตัวครั้งละ 1 แสน เนื่องจากเงินทั้งหมดอดีตสามีเป็นคนเก็บ เขาจะเบิกมาปึกละ 1 กิโล 1 ล้านบาท ปึกนึงแสนใส่กระเป๋าตังค์หนึ่งไว้ เป็นแบบนี้ตลอด เนื่องจากเราตกลงกันว่าผัวจะเป็นคนเก็บเงิน เราก็ไม่คิดว่าเราจะรวยด้วย
- ตอนนั้นรวยด้วย ?
หนึ่ง : เริ่มมีฐานะค่ะ หนึ่งเป็นเด็กบ้านนอกคนนึงธรรมดาเลย แต่เราขายของออนไลน์แล้วดันโชคดีรวย สำหรับคนบ้านนอกอย่างหนู ก็ 20 ล้านขึ้นไป ถือว่ารวย เราก็ได้เงินทีละแสน เรามีเงินไม่เยอะ หนึ่งก็จะขอความช่วยเหลือ อยากไปอยู่มูลนิธิ เพราะหนึ่งไม่มีเงิน ก็ได้โทรปรึกษาผู้จัดการส่วนตัว ตอนนี้ไม่ได้เป็นดาราแล้ว พี่เขารู้จักพี่บุ๋ม พี่บุ๊คได้โทรหาพี่บุ๋ม ฝากฝังน้องว่าหนึ่งเดือดร้อน พี่บุ๋มเขาชอบช่วยคน เราสภาพจิตใจความเป็นเมียไม่ไหว เขาก็ช่วยโดยการให้เล่าเรื่องราว พอเล่าไปแล้ว เขาก็บอกว่าถ้าเกิดเคสประมาณนี้ พี่ว่าต้องทนายคนนี้
- คือทนายตั้ม ?
หนึ่ง : คู่กรณีค่ะ ไม่กล้าพูดค่ะ หนูไม่มีเงิน ถ้าฟ้องหนูก็ต้องติดคุกค่ะ หนูสร้างปัญหาให้ทางบ้านเยอะแล้วค่ะ สร้างปัญหาให้ทนายหนูเยอะแล้ว หนูไม่อยากสร้างปัญหาอีกต่อไปแล้ว
- คุณบุ๋มให้เบอร์ทนายคนนี้มา เพราะคุณมีปัญหากับสามี คุณติดต่อ ทนาย ต. ?
หนึ่ง : ใช่ค่ะ เขาก็ให้หนึ่งเล่าสตอรี่ ว่าเราไปยังไง เราก็เล่าให้ฟัง เขาถามว่าหนูจะหนีทำไม หนูก็เล่าความจริงว่าเกิดอะไรขึ้น หนูไม่อยากอยู่ หนูตัดสินใจดีแล้วว่าหนูจะเลิก แต่ไม่กล้ากลับไปที่บ้าน เพราะผัวอยู่ที่บ้านหนูเองอยู่ที่บริษัท เพราะหนูกลัวผัวตัวเอง เขาก็เข้าเรื่องที่ทรัพย์สิน มีทรัพย์สินเท่าไหร่
- ทนายถามคุณแล้วคุณตอบว่ายังไง ?
หนึ่ง : เราก็ตอบไปว่ามีอันนี้ ๆ เขาเหมือนหมอมารักษาเรา เราป่วยตรงไหนเจ็บตรงไหนก็ต้องบอก เราก็บอกไป ประมาณนึง เขาก็บอกว่าเดี๋ยวพี่จะลองปรึกษานาย ว่าเคสประมาณนี้ นายมีหนทางช่วยมั้ย แต่ไม่รับปากว่าเขาจะรับทำหรือเปล่านะ นายคนนั้นคือบิ๊ก ตร.ใหญ่ ซึ่งหนึ่งก็น่าจะรู้ว่าเป็นใคร สาเหตุที่หนึ่งรู้ว่าเป็นใคร เนื่องจากอดีตสามีหนึ่งเขาเป็นคนขับรถบิ๊ก ตร.ใหญ่ บิ๊ก ม. ม้า ซึ่งเป็นรุ่นเดียวกันกับที่จบ บิ๊ก จ.จาน หนึ่งยอมรับค่ะบอกตรง ๆ
- คือบิ๊กโจ๊ก แล้วยังไงต่อ ?
หนึ่ง : เขาหายไป 1 วัน บอกขอไปปรึกษานายก่อน แล้วเขาก็ โทร. มาบอกว่า 10 ล้านบาท หนูก็หูวว ทำไมเยอะจัง
- ทนายเรียกคุณ 10 ล้าน ?
หนึ่ง : ค่ะ เขาบอกว่าเทียบกับทรัพย์สินที่เรามี หนึ่งก็ถามว่า 8 ล้านไม่ได้เหรอ
- คุณบอกทรัพย์สินคุณมี 20 ล้านไม่ใช่เหรอ ?
หนึ่ง : ไม่ใช่ค่ะ หนึ่งหมายถึงคนบ้านนอก ถ้าบอกว่า 20 ล้าน นั่นคือรวยมากเลย
- เขาเรียก 10 ล้าน เทียบจากทรัพย์สินคุณยังไง ?
หนึ่ง : ในความเป็นจริง มันมี 9 หลักค่ะ ประมาณ 200 กว่าล้านค่ะ
- ทนายไล่ถามคุณเลยว่ามีอะไรเท่าไหร่ เพราะแยกกันระหว่างคุณกับสามี แล้วเขาบอกว่า ?
หนึ่ง : ค่าทนาย 10 ล้าน หนึ่งบอกว่าขอ 8 ล้านได้มั้ย เขาบอกขอเวลา 15 นาที เดี๋ยวลองคุยกับนายก่อน หายไปแล้ว โทร. กลับมาว่าไม่ได้นะหนึ่ง ต้อง 10 ล้าน ถ้าไม่ 10 ล้าน พี่คงรับทำไม่ได้
- 10 ล้านเป็นค่าทนาย ?
หนึ่ง : ความเข้าใจของหนึ่งมีสองอย่าง หนึ่งคือเส้น เหมือนหนึ่งมีความหวังว่าบิ๊ก ตร. คนนี้อาจช่วยเคลียร์หรือช่วยชีวิตหนึ่งได้ หนึ่งหวังอย่างนั้น เพราะเขาพูดให้ความหวัง ให้หนึ่งเข้าใจแบบนั้น เขาบอกว่าเคสแฟนหนึ่งไม่ยาก เพราะเช็กดูแล้ว ไม่ธรรมดา หนึ่งก็เข้าใจว่าเขาเช็กจริง ๆ แต่หนึ่งไปเล่าให้เขาฟังหมดแล้วว่าผัวตัวเองเป็นยังไง ลูกน้อง บิ๊ก ม. ก็ต้องรู้ว่ารุ่นเดียวกับบิ๊กโจ๊ก เราก็ไม่รู้เขาพูดจริงหรือไม่จริง แต่หนึ่งเข้าใจไปแล้วว่าเขาจะช่วย
- วันนี้คุณออกมาพูดเพราะอะไร ?
หนึ่ง : เพราะกระแสทุกอย่างรุนแรง หนูแค่ไประบายกับบิ๊กเกรียน แซวขำ ๆ ว่าไม่ได้มีเจ๊อ้อยคนเดียวนะที่โดน เจ๊หนึ่งก็โดน 10 ล้าน
- ถ้าเขาบอกว่าเป็นค่าทนายล่ะ ?
หนึ่ง : แต่ความเข้าใจของหนึ่ง คุณคุยกับลูกความ คือการที่นายจะช่วยเรา หนึ่งต่อขอ 8 ล้าน เขาบอกว่าของนายคนเดียวก็ไม่พอแล้ว ของพี่ก็ต้องมีค่าใช้จ่ายโน่นนี่นั่น หนูก็เลยยินดีที่จะจ่าย เพื่อชีวิตใหม่ของหนึ่ง หนึ่งต้องการให้นายช่วย เป็นความหวังของหนึ่งในตอนนั้น
- ตกลงคุณหนึ่งจ่าย 10 ล้าน แล้วเขาทำงานให้มั้ย ?
หนึ่ง : เขาขับรถมารับเช็ค หลายคนอาจสงสัยว่าไหนบอกว่าไม่มีเงิน อย่างที่บอก หนึ่งไม่ได้เก็บเงิน ผัวเก็บเงิน หนึ่งได้ใช้ทีละหนึ่งแสน หมดก็ค่อยขอใหม่ เป็นอย่างนี้มาโดยตลอด เพราะเราทำแต่งาน หนึ่งขายครีม ทำเครื่องสำอางของตัวเอง มีโรงงาน ทำตั้งแต่สาวจนถึงแก่แล้ว ประมาณ 14-15 ปีแล้ว มันเป็นไปได้ที่จะมี หนึ่งมีเงินไม่ถึงแสน เลยร้องขอไปอยู่ตามมูลนิธิ เพราะเดี๋ยวเงินหมด หนึ่งไม่ได้ติดต่อกับผัวแล้ว เสร็จแล้วเราจะทำยังไง เงินก็ไม่มี ก็กู้ค่ะ
- ตอนนั้นมี 200 ล้าน ไม่ใช่เหรอ ?
หนึ่ง : อยู่กับผัวค่ะ มันไม่ใช่เงินสด ๆ นะคะ มันเป็นทรัพย์สิน บ้านโน่นนี่นั่น รถ
- เอาเงิน 10 ล้านจากที่ไหนไปจ่ายให้เขา ?
