แม่อึ้ง จู่ ๆ ครูชมว่าพ่อสอนการบ้านลูกได้ดี ทั้งที่สามีตายไป 3 ปี รู้ที่มาจากปากลูกทำจุกอก ความลับอันตรายที่เก็บไว้ กับความในใจจากลูก
วันที่ 26 ตุลาคม 2567 เว็บไซต์ Phu Nu & Phap Luat
รายงานเรื่องราวของแม่เลี้ยงเดี่ยวรายหนึ่งจากประเทศเวียดนาม
เธอมีลูกสาวเรียนอยู่ชั้น ป.1 ขณะที่สามีของเธอเสียชีวิตไปนานถึง 3 ปีแล้ว
ทำให้ความทรงจำของลูกสาวเกี่ยวกับพ่อค่อนข้างเลือนราง
แต่ถึงอย่างนั้นลูกสาวก็มักระมัดระวังในการถามถึงพ่อเพื่อไม่ให้แม่ต้องเศร้า
และมักจะยิ้มแย้มอยู่เสมอ
ราวจะบอกว่าตัวเองกับแม่จะยังใช้ชีวิตต่อได้เป็นอย่างดี
แม้พ่อจะไม่อยู่ด้วยกันแล้วก็ตาม
หลายครั้งแม่มักถามลูกสาวว่าเศร้าไหมที่พ่อไม่อยู่แล้ว ซึ่งลูกก็มักจะตอบว่า แค่เล็กน้อยเท่านั้น และไม่ได้ต้องการให้ใครมาเป็นพ่อแทนด้วย จากนั้นลูกสาวก็จะกอดตุ๊กตาหมีตัวเล็ก ๆ ที่พ่อเคยให้เป็นของขวัญวันเกิดก่อนที่เขาจะจากไป สิ่งนี้ได้กลายมาเป็นตัวแทนพ่อไปแล้ว
หลายครั้งที่แม่คิดว่าควรมีรักครั้งใหม่ แต่งงานกับใครสักคนเพื่อให้รู้สึกอุ่นใจที่มีผู้ชายในบ้าน และลูกสาวจะได้มีพ่อคอยดูแล แต่เธอก็ไม่สามารถทำได้เพราะยังรักสามีอยู่มาก ตอนนี้ในใจของเธอยังคงมีแค่สามีผู้ล่วงลับ
อย่างไรก็ตาม แม่สังเกตว่าลูกสาวยังมีความสุขมากและตื่นเต้นที่ได้คุยเรื่องพ่อกับเพื่อน ๆ ราวกับพ่อยังมีชีวิตอยู่ แต่เธอก็ไม่ได้ใส่ใจอะไรนัก เพราะคิดว่าในจุดหนึ่งเดี๋ยวลูกก็โตและก็เลิกพูดถึงพ่อไปเอง แต่กลายเป็นว่าเรื่องทุกอย่างนั้นอยู่เหนือสิ่งที่เธอคาดไว้มาก ๆ
โดยเมื่อสัปดาห์ที่ผ่านมา
แม่บังเอิญพบครูของลูกสาวที่ร้านกาแฟ
ตอนนั้นครูจึงเชิญให้แม่มาพูดคุยเรื่องการเรียนของลูกสาวด้วยกัน
ตอนนั้นครูหยิบผลการสอบของลูกออกมาให้แม่ดู
แล้วชื่นชมเด็กหญิงว่าทำได้ดีมาก
และยังชื่นชมไปถึงคุณพ่อที่สอนการบ้านลูกสาวได้ดีมาก ๆ
ทำให้เด็กหญิงที่ไม่ค่อยใส่ใจเรื่องการเรียนและไม่เก่งวิชาคณิตศาสตร์
มีพัฒนาการด้านการเรียนที่ดีขึ้นมาก ๆ
ได้ฟังดังนั้นแม่ก็ประหลาดใจมาก และถามครูว่า "ทำไมครูถึงชมสามีฉันที่สอนลูกได้ดีล่ะ ฉันไม่เข้าใจค่ะ" ครูจึงตอบว่า เด็กหญิงเล่าให้ฟังว่าตอนอยู่บ้าน พ่อมักจะเป็นคนสอนหนังสือให้ เธอชอบมากจึงเรียนรู้ได้ไวและพัฒนาด้านการเรียนเร็วมากในช่วงหลัง
"แต่สามีฉันเสียไปเมื่อ 3 ปีก่อนนะ" แม่ตอบกลับไปเช่นนั้น ทำให้ครูก็อึ้งไปเหมือนกันเพราะเมื่อวานครูก็เพิ่งเห็น ‘พ่อ’ มารับเด็กหญิงที่ประตูโรงเรียนอยู่เลย