หนึ่ง : ไปกู้แบงก์ให้เขาค่ะ เพราะชื่อกรรมการผู้จัดการใหญ่ ผู้มีอำนาจลงนามคือหนึ่ง อันนี้โชคดีเลยกู้ได้ ก็เอาหลักฐานการกู้มาเรียบร้อย เป็นหนี้เต็มเลย
- คุณจ้างทนายความ คุณก็ต้องจ่ายหรือเปล่า ?
หนึ่ง : ถูกต้องค่ะ แล้วนี่เป็นครั้งแรกที่หนึ่งจ้างทนายความ นี่คือเรื่องจริง ที่ผ่านมาผัวจัดการทุกอย่าง ไม่ว่าทนายบริษัท ทนายประจำตัว คนดูแลโน่นนี่นั่น ผัวจัดการหมด ชัดเจนค่ะ
- จะบอกว่าไปกู้เงินมาให้ทนายตั้มเพื่อเป็นค่าทนาย ถ้าบอกว่าเป็นค่าวิชาชีพเขา มันก็พูดได้นะเพราะคุณตกลงแล้ว ?
หนึ่ง : ใช่ค่ะ ตกลงแล้ว แต่หนูมาพูดในความสัตย์จริงของหนูว่าหนูเข้าใจแบบนั้น ว่าให้นายเท่านี้
- เขาเรียกว่านายเหรอ ?
หนึ่ง : เขาเรียกพี่ค่ะ แต่เราเป็นครอบครัว ตร. เราจะเรียกว่านายให้เกียรติ เขาบอกว่าถ้าผัวหนูออกจากชีวิตหนูไม่ได้ เขาจะให้นายช่วยย้าย สามารถทำได้หลายกรณี ย้ายไปอยู่ 3 จังหวัดชายแดนภาคใต้ก็ได้ มันง่ายนิดเดียว เหมือนผัวหนูเป็นลูกไก่ในกำมือคือ ตร. เล็ก ๆ แค่ยศนายดาบ มันเข้าใจได้ค่ะ เพราะว่าที่เหลือคืออนาคตและชีวิตของหนู เฮือกสุดท้ายแล้ว หนูยอมเอา 10 ล้าน แลกอนาคตหนู
- จากนั้นก็จ่ายไป ?
หนึ่ง : จ่ายเป็นเช็คค่ะ จ่ายที่ระยอง ซึ่งไปกู้มา 28 เม.ย. วันที่ 30 จ่าย
- วันนี้เราจะทำแค่ประเด็นมีคู่กรณีทนายตั้มในอดีตเปิดหน้ามา เช่นลุงพลก็ออกมาพูดเรื่องทนายตั้ม แต่โอเคไม่ใช่สาระสำคัญ สาระสำคัญคือทนายตั้มกับพี่อ้อยต่างหากว่าเป็นยังไง แต่วันนี้เป็นความน้อยเนื้อต่ำใจ คุณหนึ่งก็เคยโดน 10 ล้าน เขาบอกว่าเป็นค่าวิชาชีพ ?
หนึ่ง : แต่ความเข้าใจหนู คิดว่าเขาเอาไปให้นายเยอะ แล้วเขาได้ส่วนนึง แต่ในความเป็นจริง การทำงานก็เริ่มเกิดขึ้นหลังจากนั้นไม่นาน เขาไปที่โรงงานหนึ่ง มี 3 โรง ไปถ่ายหน้าโรงที่ใหญ่สุด แล้วบอกให้หนึ่งโพสต์ลงโซเชียลเหมือนขอบคุณเขาที่ดูแล เพื่อเขียนเสือให้วัวกลัว แฟนหนึ่งเขาก็รู้ว่าเขาเด็กใคร เดี๋ยวก็ไป คิดว่าแผนนี้ใช้ได้ เราก็เชื่อ เราก็ทำ แต่พอแผนนี้ไม่ได้ สองอาทิตย์ต่อมา แผนต่อไปที่ให้ทำหนักเลย เขาให้หนึ่งแกล้งป่วยเข้า รพ. เพื่อแถลงข่าวกดดันให้ผัวออกจากบริษัท
- ว่าผัวทำให้คุณเครียด คุณป่วย ?
หนึ่ง : ใช่ค่ะ แล้วอาจแสดงดีไป ก็เลยโดนมัดมือมัดเท้า โดนที่ รพ. เพราะหนึ่งไปรักษาจิตเวช
- แสดงได้ด้วยเหรอ ?
หนึ่ง : หนึ่งบอกว่าหนึ่งเครียดมาก หมอถามว่ามีคิดจะฆ่าตัวตายมั้ย หนูก็บอกว่าใช่ค่ะ หนูพยายามทุกวันเลย ก็โดนมัดมือมัดเท้าแล้วค่ะ เราก็โดนเลย เราก็ โทร. หาน้า ไม่กล้าบอกแม่ เดี๋ยวแม่ด่า ก็บอกให้น้ามาช่วยหน่อยอยากออกจาก รพ. ไม่อยากอยู่ตรงนี้ เหมือนมียมทูตเฝ้าหน้าห้อง 2 คน น่ากลัวมาก เป็น รพ.บ้า เครียด ก็ร้องให้น้ามาช่วย น้าก็มา แล้วก็เจอทนายคนนี้ ประมาณ ชม.นึง เขาถามว่าจะเอายังไง น้าคือน้องคนเล็กของแม่ เป็นคนมีความรู้ที่สุดในบ้าน บ้านเราเป็นคนต่างจังหวัดก็เรียนน้อยกัน น้าคนนี้ก็ถามไปว่าจะเอายังไงต่อ จะทำยังไงกับเคสหนึ่ง เขาก็พูด ๆ ไป จบลงแยกย้ายกัน หนึ่งได้ออกจาก รพ. ออกจาก รพ. ประมาณ 2 อาทิตย์ หนึ่งป่วยจริง หนึ่งกินข้าวไม่ได้ นอนไม่หลับ เดี๋ยววุ่นวายอะไรนักหนาไม่รู้ ก็เข้า รพ. ให้น้ำเกลือ เราก็คิดถึงลูก เพราะผัวดูแลลูกเรา ซึ่งยังเล็ก ๆ 4-5 ขวบ ก็คิดถึงลูกมาก ทรมาน อยากตาย ให้พี่เขาเอาลูกมาหาหน่อยได้มั้ย พี่เขาก็เอาลูกมาหา สรุปวันนั้นเป็นวันที่เราเคลียร์กันเองระหว่างผัวเมีย แล้วก็จบด้วยตัวเอง เคลียร์ว่าแยกกันอยู่แล้วเซ็นให้หนึ่งด้วยนะว่าจะไม่มายุ่งกับหนึ่ง แล้วก็มีการเซ็นกันเกิดขึ้น
- จะบอกว่าทนายตั้มไม่ได้เกี่ยวอะไรเลย ?
หนึ่ง : ช่วยแค่สุดท้าย ที่ให้หนึ่งเข้า รพ. ไปเยี่ยมที่ รพ. นั่งคุยกับน้า แล้วก็จบงานแล้ว
- นั่นคือ 10 ล้าน ?
หนึ่ง : ถูกต้องค่ะ หนูพูดด้วยความสัตย์จริง
- คุณถามมั้ยว่า 10 ล้านมีค่าอะไรบ้าง ?
หนึ่ง : มันมีสัญญาที่ตกลงต่อกัน แต่บอกตรง ๆ ว่าหนูหนีเตลิดเปิดเปิง หนูคล้าย ๆ คนเสียสติ แล้วมันหายไปแล้ว แต่หนูเชื่อว่าต้นฉบับอาจอยู่กับเขา ถ้าจะเอามาดู มาคุยกันก็ได้นะคะ ว่าสัญญาเป็นยังไง เพราะในความเข้าใจหนู งานมันยังไม่จบ แต่วันนั้นที่หนูไปหารอบที่สอง วันที่อดีตสามีหนูมีครอบครัวใหม่ไป หนูจะขอแบ่งสินสมรสกรรมสิทธิ์ร่วม ให้ทำงานต่อให้หน่อย 10 ล้าน ทำไมคุณถึงไม่ทำต่อให้ แล้วคุณเรียกอีก 7 แสนบาท แต่เราบอกว่าเราจ่ายไปแล้วไง
- หนึ่งกำลังจะบอกว่าหนึ่งจ่ายเงินให้ทนายตั้ม 10 ล้าน ให้ทำคดีผัวให้ เพราะมีประเด็นมีทรัพย์สินอยู่กับผัว 200 ล้าน ทนายตั้มรับไปแล้ว 10 ล้าน วิธีการคือแนะนำให้คุณโพสต์รูปทนายตั้มก่อน ?
หนึ่ง : เขาบอกผัวหนึ่งจะเข้าใจเอง
- คุณจะบอกว่าหลังจ่ายไปแล้ว 10 ล้าน ทนายให้ถ่ายรูปคู่กันหน้าโรงงานแล้วลงเลย เพื่อให้ฝั่งผัวคุณได้เห็น ?
หนึ่ง : ใช่ค่ะ เหมือนกับไอ้หนึ่งเล่นกูแล้ว
- หลังจากลงไป เขากลัวมั้ย ?
หนึ่ง : ผัวก็อยู่เหมือนเดิม (หัวเราะ) ไม่เห็นกลัวเลย หนูก็บอกว่าพี่ ไม่เห็นกลัวเลย ก็ใช้แผนสอง เข้า รพ. ใช้สื่อกดดัน ว่าคุณคนนี้ทำให้หนึ่งป่วยเป็นโรคซึมเศร้าแบบนี้ อาการหนัก คุณคนนี้เป็น ตร. สามารถฟ้องวินัยได้ ทำร้ายจิตใจโน่นนี่นั่น ก็ว่ากันไป
- เข้า รพ. ปุ๊บ ไม่มีอะไรเกิดขึ้น ?
หนึ่ง : ไม่มีอะไรเกิดขึ้น เพราะแผนนี้ไม่สำเร็จ เนื่องจากไม่ไปถึงพี่ ๆ สื่อ เนื่องจากหนึ่งทนไม่ไหว เขามัดมือ มัดเท้าหนึ่ง
- 10 ล้านใช้ไม่ได้ สุดท้ายระหว่างป่วย ผัวมาเยี่ยมกับลูก ?
หนึ่ง : เขาน่าจะสงสาร หนึ่งผอมมาก ผัวก็เซ็นแยกย้ายให้
- คุณจบเอง ไม่ได้เกี่ยวกับทนาย ?
หนึ่ง : จบตรงนั้น แต่ไม่จบตรงที่เป็นปี เนื่องจากเรามีลูกด้วยกัน เราก็กลับไปดีกัน แต่งงานกับผัวเก่า
- กลับไปดีกันใหม่กับผัวเก่า เท่ากับ 10 ล้านนั้น ประสบความสำเร็จมั้ย ?
หนึ่ง : ไม่ หนูมองว่าหนูยังไม่ได้แบ่งอะไรเลย แต่ตอนนี้หนูติดต่อตลอดกับพี่ทนาย บอกว่าอย่าทิ้งหนูนะ หนูไม่รู้ว่าไอ้นี่จะยังไงกับหนูต่อ เดี๋ยวมันดีไม่ดี พี่อย่าเพิ่งนะ
- คุณจ่าย 10 ล้าน เหมือนทนายตั้มไม่ได้ทำอะไรให้คุณเลย ไม่ได้ขึ้นสู่กระบวนการในชั้นศาลด้วยซ้ำไป แล้วคุณก็ไปคุยกับผัวเอง ผัวก็แยกย้ายให้ เรื่องไม่มีอะไรแล้ว ถัดมาอีกปี คุณดีกัน แต่งงานกัน หลังจากนั้น ?
หนึ่ง : 10 วันค่ะ ก็เลิกกันอีก ทีนี้เลิกจริงเลย แล้วก็กลับไปหาทนายตั้มใหม่ เพราะผัวมีครอบครัวใหม่ พอมีผู้หญิงคนใหม่เข้ามา เราก็อยากให้แบ่งให้ชัดเจน เพราะมึงจะมาอยู่ที่ดินกู บ้านกู เราก็รู้สึกใช่มั้ย
- หลังผ่านไปปีกว่า กลับไปคบกับผัวเก่าอีกครั้งนึง จากนั้น 10 วัน ทะเลาะกันอีก ก็กลับไปหาทนายตั้มอีกใช่มั้ย ?
หนึ่ง : ใช่ค่ะ
- เขาเรียกอีก ?
หนึ่ง : เรียกเงินใหม่อีก 7 แสนค่ะ ไม่เกี่ยวกับ 10 ล้านนั้น
- เป็นไปได้มั้ยว่า 10 ล้านนั้น มันอาจจบไปแล้วหรือเปล่า พอจะหย่าใหม่เลยเรียกอีก 7 แสน ?
หนึ่ง : เขาพูดกับหนึ่งแบบนั้นค่ะว่ามันจบลงแล้ว ตั้งแต่วันที่หนึ่งเซ็นสัญญาแยกย้ายกับแฟน ซึ่งมันเป็นคำตัดสินของพี่ทนายเขา ไม่ได้เป็นไปตามข้อตกลงว่าจะจบด้วยการแบ่งกรรมสิทธิ์ร่วม แบ่งสมบัติกัน มันยังไม่จบเลย เรายังไม่ได้แบ่งทรัพย์สิน ยังไม่ได้ขึ้นศาลเลย มันจบแล้วได้เหรอ เขายังไม่ได้เริ่มทำงาน ไม่มีการยื่นโนติส
- เขาบอกทำงานเป็นจ๊อบ ๆ แต่คุณมองว่า 10 ล้านยังไม่บรรลุเป้าหมาย ?
หนึ่ง : ใช่ค่ะ
- 10 ล้าน มีการตกลงว่าต้องแบ่งทรัพย์สินจากผัวด้วย ?
หนึ่ง : ใช่ ต้องเลิกกันขาด ต้องแบ่งกันให้เรียบร้อย งานถึงจะจบ 10 ล้าน หนึ่งก็จะได้ไปมีชีวิตใหม่ ต่างคนต่างแยกย้าย จบ แต่มันไม่จบเหมือนที่เราคุยกัน พอมันไม่จบ หนึ่งก็ต้องดิ้นรน หนึ่งเป็นหนี้ที่เขาบอกว่าหนึ่งโกงค่ะ สตอรี่มันเชื่อมโยงกัน หนี้มากมาย
- หลังคุณมาเปิดเรื่องนี้ คู่กรณีคุณออกมาสวน คู่กรณีคุณชื่ออะไร?
หนึ่ง : เคยเป็นเพื่อนรักกันค่ะ ชื่อคุณรุ่ง เราพยายามขอคุยกับเขา แต่เขาไม่คุย กราบตีนเขาก็ไม่ยอม ดีเหมือนกันค่ะ มาในรายการตรงนี้เพื่อเราจะได้คุยกัน เผื่อมันจะดีขึ้น หนึ่งขอแค่ให้เขาเลิกด่าแม่หนึ่งก็พอแล้วค่ะ
- มีสองคน คือหญิงกับรุ่งนภา คุณรุ่งนภาอยู่ในสาย ?
รุ่งนภา : เป็นเพื่อนรักค่ะ แต่ตายไปแล้ว อยู่แค่ในความทรงจำ ที่นั่งอยู่คือจำเลยค่ะ รุ่งอยู่ในฐานะโจทก์ค่ะ
หนึ่ง : ให้เขาเล่าเลยค่ะ เดี๋ยวหนึ่งจะได้อธิบายว่าเป็นเพราะอะไร
รุ่งนภา : ที่เขาบอกว่าเชื่อมโยงที่เขาโดนโกง ขอบอกว่าไม่เชื่อมโยงกันค่ะ คนละเรื่อง ตอนปี 65 หนึ่งมีปัญหากับทางบ้าน หนีไปอยู่กาญจนบุรีกับผัวใหม่ แล้ว โทร. หารุ่ง โดนคดีแรงงาน จะฆ่าตัวตาย จะโดดตึกตาย แม่ไม่ให้เงินสู้คดีแรงงาน รุ่งก็ไปรับจากกาญจน์ฯ จะช่วยกันว่าจะสู้คดียังไง เขาไม่มีเงินมา มาถึงไม่สบายรุ่งก็พาเข้า รพ. ตั้งหลักกัน ว่ามีหนี้สินเท่าไหร่ เกิดอะไรขึ้น เขาบอกแม่เขาโกง ทางบ้านเขาโกงเขา จนเขาหมดตัว มีคดีติดตัว เขาต้องติดคุกแล้ว จะทำยังไงดี
รุ่งก็ โทร. คุยกับแม่เขาว่าทำไมไม่ช่วยหนึ่ง หนึ่งสร้างมาตั้งเยอะ แม่เขาก็พูดมาเยอะค่ะเป็น ชม. เราก็หว่านล้อมให้ช่วยลูกเขา แต่เขาไม่ช่วย ก็บอกว่าถ้าแม่ไม่ช่วยหนูจะเอาหนึ่งมาดูแลนะ แม่จะว่าไม่ได้นะ เพราะหนึ่งขอความช่วยเหลือจากรุ่ง แม่เขาก็ผลักไสไล่ส่งแหละ อยากไปดูแลก็ตามสบาย แม่เขาพูดมาคำนึง ก็เลยถามว่าทำไมแม่ไม่ช่วยมัน เงินแค่ 9 แสนกว่าบาทเอง ทำไมไม่ช่วยมัน แม่ของอีหนึ่งที่ตายไปก็บอกรุ่งว่าจะไปช่วยมันทำไม ปล่อยให้มันล้มละลายไป ที่เหลือก็ไม่ต้องจ่าย จะจ่ายหนี้ 40-50 ล้าน จะไปจ่ายทำไม ให้อีหนึ่งล้มละลายคนเดียว ทุกอย่างจบ รุ่งก็บอกว่าแม่ ลูกแม่เพิ่ง 36-37 จะไปล้มละลายได้ยังไง คนที่ทำคู่ค้าด้วยล่ะจะทำยังไง แม่จะปล่อยให้มันติดคุกเหรอ แม่บอกว่าแม่ศึกษากฎหมายมาแล้ว แค่ 6 เดือนเท่านั้นแหละ ให้มันติดคุกไป ไม่ต้องเสียเงิน รุ่งก็ไม่ต้องไปเสียเงินกับมัน
ด้วยความรุ่งรู้จักหนึ่งมานานมากก่อนผัวที่มีปัญหา พูดตรง ๆ ว่าเป็นเพื่อนที่รักเลย ทำมาหากินมาด้วยกัน ขายสินค้ามาด้วยกัน ขายเครื่องสำอางมาด้วยกัน ตั้งแต่ไม่มี จนมี จนหมดตัว ก็กลับมาอยู่ด้วยกัน รุ่งก็บอกว่าโอเค งั้นไปรับจากกาญจน์ฯ มาตั้งหลักที่สุพรรณฯ มาขายสินค้า รับผลิตสินค้าตั้งแต่แรก รุ่งอยู่วงการเครื่องสำอาง อาหารเสริม 17 ปี เครดิตรุ่งดี รุ่งใช้เครดิตทั้งหมดช่วยเหลือเขา เขาไม่มีอะไรมาเลย มีแค่เสื้อผ้ากับเงินติดตัวไม่ถึงหลักหมื่น เข้า รพ. รุ่งก็เป็นคนจ่าย พอถึงเวลาปุ๊บ ตั้งหลัก เขามีช่องทางการขายสินค้า มีเพจขายสินค้า แต่ไม่สามารถทำกินได้เพราะโดนแม่ยึด นี่คือคำบอกกล่าวของเขา มาทางรุ่งก็ตั้งหลักกัน
รุ่งบอกโอเค กูมีส่วนของกูอยู่แล้ว ผัวเลี้ยงกูอยู่แล้ว กูมีรายได้ มึงเอาที่เอาออฟฟิศกูตั้ง แล้วเริ่มทำกิน เริ่มใช้หนี้ มึงเชื่อกู 50-60 ล้านของมึง อย่าปล่อยให้ล้มละลาย เพราะคู่ค้าเขาเดือดร้อน ฉะนั้นมึงทำกิน แล้วทยอยใช้หนี้ คนไหนไกล่เกลี่ยได้ ประนีประนอมได้ก็ประนีประนอม พอมาทำกินปุ๊บก็ทำในนามบุคคลก่อน เดือน พ.ย. 65 เขามาอยู่กับรุ่ง ทำกินในนามบุคคลไม่ได้ตั้งบริษัทกัน มันจะมีรายรับสองส่วน ส่วนที่หนึ่งคือการเก็บเงินปลายทาง รุ่งมีของ หาของ ใช้เงินตัวเองลงทุนซื้อของ หนึ่งมีเพจขาย คือเพจหนึ่งบางปู ที่เขาขายสินค้ามาก่อนดั้งเดิม ให้เขาทำกินในเพจเดิม หวังให้เขาใช้หนี้ให้หมด เพื่อตั้งตัวได้ คำพูดของเขาบอกว่าชีวิตกูฝากไว้กับมึง กูขอตายอยู่กับมึง ชื่อเขาก็ย้ายมาอยู่บ้านรุ่ง เราเลยเริ่มทำกินกัน
- เขาติดหนี้คุณยังไง ?