เรื่องนี้ฟังยังไงก็ผิดปกติ เพราะสามีของเธอเสียไปนานหลายปีแล้ว และเธอก็ยังไม่ได้แต่งงานใหม่ แถมเธอก็ยังเป็นคนไปรับลูกหลังเลิกเรียนทุกวัน เรื่องที่ครูเล่ามานั้นจึงฟังดูแปลกประหลาดมาก ในวันนั้นเมื่อแม่กลับบ้านไปจึงพยายามพูดกับลูกสาว ขอให้เล่าความจริงมาตรง ๆ ซึ่งสิ่งที่ได้ฟังนั้นทำให้แม่ตกใจมาก
ปรากฏว่าลูกสาวขอให้เพื่อนบ้านคนหนึ่งมาช่วยสอนการบ้านและทำแบบฝึกหัดด้วยกันโดยไม่บอกแม่ แถมทั้งคู่ยังเข้ากันได้ดีมากจนเด็กหญิงขอเรียกเพื่อนบ้านว่า ‘พ่อ’ หลายครั้งที่เขามักจะไปรับเด็กหญิงที่โรงเรียนก่อนเวลา จากนั้นก็จะพากลับมาส่งคืนที่ห้องเรียน ทุกอย่างนี้เป็นความลับที่เกิดขึ้นมานานแล้วโดยที่แม่ไม่เคยรู้สักนิด
ได้ฟังสิ่งที่ลูกสาวเล่า แม่ก็ตำหนิว่า "ลูกประมาทเกินไปแล้ว รู้ไหมว่ามันอันตรายแค่ไหน แม่บอกลูกหลายครั้งแล้วว่าไม่ให้เข้าใกล้คนแปลกหน้า ถ้าเขากลายเป็นคนเลวและทำร้ายลูกจะทำยังไง"
แต่เด็กหญิงยังเถียงกลับว่าอีกฝ่ายไม่ใช่คนเลว แถมยังช่วยสอนหนังสืออีกด้วย อย่างไรก็ตาม แม่ยังคงไม่ยอมรับเรื่องที่ลูกสาวไปเรียกผู้ชายคนนั้นว่าพ่อ เพราะมองว่าไม่เหมาะสมและจะทำให้เกิดความเข้าใจผิดขึ้น
ตอนนั้นเองที่ลูกสาวตอบกลับว่า "แต่หนูอยากมีพ่อ"
คำพูดของลูกทำให้แม่จุกอกและรู้สึกขมในลำคอ เธอลดเสียงลงแล้วถามว่า "แล้วทำไมลูกถึงเคยบอกว่าไม่เศร้า และไม่คิดถึงพ่อล่ะ"
ตอนนั้นเอง ลูกสาวจึงยอมสารภาพว่าตัวเองโกหกเพราะอยากให้แม่มีความสุข แต่ตอนที่เห็นเพื่อน ๆ อยู่กับพ่อ ก็ทำให้ตัวเองอยากมีพ่อด้วย นอกจากนี้เธอยังถูกเพื่อนล้อว่าเป็นเด็กชาวป่าที่ไม่มีพ่อ จึงขอให้เพื่อนบ้านรายนั้นมารับที่โรงเรียน เพื่อน ๆ จะได้เห็นว่าเธอมีพ่อแล้วหยุดล้อซะที
"หนูหวังว่าพ่อจะยังมีชีวิตอยู่ จะได้มาเล่นกับหนูเหมือนพ่อของพวกเพื่อน ๆ" ลูกสาวเล่าเสียงเศร้า
ความในใจของลูกสาวทำให้แม่น้ำตาไหลทันที เธอรู้สึกผิดกับลูกสาวอย่างมาก เพราะไม่เคยรู้เลยว่าลูกต้องแบกรับและเก็บซ่อนความรู้สึกไว้ในใจตลอดเวลา จนเลือกทำในสิ่งที่ไม่รู้ว่าจะมีอันตรายแค่ไหน สิ่งที่เกิดขึ้นทำให้ผู้เป็นแม่สับสนอย่างมาก เธอไม่รู้จริง ๆ ว่าจะเติมเต็มช่องว่างของพ่อในใจลูกยังไง รวมถึงไม่รู้ว่ามีสิ่งไหนอีกที่ต้องทำเพื่อลูก เพราะเธอก็พยายามอย่างเต็มที่แล้วเช่นกัน