รุ่งนภา : พอทำกินกัน ก็มีเงินรายรับสองช่องทาง หนึ่งคือการเก็บเงินปลายทาง สองคือการโอนเงินเข้าบัญชีเก่าเขาที่เคยทำกินมาก่อน คือบริษัทของเขา การเก็บเงินปลายทาง รุ่งเป็นสมาชิกของขนส่งที่สุพรรณฯ การเก็บเงินปลายทางก็เข้าที่รุ่ง รุ่งแจกแจงหมด ทุกอย่างเป๊ะ เงินรุ่งยังเกินในเก็บเงินปลายทางแสนกว่าบาท นั่นคือเงินส่วนตัวที่รุ่งลงไป เขามีหน้าที่ในการขายสินค้าและยิงแอดโฆษณา ส่วนโอนเงินเข้าบริษัทเขา เขาเป็นกรรมการคนเดียวทีเบิกเงินได้ เขาไปเบิกที่ไหนก็ได้ เขาบอกรุ่งว่าวันนี้เงินเข้า 3 แสน 5 แสน ก็โอนเท่านั้นเลย ส่วนรุ่งไม่รู้เลยว่าเงินเข้าจริง ๆ เท่าไหร่ บัญชีให้เขานำสเตทเมนต์มาส่ง เขาไม่เคยนำมาส่ง
- จะบอกว่าเขาเอาเงินบริษัทไปใช้โดยมิชอบ ?
รุ่งนภา : เอาเงินทำธุรกิจร่วมกันออกไปใช้โดยมิชอบค่ะ
- คุณเสียหายจากเขาเท่าไหร่ ?
รุ่งนภา : รุ่งฟ้องเขา 3 คดี คดีที่หนึ่งล้านกว่าบาท เขาจ่ายแล้ว คดีที่สองเป็นหนี้ส่วนตัว แปลงหนี้เป็นพรีเซ็นเตอร์ 7.2 แสน รุ่งชนะแต่เขาไม่เคยจ่ายแม้แต่บาทเดียว
- ตกลงคุณกับเขาเป็นประเด็นแค่ไหน ?
รุ่งนภา : เขายักยอกเงินค่ะ อยู่ในศาล 7.6 ล้านค่ะ ที่ฟ้องอยู่ คดีอยู่บนชั้นศาลค่ะ
- เขาขึ้นศาลต่อสู้ ?
รุ่งนภา : คดีล่าสุดเขายังไม่มาค่ะ นัดที่ 2 คือ 18 พ.ย. ค่ะ
หนึ่ง : ไม่เห็นมีหมายมาเลยนะคะ
- ตอนนี้อยู่ในกระบวนการ ?
รุ่งนภา : รุ่งฟ้อง ก.ย. ขึ้นศาล เมื่อเดือน ก.ย. ศาลแจ้งว่าคู่ความไม่ได้รับหมาย ขอนำส่งหมายอีกครั้ง นัดไต่สวนครั้งที่สอง วันที่ 18 ค่ะ
- คุณรับทราบตรงนี้แล้ว 18 พ.ย. ก็ไปขึ้นศาลแล้วกัน เท่ากับตรงนี้ต้องรอให้ศาลตัดสินก่อน ?
รุ่งนภา : เงินส่วนนี้เขารู้อยู่แล้วค่ะ เพราะเลขาฯ เขานำส่งสเตทเมนต์ให้เรา คดีแรกที่ยักยอกค่าแอดโฆษณาที่เขายักยอกล้านกว่าบาท เขาส่งสเตทเมนต์ส่วนตัว เลยทำให้เราเห็นว่าเขายักยอกมากกว่าที่เราฟ้อง เราเลยฟ้องคดีที่ 2 ขึ้นมา
- คิดว่าเป็นประเด็นที่คุณโกงเขา แล้วคุณยังไม่ได้ขึ้นศาล แต่คุณไม่ได้หนี ?
หนึ่ง : มีหมายศาลเราก็ไปค่ะ คุณรุ่งพูดไม่หมดค่ะ หนึ่งไม่รู้กฎหมายที่ว่าเอาเงินบริษัทไปใช้ เวลาเขาโอนค่าเพจโฆษณาวันละแสนบาท หนึ่งแบ่งออกวันละ 5 พันบาท 1 หมื่นบาท เขาจะถามว่าแบ่งเงินไว้ใช้หรือยังเพราะเราตกลงกันว่า 70-30 แต่เขาไม่พูดถึงตรงนี้เลย เหมือนหนึ่งก็ตกเป็นจำเลยว่าไปโกงเขาอีกแล้ว
- เรื่องทนายตั้มจะเอายังไงต่อไป ?
หนึ่ง : เราแค่อยากออกมาพูด แชร์ประสบการณ์มากกว่า ไม่ได้คิดว่าจะอะไรหรอกค่ะ แต่ถามว่าอยากได้เงินมั้ย สงสารพ่อแม่มากกว่า ทุกวันนี้ต้องรับหน้า หนึ่งกลายเป็นคนป่วยที่ทำงานได้บ้าง ทำงานไม่ได้บ้าง
- คุณอยากได้อะไร ?
หนึ่ง : ถ้าโดยส่วนตัวหนู หนูไม่อยากได้อะไรเลย หนูอยากได้ชีวิตสงบ แต่หนูสงสารแม่ ถ้าได้เงินคืนแม่ไปแบ่งเบา หรือเป็นทุนใช้หนี้ก็จะเป็นพระคุณกับชีวิตหนูมาก แต่ถ้าไม่ได้หนูคงทำกรรมไว้ ก็คงทำใจ
- อยากขอเงินคืนสักส่วนหรือทั้งหมด ?
หนึ่ง : ก็อยู่ที่คุยกันค่ะ ตอนนี้เขาไม่คุยค่ะ
- เขาอาจมองว่าเป็นค่าวิชาชีพ แต่คุณมองว่ามันยังไม่สิ้นสุด เพราะเรื่องไม่จบตรงนั้น ?
หนึ่ง : ค่ะ
วันที่ 30 ตุลาคม 2567 ในรายการ โหนกระแส ทางช่อง 3 ดำเนินรายการโดย หนุ่ม กรรชัย กำเนิดพลอย ได้สัมภาษณ์แขกรับเชิญ ปอ ตนุภัทร - แซน วิศาพัช และ "เจ๊หนึ่ง บางปู" ในประเด็นของ ทนายตั้ม ษิทรา เบี้ยบังเกิด ที่ถูก "เจ๊อ้อย" เศรษฐีแฉอมเงิน 71 ล้าน พร้อมแจ้งความดำเนินคดี ต่อมาได้มีหลายคนออกมาเล่าประสบการณ์ที่เคยติดต่อกับทนายคนดัง
ทั้งนี้ในช่วงหนึ่งของรายการ เจ๊หนึ่ง บางปู ได้เปิดใจถึงเรื่องที่เคยปรึกษา ทนายตั้ม ษิทรา เรื่องเลิกกับสามี ซึ่งเจ้าตัวเสียเงินไปถึง 10 ล้านบาท ก่อนจะเจอคู่กรณีของตัวเองเปิดประเด็นแฉอีกเรื่อง โดยมีรายละเอียดดังนี้
- คุณหนึ่งก็มีประเด็นกับทนายตั้ม ฝังหุ่นเหมือนกัน ?
หนึ่ง : ไม่ขนาดนั้นค่ะ ตอนนี้หนึ่งเริ่มปลงแล้ว
- คุณรู้ใช่มั้ย ล่าสุดหลังคุณเปิดทนายตั้ม คู่กรณีคุณก็เปิดคุณเหมือนกัน ?
หนึ่ง : ต้องกล่าวก่อนว่าคดีนี้ได้สิ้นสุดลงแล้ว ฟ้องกลับอดีตสามีแบ่งกรรมสิทธิ์ร่วม สมรสไม่จดทะเบียน แต่จบลงแล้ว แต่อันนี้เป็นเรื่องนานแล้ว หนึ่งมีสามีเป็น ตร. แล้วสาเหตุที่หนีออกจากบ้านเพราะมีอาการป่วย ที่คิดว่าตัวเองเป็นโรคซึมเศร้าเป็นระยะเวลา 8 เดือน แล้วมันดิ่ง แล้วหนึ่งไม่รู้ว่าสิ่งที่หนึ่งเป็นคือโรคซึมเศร้า หนึ่งก็ทนไม่ไหวก็ให้ผัวพาไปหาหมอ เขาก็ไม่ได้พาไป เพราะเรามีปัญหาส่วนตัวภายในครอบครัวกัน หนึ่งทนไม่ไหวก็หนีออกจากบ้านเพื่อไปรักษาตัวใน รพ. ขณะเดียวกันต้องการเลิกกับผัวด้วย เพราะตอนนั้นมีปัญหาส่วนตัวที่ไม่สามารถรับได้จริง ๆ พอออกจาก รพ. ก็พยายามหนีไปเรื่อย ๆ โดยไม่มีจุดหมาย โดยที่ไม่ค่อยมีเงินด้วย เพราะหนึ่งจะมีเงินติดตัวครั้งละ 1 แสน เนื่องจากเงินทั้งหมดอดีตสามีเป็นคนเก็บ เขาจะเบิกมาปึกละ 1 กิโล 1 ล้านบาท ปึกนึงแสนใส่กระเป๋าตังค์หนึ่งไว้ เป็นแบบนี้ตลอด เนื่องจากเราตกลงกันว่าผัวจะเป็นคนเก็บเงิน เราก็ไม่คิดว่าเราจะรวยด้วย
- ตอนนั้นรวยด้วย ?
หนึ่ง : เริ่มมีฐานะค่ะ หนึ่งเป็นเด็กบ้านนอกคนนึงธรรมดาเลย แต่เราขายของออนไลน์แล้วดันโชคดีรวย สำหรับคนบ้านนอกอย่างหนู ก็ 20 ล้านขึ้นไป ถือว่ารวย เราก็ได้เงินทีละแสน เรามีเงินไม่เยอะ หนึ่งก็จะขอความช่วยเหลือ อยากไปอยู่มูลนิธิ เพราะหนึ่งไม่มีเงิน ก็ได้โทรปรึกษาผู้จัดการส่วนตัว ตอนนี้ไม่ได้เป็นดาราแล้ว พี่เขารู้จักพี่บุ๋ม พี่บุ๊คได้โทรหาพี่บุ๋ม ฝากฝังน้องว่าหนึ่งเดือดร้อน พี่บุ๋มเขาชอบช่วยคน เราสภาพจิตใจความเป็นเมียไม่ไหว เขาก็ช่วยโดยการให้เล่าเรื่องราว พอเล่าไปแล้ว เขาก็บอกว่าถ้าเกิดเคสประมาณนี้ พี่ว่าต้องทนายคนนี้
- คือทนายตั้ม ?
หนึ่ง : คู่กรณีค่ะ ไม่กล้าพูดค่ะ หนูไม่มีเงิน ถ้าฟ้องหนูก็ต้องติดคุกค่ะ หนูสร้างปัญหาให้ทางบ้านเยอะแล้วค่ะ สร้างปัญหาให้ทนายหนูเยอะแล้ว หนูไม่อยากสร้างปัญหาอีกต่อไปแล้ว
- คุณบุ๋มให้เบอร์ทนายคนนี้มา เพราะคุณมีปัญหากับสามี คุณติดต่อ ทนาย ต. ?
หนึ่ง : ใช่ค่ะ เขาก็ให้หนึ่งเล่าสตอรี่ ว่าเราไปยังไง เราก็เล่าให้ฟัง เขาถามว่าหนูจะหนีทำไม หนูก็เล่าความจริงว่าเกิดอะไรขึ้น หนูไม่อยากอยู่ หนูตัดสินใจดีแล้วว่าหนูจะเลิก แต่ไม่กล้ากลับไปที่บ้าน เพราะผัวอยู่ที่บ้านหนูเองอยู่ที่บริษัท เพราะหนูกลัวผัวตัวเอง เขาก็เข้าเรื่องที่ทรัพย์สิน มีทรัพย์สินเท่าไหร่
- ทนายถามคุณแล้วคุณตอบว่ายังไง ?
หนึ่ง : เราก็ตอบไปว่ามีอันนี้ ๆ เขาเหมือนหมอมารักษาเรา เราป่วยตรงไหนเจ็บตรงไหนก็ต้องบอก เราก็บอกไป ประมาณนึง เขาก็บอกว่าเดี๋ยวพี่จะลองปรึกษานาย ว่าเคสประมาณนี้ นายมีหนทางช่วยมั้ย แต่ไม่รับปากว่าเขาจะรับทำหรือเปล่านะ นายคนนั้นคือบิ๊ก ตร.ใหญ่ ซึ่งหนึ่งก็น่าจะรู้ว่าเป็นใคร สาเหตุที่หนึ่งรู้ว่าเป็นใคร เนื่องจากอดีตสามีหนึ่งเขาเป็นคนขับรถบิ๊ก ตร.ใหญ่ บิ๊ก ม. ม้า ซึ่งเป็นรุ่นเดียวกันกับที่จบ บิ๊ก จ.จาน หนึ่งยอมรับค่ะบอกตรง ๆ
- คือบิ๊กโจ๊ก แล้วยังไงต่อ ?
หนึ่ง : เขาหายไป 1 วัน บอกขอไปปรึกษานายก่อน แล้วเขาก็ โทร. มาบอกว่า 10 ล้านบาท หนูก็หูวว ทำไมเยอะจัง
- ทนายเรียกคุณ 10 ล้าน ?
หนึ่ง : ค่ะ เขาบอกว่าเทียบกับทรัพย์สินที่เรามี หนึ่งก็ถามว่า 8 ล้านไม่ได้เหรอ
- คุณบอกทรัพย์สินคุณมี 20 ล้านไม่ใช่เหรอ ?
หนึ่ง : ไม่ใช่ค่ะ หนึ่งหมายถึงคนบ้านนอก ถ้าบอกว่า 20 ล้าน นั่นคือรวยมากเลย
- เขาเรียก 10 ล้าน เทียบจากทรัพย์สินคุณยังไง ?
หนึ่ง : ในความเป็นจริง มันมี 9 หลักค่ะ ประมาณ 200 กว่าล้านค่ะ
- ทนายไล่ถามคุณเลยว่ามีอะไรเท่าไหร่ เพราะแยกกันระหว่างคุณกับสามี แล้วเขาบอกว่า ?
หนึ่ง : ค่าทนาย 10 ล้าน หนึ่งบอกว่าขอ 8 ล้านได้มั้ย เขาบอกขอเวลา 15 นาที เดี๋ยวลองคุยกับนายก่อน หายไปแล้ว โทร. กลับมาว่าไม่ได้นะหนึ่ง ต้อง 10 ล้าน ถ้าไม่ 10 ล้าน พี่คงรับทำไม่ได้
- 10 ล้านเป็นค่าทนาย ?
หนึ่ง : ความเข้าใจของหนึ่งมีสองอย่าง หนึ่งคือเส้น เหมือนหนึ่งมีความหวังว่าบิ๊ก ตร. คนนี้อาจช่วยเคลียร์หรือช่วยชีวิตหนึ่งได้ หนึ่งหวังอย่างนั้น เพราะเขาพูดให้ความหวัง ให้หนึ่งเข้าใจแบบนั้น เขาบอกว่าเคสแฟนหนึ่งไม่ยาก เพราะเช็กดูแล้ว ไม่ธรรมดา หนึ่งก็เข้าใจว่าเขาเช็กจริง ๆ แต่หนึ่งไปเล่าให้เขาฟังหมดแล้วว่าผัวตัวเองเป็นยังไง ลูกน้อง บิ๊ก ม. ก็ต้องรู้ว่ารุ่นเดียวกับบิ๊กโจ๊ก เราก็ไม่รู้เขาพูดจริงหรือไม่จริง แต่หนึ่งเข้าใจไปแล้วว่าเขาจะช่วย
- วันนี้คุณออกมาพูดเพราะอะไร ?
หนึ่ง : เพราะกระแสทุกอย่างรุนแรง หนูแค่ไประบายกับบิ๊กเกรียน แซวขำ ๆ ว่าไม่ได้มีเจ๊อ้อยคนเดียวนะที่โดน เจ๊หนึ่งก็โดน 10 ล้าน
- ถ้าเขาบอกว่าเป็นค่าทนายล่ะ ?
หนึ่ง : แต่ความเข้าใจของหนึ่ง คุณคุยกับลูกความ คือการที่นายจะช่วยเรา หนึ่งต่อขอ 8 ล้าน เขาบอกว่าของนายคนเดียวก็ไม่พอแล้ว ของพี่ก็ต้องมีค่าใช้จ่ายโน่นนี่นั่น หนูก็เลยยินดีที่จะจ่าย เพื่อชีวิตใหม่ของหนึ่ง หนึ่งต้องการให้นายช่วย เป็นความหวังของหนึ่งในตอนนั้น
- ตกลงคุณหนึ่งจ่าย 10 ล้าน แล้วเขาทำงานให้มั้ย ?
หนึ่ง : เขาขับรถมารับเช็ค หลายคนอาจสงสัยว่าไหนบอกว่าไม่มีเงิน อย่างที่บอก หนึ่งไม่ได้เก็บเงิน ผัวเก็บเงิน หนึ่งได้ใช้ทีละหนึ่งแสน หมดก็ค่อยขอใหม่ เป็นอย่างนี้มาโดยตลอด เพราะเราทำแต่งาน หนึ่งขายครีม ทำเครื่องสำอางของตัวเอง มีโรงงาน ทำตั้งแต่สาวจนถึงแก่แล้ว ประมาณ 14-15 ปีแล้ว มันเป็นไปได้ที่จะมี หนึ่งมีเงินไม่ถึงแสน เลยร้องขอไปอยู่ตามมูลนิธิ เพราะเดี๋ยวเงินหมด หนึ่งไม่ได้ติดต่อกับผัวแล้ว เสร็จแล้วเราจะทำยังไง เงินก็ไม่มี ก็กู้ค่ะ
- ตอนนั้นมี 200 ล้าน ไม่ใช่เหรอ ?
หนึ่ง : อยู่กับผัวค่ะ มันไม่ใช่เงินสด ๆ นะคะ มันเป็นทรัพย์สิน บ้านโน่นนี่นั่น รถ
- เอาเงิน 10 ล้านจากที่ไหนไปจ่ายให้เขา ?
หนึ่ง : ไปกู้แบงก์ให้เขาค่ะ เพราะชื่อกรรมการผู้จัดการใหญ่ ผู้มีอำนาจลงนามคือหนึ่ง อันนี้โชคดีเลยกู้ได้ ก็เอาหลักฐานการกู้มาเรียบร้อย เป็นหนี้เต็มเลย
- คุณจ้างทนายความ คุณก็ต้องจ่ายหรือเปล่า ?
หนึ่ง : ถูกต้องค่ะ แล้วนี่เป็นครั้งแรกที่หนึ่งจ้างทนายความ นี่คือเรื่องจริง ที่ผ่านมาผัวจัดการทุกอย่าง ไม่ว่าทนายบริษัท ทนายประจำตัว คนดูแลโน่นนี่นั่น ผัวจัดการหมด ชัดเจนค่ะ
- จะบอกว่าไปกู้เงินมาให้ทนายตั้มเพื่อเป็นค่าทนาย ถ้าบอกว่าเป็นค่าวิชาชีพเขา มันก็พูดได้นะเพราะคุณตกลงแล้ว ?
หนึ่ง : ใช่ค่ะ ตกลงแล้ว แต่หนูมาพูดในความสัตย์จริงของหนูว่าหนูเข้าใจแบบนั้น ว่าให้นายเท่านี้
- เขาเรียกว่านายเหรอ ?
หนึ่ง : เขาเรียกพี่ค่ะ แต่เราเป็นครอบครัว ตร. เราจะเรียกว่านายให้เกียรติ เขาบอกว่าถ้าผัวหนูออกจากชีวิตหนูไม่ได้ เขาจะให้นายช่วยย้าย สามารถทำได้หลายกรณี ย้ายไปอยู่ 3 จังหวัดชายแดนภาคใต้ก็ได้ มันง่ายนิดเดียว เหมือนผัวหนูเป็นลูกไก่ในกำมือคือ ตร. เล็ก ๆ แค่ยศนายดาบ มันเข้าใจได้ค่ะ เพราะว่าที่เหลือคืออนาคตและชีวิตของหนู เฮือกสุดท้ายแล้ว หนูยอมเอา 10 ล้าน แลกอนาคตหนู
- จากนั้นก็จ่ายไป ?
หนึ่ง : จ่ายเป็นเช็คค่ะ จ่ายที่ระยอง ซึ่งไปกู้มา 28 เม.ย. วันที่ 30 จ่าย
- วันนี้เราจะทำแค่ประเด็นมีคู่กรณีทนายตั้มในอดีตเปิดหน้ามา เช่นลุงพลก็ออกมาพูดเรื่องทนายตั้ม แต่โอเคไม่ใช่สาระสำคัญ สาระสำคัญคือทนายตั้มกับพี่อ้อยต่างหากว่าเป็นยังไง แต่วันนี้เป็นความน้อยเนื้อต่ำใจ คุณหนึ่งก็เคยโดน 10 ล้าน เขาบอกว่าเป็นค่าวิชาชีพ ?
หนึ่ง : แต่ความเข้าใจหนู คิดว่าเขาเอาไปให้นายเยอะ แล้วเขาได้ส่วนนึง แต่ในความเป็นจริง การทำงานก็เริ่มเกิดขึ้นหลังจากนั้นไม่นาน เขาไปที่โรงงานหนึ่ง มี 3 โรง ไปถ่ายหน้าโรงที่ใหญ่สุด แล้วบอกให้หนึ่งโพสต์ลงโซเชียลเหมือนขอบคุณเขาที่ดูแล เพื่อเขียนเสือให้วัวกลัว แฟนหนึ่งเขาก็รู้ว่าเขาเด็กใคร เดี๋ยวก็ไป คิดว่าแผนนี้ใช้ได้ เราก็เชื่อ เราก็ทำ แต่พอแผนนี้ไม่ได้ สองอาทิตย์ต่อมา แผนต่อไปที่ให้ทำหนักเลย เขาให้หนึ่งแกล้งป่วยเข้า รพ. เพื่อแถลงข่าวกดดันให้ผัวออกจากบริษัท
- ว่าผัวทำให้คุณเครียด คุณป่วย ?
หนึ่ง : ใช่ค่ะ แล้วอาจแสดงดีไป ก็เลยโดนมัดมือมัดเท้า โดนที่ รพ. เพราะหนึ่งไปรักษาจิตเวช
- แสดงได้ด้วยเหรอ ?
หนึ่ง : หนึ่งบอกว่าหนึ่งเครียดมาก หมอถามว่ามีคิดจะฆ่าตัวตายมั้ย หนูก็บอกว่าใช่ค่ะ หนูพยายามทุกวันเลย ก็โดนมัดมือมัดเท้าแล้วค่ะ เราก็โดนเลย เราก็ โทร. หาน้า ไม่กล้าบอกแม่ เดี๋ยวแม่ด่า ก็บอกให้น้ามาช่วยหน่อยอยากออกจาก รพ. ไม่อยากอยู่ตรงนี้ เหมือนมียมทูตเฝ้าหน้าห้อง 2 คน น่ากลัวมาก เป็น รพ.บ้า เครียด ก็ร้องให้น้ามาช่วย น้าก็มา แล้วก็เจอทนายคนนี้ ประมาณ ชม.นึง เขาถามว่าจะเอายังไง น้าคือน้องคนเล็กของแม่ เป็นคนมีความรู้ที่สุดในบ้าน บ้านเราเป็นคนต่างจังหวัดก็เรียนน้อยกัน น้าคนนี้ก็ถามไปว่าจะเอายังไงต่อ จะทำยังไงกับเคสหนึ่ง เขาก็พูด ๆ ไป จบลงแยกย้ายกัน หนึ่งได้ออกจาก รพ. ออกจาก รพ. ประมาณ 2 อาทิตย์ หนึ่งป่วยจริง หนึ่งกินข้าวไม่ได้ นอนไม่หลับ เดี๋ยววุ่นวายอะไรนักหนาไม่รู้ ก็เข้า รพ. ให้น้ำเกลือ เราก็คิดถึงลูก เพราะผัวดูแลลูกเรา ซึ่งยังเล็ก ๆ 4-5 ขวบ ก็คิดถึงลูกมาก ทรมาน อยากตาย ให้พี่เขาเอาลูกมาหาหน่อยได้มั้ย พี่เขาก็เอาลูกมาหา สรุปวันนั้นเป็นวันที่เราเคลียร์กันเองระหว่างผัวเมีย แล้วก็จบด้วยตัวเอง เคลียร์ว่าแยกกันอยู่แล้วเซ็นให้หนึ่งด้วยนะว่าจะไม่มายุ่งกับหนึ่ง แล้วก็มีการเซ็นกันเกิดขึ้น
- จะบอกว่าทนายตั้มไม่ได้เกี่ยวอะไรเลย ?
หนึ่ง : ช่วยแค่สุดท้าย ที่ให้หนึ่งเข้า รพ. ไปเยี่ยมที่ รพ. นั่งคุยกับน้า แล้วก็จบงานแล้ว
- นั่นคือ 10 ล้าน ?
หนึ่ง : ถูกต้องค่ะ หนูพูดด้วยความสัตย์จริง
- คุณถามมั้ยว่า 10 ล้านมีค่าอะไรบ้าง ?
หนึ่ง : มันมีสัญญาที่ตกลงต่อกัน แต่บอกตรง ๆ ว่าหนูหนีเตลิดเปิดเปิง หนูคล้าย ๆ คนเสียสติ แล้วมันหายไปแล้ว แต่หนูเชื่อว่าต้นฉบับอาจอยู่กับเขา ถ้าจะเอามาดู มาคุยกันก็ได้นะคะ ว่าสัญญาเป็นยังไง เพราะในความเข้าใจหนู งานมันยังไม่จบ แต่วันนั้นที่หนูไปหารอบที่สอง วันที่อดีตสามีหนูมีครอบครัวใหม่ไป หนูจะขอแบ่งสินสมรสกรรมสิทธิ์ร่วม ให้ทำงานต่อให้หน่อย 10 ล้าน ทำไมคุณถึงไม่ทำต่อให้ แล้วคุณเรียกอีก 7 แสนบาท แต่เราบอกว่าเราจ่ายไปแล้วไง
- หนึ่งกำลังจะบอกว่าหนึ่งจ่ายเงินให้ทนายตั้ม 10 ล้าน ให้ทำคดีผัวให้ เพราะมีประเด็นมีทรัพย์สินอยู่กับผัว 200 ล้าน ทนายตั้มรับไปแล้ว 10 ล้าน วิธีการคือแนะนำให้คุณโพสต์รูปทนายตั้มก่อน ?
หนึ่ง : เขาบอกผัวหนึ่งจะเข้าใจเอง
- คุณจะบอกว่าหลังจ่ายไปแล้ว 10 ล้าน ทนายให้ถ่ายรูปคู่กันหน้าโรงงานแล้วลงเลย เพื่อให้ฝั่งผัวคุณได้เห็น ?
หนึ่ง : ใช่ค่ะ เหมือนกับไอ้หนึ่งเล่นกูแล้ว
- หลังจากลงไป เขากลัวมั้ย ?
หนึ่ง : ผัวก็อยู่เหมือนเดิม (หัวเราะ) ไม่เห็นกลัวเลย หนูก็บอกว่าพี่ ไม่เห็นกลัวเลย ก็ใช้แผนสอง เข้า รพ. ใช้สื่อกดดัน ว่าคุณคนนี้ทำให้หนึ่งป่วยเป็นโรคซึมเศร้าแบบนี้ อาการหนัก คุณคนนี้เป็น ตร. สามารถฟ้องวินัยได้ ทำร้ายจิตใจโน่นนี่นั่น ก็ว่ากันไป
- เข้า รพ. ปุ๊บ ไม่มีอะไรเกิดขึ้น ?
หนึ่ง : ไม่มีอะไรเกิดขึ้น เพราะแผนนี้ไม่สำเร็จ เนื่องจากไม่ไปถึงพี่ ๆ สื่อ เนื่องจากหนึ่งทนไม่ไหว เขามัดมือ มัดเท้าหนึ่ง
- 10 ล้านใช้ไม่ได้ สุดท้ายระหว่างป่วย ผัวมาเยี่ยมกับลูก ?
หนึ่ง : เขาน่าจะสงสาร หนึ่งผอมมาก ผัวก็เซ็นแยกย้ายให้
- คุณจบเอง ไม่ได้เกี่ยวกับทนาย ?
หนึ่ง : จบตรงนั้น แต่ไม่จบตรงที่เป็นปี เนื่องจากเรามีลูกด้วยกัน เราก็กลับไปดีกัน แต่งงานกับผัวเก่า
- กลับไปดีกันใหม่กับผัวเก่า เท่ากับ 10 ล้านนั้น ประสบความสำเร็จมั้ย ?
หนึ่ง : ไม่ หนูมองว่าหนูยังไม่ได้แบ่งอะไรเลย แต่ตอนนี้หนูติดต่อตลอดกับพี่ทนาย บอกว่าอย่าทิ้งหนูนะ หนูไม่รู้ว่าไอ้นี่จะยังไงกับหนูต่อ เดี๋ยวมันดีไม่ดี พี่อย่าเพิ่งนะ
- คุณจ่าย 10 ล้าน เหมือนทนายตั้มไม่ได้ทำอะไรให้คุณเลย ไม่ได้ขึ้นสู่กระบวนการในชั้นศาลด้วยซ้ำไป แล้วคุณก็ไปคุยกับผัวเอง ผัวก็แยกย้ายให้ เรื่องไม่มีอะไรแล้ว ถัดมาอีกปี คุณดีกัน แต่งงานกัน หลังจากนั้น ?
หนึ่ง : 10 วันค่ะ ก็เลิกกันอีก ทีนี้เลิกจริงเลย แล้วก็กลับไปหาทนายตั้มใหม่ เพราะผัวมีครอบครัวใหม่ พอมีผู้หญิงคนใหม่เข้ามา เราก็อยากให้แบ่งให้ชัดเจน เพราะมึงจะมาอยู่ที่ดินกู บ้านกู เราก็รู้สึกใช่มั้ย
- หลังผ่านไปปีกว่า กลับไปคบกับผัวเก่าอีกครั้งนึง จากนั้น 10 วัน ทะเลาะกันอีก ก็กลับไปหาทนายตั้มอีกใช่มั้ย ?
หนึ่ง : ใช่ค่ะ
- เขาเรียกอีก ?
หนึ่ง : เรียกเงินใหม่อีก 7 แสนค่ะ ไม่เกี่ยวกับ 10 ล้านนั้น
- เป็นไปได้มั้ยว่า 10 ล้านนั้น มันอาจจบไปแล้วหรือเปล่า พอจะหย่าใหม่เลยเรียกอีก 7 แสน ?
หนึ่ง : เขาพูดกับหนึ่งแบบนั้นค่ะว่ามันจบลงแล้ว ตั้งแต่วันที่หนึ่งเซ็นสัญญาแยกย้ายกับแฟน ซึ่งมันเป็นคำตัดสินของพี่ทนายเขา ไม่ได้เป็นไปตามข้อตกลงว่าจะจบด้วยการแบ่งกรรมสิทธิ์ร่วม แบ่งสมบัติกัน มันยังไม่จบเลย เรายังไม่ได้แบ่งทรัพย์สิน ยังไม่ได้ขึ้นศาลเลย มันจบแล้วได้เหรอ เขายังไม่ได้เริ่มทำงาน ไม่มีการยื่นโนติส
- เขาบอกทำงานเป็นจ๊อบ ๆ แต่คุณมองว่า 10 ล้านยังไม่บรรลุเป้าหมาย ?
หนึ่ง : ใช่ค่ะ
- 10 ล้าน มีการตกลงว่าต้องแบ่งทรัพย์สินจากผัวด้วย ?
หนึ่ง : ใช่ ต้องเลิกกันขาด ต้องแบ่งกันให้เรียบร้อย งานถึงจะจบ 10 ล้าน หนึ่งก็จะได้ไปมีชีวิตใหม่ ต่างคนต่างแยกย้าย จบ แต่มันไม่จบเหมือนที่เราคุยกัน พอมันไม่จบ หนึ่งก็ต้องดิ้นรน หนึ่งเป็นหนี้ที่เขาบอกว่าหนึ่งโกงค่ะ สตอรี่มันเชื่อมโยงกัน หนี้มากมาย
- หลังคุณมาเปิดเรื่องนี้ คู่กรณีคุณออกมาสวน คู่กรณีคุณชื่ออะไร?
หนึ่ง : เคยเป็นเพื่อนรักกันค่ะ ชื่อคุณรุ่ง เราพยายามขอคุยกับเขา แต่เขาไม่คุย กราบตีนเขาก็ไม่ยอม ดีเหมือนกันค่ะ มาในรายการตรงนี้เพื่อเราจะได้คุยกัน เผื่อมันจะดีขึ้น หนึ่งขอแค่ให้เขาเลิกด่าแม่หนึ่งก็พอแล้วค่ะ
- มีสองคน คือหญิงกับรุ่งนภา คุณรุ่งนภาอยู่ในสาย ?
รุ่งนภา : เป็นเพื่อนรักค่ะ แต่ตายไปแล้ว อยู่แค่ในความทรงจำ ที่นั่งอยู่คือจำเลยค่ะ รุ่งอยู่ในฐานะโจทก์ค่ะ
หนึ่ง : ให้เขาเล่าเลยค่ะ เดี๋ยวหนึ่งจะได้อธิบายว่าเป็นเพราะอะไร
รุ่งนภา : ที่เขาบอกว่าเชื่อมโยงที่เขาโดนโกง ขอบอกว่าไม่เชื่อมโยงกันค่ะ คนละเรื่อง ตอนปี 65 หนึ่งมีปัญหากับทางบ้าน หนีไปอยู่กาญจนบุรีกับผัวใหม่ แล้ว โทร. หารุ่ง โดนคดีแรงงาน จะฆ่าตัวตาย จะโดดตึกตาย แม่ไม่ให้เงินสู้คดีแรงงาน รุ่งก็ไปรับจากกาญจน์ฯ จะช่วยกันว่าจะสู้คดียังไง เขาไม่มีเงินมา มาถึงไม่สบายรุ่งก็พาเข้า รพ. ตั้งหลักกัน ว่ามีหนี้สินเท่าไหร่ เกิดอะไรขึ้น เขาบอกแม่เขาโกง ทางบ้านเขาโกงเขา จนเขาหมดตัว มีคดีติดตัว เขาต้องติดคุกแล้ว จะทำยังไงดี
รุ่งก็ โทร. คุยกับแม่เขาว่าทำไมไม่ช่วยหนึ่ง หนึ่งสร้างมาตั้งเยอะ แม่เขาก็พูดมาเยอะค่ะเป็น ชม. เราก็หว่านล้อมให้ช่วยลูกเขา แต่เขาไม่ช่วย ก็บอกว่าถ้าแม่ไม่ช่วยหนูจะเอาหนึ่งมาดูแลนะ แม่จะว่าไม่ได้นะ เพราะหนึ่งขอความช่วยเหลือจากรุ่ง แม่เขาก็ผลักไสไล่ส่งแหละ อยากไปดูแลก็ตามสบาย แม่เขาพูดมาคำนึง ก็เลยถามว่าทำไมแม่ไม่ช่วยมัน เงินแค่ 9 แสนกว่าบาทเอง ทำไมไม่ช่วยมัน แม่ของอีหนึ่งที่ตายไปก็บอกรุ่งว่าจะไปช่วยมันทำไม ปล่อยให้มันล้มละลายไป ที่เหลือก็ไม่ต้องจ่าย จะจ่ายหนี้ 40-50 ล้าน จะไปจ่ายทำไม ให้อีหนึ่งล้มละลายคนเดียว ทุกอย่างจบ รุ่งก็บอกว่าแม่ ลูกแม่เพิ่ง 36-37 จะไปล้มละลายได้ยังไง คนที่ทำคู่ค้าด้วยล่ะจะทำยังไง แม่จะปล่อยให้มันติดคุกเหรอ แม่บอกว่าแม่ศึกษากฎหมายมาแล้ว แค่ 6 เดือนเท่านั้นแหละ ให้มันติดคุกไป ไม่ต้องเสียเงิน รุ่งก็ไม่ต้องไปเสียเงินกับมัน
ด้วยความรุ่งรู้จักหนึ่งมานานมากก่อนผัวที่มีปัญหา พูดตรง ๆ ว่าเป็นเพื่อนที่รักเลย ทำมาหากินมาด้วยกัน ขายสินค้ามาด้วยกัน ขายเครื่องสำอางมาด้วยกัน ตั้งแต่ไม่มี จนมี จนหมดตัว ก็กลับมาอยู่ด้วยกัน รุ่งก็บอกว่าโอเค งั้นไปรับจากกาญจน์ฯ มาตั้งหลักที่สุพรรณฯ มาขายสินค้า รับผลิตสินค้าตั้งแต่แรก รุ่งอยู่วงการเครื่องสำอาง อาหารเสริม 17 ปี เครดิตรุ่งดี รุ่งใช้เครดิตทั้งหมดช่วยเหลือเขา เขาไม่มีอะไรมาเลย มีแค่เสื้อผ้ากับเงินติดตัวไม่ถึงหลักหมื่น เข้า รพ. รุ่งก็เป็นคนจ่าย พอถึงเวลาปุ๊บ ตั้งหลัก เขามีช่องทางการขายสินค้า มีเพจขายสินค้า แต่ไม่สามารถทำกินได้เพราะโดนแม่ยึด นี่คือคำบอกกล่าวของเขา มาทางรุ่งก็ตั้งหลักกัน
รุ่งบอกโอเค กูมีส่วนของกูอยู่แล้ว ผัวเลี้ยงกูอยู่แล้ว กูมีรายได้ มึงเอาที่เอาออฟฟิศกูตั้ง แล้วเริ่มทำกิน เริ่มใช้หนี้ มึงเชื่อกู 50-60 ล้านของมึง อย่าปล่อยให้ล้มละลาย เพราะคู่ค้าเขาเดือดร้อน ฉะนั้นมึงทำกิน แล้วทยอยใช้หนี้ คนไหนไกล่เกลี่ยได้ ประนีประนอมได้ก็ประนีประนอม พอมาทำกินปุ๊บก็ทำในนามบุคคลก่อน เดือน พ.ย. 65 เขามาอยู่กับรุ่ง ทำกินในนามบุคคลไม่ได้ตั้งบริษัทกัน มันจะมีรายรับสองส่วน ส่วนที่หนึ่งคือการเก็บเงินปลายทาง รุ่งมีของ หาของ ใช้เงินตัวเองลงทุนซื้อของ หนึ่งมีเพจขาย คือเพจหนึ่งบางปู ที่เขาขายสินค้ามาก่อนดั้งเดิม ให้เขาทำกินในเพจเดิม หวังให้เขาใช้หนี้ให้หมด เพื่อตั้งตัวได้ คำพูดของเขาบอกว่าชีวิตกูฝากไว้กับมึง กูขอตายอยู่กับมึง ชื่อเขาก็ย้ายมาอยู่บ้านรุ่ง เราเลยเริ่มทำกินกัน
- เขาติดหนี้คุณยังไง ?
รุ่งนภา : พอทำกินกัน ก็มีเงินรายรับสองช่องทาง หนึ่งคือการเก็บเงินปลายทาง สองคือการโอนเงินเข้าบัญชีเก่าเขาที่เคยทำกินมาก่อน คือบริษัทของเขา การเก็บเงินปลายทาง รุ่งเป็นสมาชิกของขนส่งที่สุพรรณฯ การเก็บเงินปลายทางก็เข้าที่รุ่ง รุ่งแจกแจงหมด ทุกอย่างเป๊ะ เงินรุ่งยังเกินในเก็บเงินปลายทางแสนกว่าบาท นั่นคือเงินส่วนตัวที่รุ่งลงไป เขามีหน้าที่ในการขายสินค้าและยิงแอดโฆษณา ส่วนโอนเงินเข้าบริษัทเขา เขาเป็นกรรมการคนเดียวทีเบิกเงินได้ เขาไปเบิกที่ไหนก็ได้ เขาบอกรุ่งว่าวันนี้เงินเข้า 3 แสน 5 แสน ก็โอนเท่านั้นเลย ส่วนรุ่งไม่รู้เลยว่าเงินเข้าจริง ๆ เท่าไหร่ บัญชีให้เขานำสเตทเมนต์มาส่ง เขาไม่เคยนำมาส่ง
- จะบอกว่าเขาเอาเงินบริษัทไปใช้โดยมิชอบ ?
รุ่งนภา : เอาเงินทำธุรกิจร่วมกันออกไปใช้โดยมิชอบค่ะ
- คุณเสียหายจากเขาเท่าไหร่ ?
รุ่งนภา : รุ่งฟ้องเขา 3 คดี คดีที่หนึ่งล้านกว่าบาท เขาจ่ายแล้ว คดีที่สองเป็นหนี้ส่วนตัว แปลงหนี้เป็นพรีเซ็นเตอร์ 7.2 แสน รุ่งชนะแต่เขาไม่เคยจ่ายแม้แต่บาทเดียว
- ตกลงคุณกับเขาเป็นประเด็นแค่ไหน ?
รุ่งนภา : เขายักยอกเงินค่ะ อยู่ในศาล 7.6 ล้านค่ะ ที่ฟ้องอยู่ คดีอยู่บนชั้นศาลค่ะ
- เขาขึ้นศาลต่อสู้ ?
รุ่งนภา : คดีล่าสุดเขายังไม่มาค่ะ นัดที่ 2 คือ 18 พ.ย. ค่ะ
หนึ่ง : ไม่เห็นมีหมายมาเลยนะคะ
- ตอนนี้อยู่ในกระบวนการ ?
รุ่งนภา : รุ่งฟ้อง ก.ย. ขึ้นศาล เมื่อเดือน ก.ย. ศาลแจ้งว่าคู่ความไม่ได้รับหมาย ขอนำส่งหมายอีกครั้ง นัดไต่สวนครั้งที่สอง วันที่ 18 ค่ะ
- คุณรับทราบตรงนี้แล้ว 18 พ.ย. ก็ไปขึ้นศาลแล้วกัน เท่ากับตรงนี้ต้องรอให้ศาลตัดสินก่อน ?
รุ่งนภา : เงินส่วนนี้เขารู้อยู่แล้วค่ะ เพราะเลขาฯ เขานำส่งสเตทเมนต์ให้เรา คดีแรกที่ยักยอกค่าแอดโฆษณาที่เขายักยอกล้านกว่าบาท เขาส่งสเตทเมนต์ส่วนตัว เลยทำให้เราเห็นว่าเขายักยอกมากกว่าที่เราฟ้อง เราเลยฟ้องคดีที่ 2 ขึ้นมา
- คิดว่าเป็นประเด็นที่คุณโกงเขา แล้วคุณยังไม่ได้ขึ้นศาล แต่คุณไม่ได้หนี ?
หนึ่ง : มีหมายศาลเราก็ไปค่ะ คุณรุ่งพูดไม่หมดค่ะ หนึ่งไม่รู้กฎหมายที่ว่าเอาเงินบริษัทไปใช้ เวลาเขาโอนค่าเพจโฆษณาวันละแสนบาท หนึ่งแบ่งออกวันละ 5 พันบาท 1 หมื่นบาท เขาจะถามว่าแบ่งเงินไว้ใช้หรือยังเพราะเราตกลงกันว่า 70-30 แต่เขาไม่พูดถึงตรงนี้เลย เหมือนหนึ่งก็ตกเป็นจำเลยว่าไปโกงเขาอีกแล้ว
- เรื่องทนายตั้มจะเอายังไงต่อไป ?
หนึ่ง : เราแค่อยากออกมาพูด แชร์ประสบการณ์มากกว่า ไม่ได้คิดว่าจะอะไรหรอกค่ะ แต่ถามว่าอยากได้เงินมั้ย สงสารพ่อแม่มากกว่า ทุกวันนี้ต้องรับหน้า หนึ่งกลายเป็นคนป่วยที่ทำงานได้บ้าง ทำงานไม่ได้บ้าง
- คุณอยากได้อะไร ?
หนึ่ง : ถ้าโดยส่วนตัวหนู หนูไม่อยากได้อะไรเลย หนูอยากได้ชีวิตสงบ แต่หนูสงสารแม่ ถ้าได้เงินคืนแม่ไปแบ่งเบา หรือเป็นทุนใช้หนี้ก็จะเป็นพระคุณกับชีวิตหนูมาก แต่ถ้าไม่ได้หนูคงทำกรรมไว้ ก็คงทำใจ
- อยากขอเงินคืนสักส่วนหรือทั้งหมด ?
หนึ่ง : ก็อยู่ที่คุยกันค่ะ ตอนนี้เขาไม่คุยค่ะ
- เขาอาจมองว่าเป็นค่าวิชาชีพ แต่คุณมองว่ามันยังไม่สิ้นสุด เพราะเรื่องไม่จบตรงนั้น ?
หนึ่ง : ค่ะ