สาวเจ็บใจ โดนเพื่อนบูลลี่เรื่องหน้าตา ไม่เหมือนกับว่าจะมาจากแถวนี้เลย ตรวจ DNA พิสูจน์ให้รู้กัน สุดท้ายกลับพบตัวตนที่แท้จริง ที่เจ้าตัวไม่รู้มาก่อนตลอดชีวิต แม่ไม่บอกหนูเลย
ที่ 1 พฤศจิกายน 2567 เว็บไซต์เซาธ์ไชน่ามอร์นิ่งโพสต์ เผยว่า เมื่อไม่นานมานี้ มีหญิงสาวรายหนึ่งในประเทศจีน ได้ออกมาเปิดเผยเรื่องราวที่ทำให้ผู้คนตกตะลึงไปตามกัน ภายหลังจากเธอตัดสินใจตรวจพิสูจน์ดีเอ็นเอ เพื่อลบคำสบประมาทของเพื่อนที่มักจะล้อเลียนหน้าตาของเธอ แต่กลับกลายเป็นได้เจอความลับเกี่ยวกับตัวเธอเออย่างที่ไม่คาดฝัน
หญิงสาวชื่อสกุลต่ง วัย 24 ปี อาศัยอยู่ในเมืองซินเซียง มณฑลเหอหนาน ทางตอนเหนือของประเทศจีน เมื่อวันที่ 24 ตุลาคม ที่ผ่านมา เธอได้ให้สัมภาษณ์กับสื่อท้องถิ่นเผยว่า หลังเธอเริ่มเข้าทำงาน เพื่อนร่วมงานของเธอมักจะคอมเมนต์เกี่ยวกับเรื่องรูปลักษณ์ที่โดดเด่นของเธอ โดยบอกว่า "คุณดูไม่เหมือนพวกเราเลย จมูกคุณกว้าง ริมฝีปากคุณหนา ตาคุณโตและลึกกว่าพวกเรา คุณดูไม่เหมือนคนจากเหอหนานเลย"
หลังจากได้ยินคำพูดเช่นนั้นหลายครั้ง ก็ทำให้ต่งรู้สึกไม่สบายใจและเกิดความคับข้องใจ จึงได้ไปถามพ่อแม่ของเธอว่าทำไมหน้าตาของเธอถึงดูแตกต่างจากคนอื่น ๆ ในพื้นที่ ทว่าทุกครั้งพ่อแม่ของเธอจะหลีกเลี่ยงบ่ายเบี่ยงไม่ยอมตอบคำถาม จนทำให้เธอยิ่งสงสัยมากกว่าเดิม แม้กระทั่งข้อมูลเกี่ยวกับวันเกิดของเธอ พวกเขายังตอบไม่ตรงกัน
"ทุกคืนฉันครุ่นคิดสงสัยอยู่ตลอดเวลาว่า จริง ๆ แล้วฉันมาจากไหนกันแน่" ต่ง กล่าว
ด้วยความสบสันและอยากรู้อยากเห็นเกี่ยวกับต้นกำเนิดที่แท้จริง ต่งจึงตัดสินใจไปตรวจพิสูจน์ทางพันธุกรรม ก่อนที่ผลการทดสอบจะออกมาว่า ต้นกำเนิดของเธอมีแนวโน้มว่ามาจากมณฑลกวางสี ซึ่งอยู่ทางตอนใต้สุดของจีน และลักษณะทางกรรมพันธุ์ของเธอไม่มีความเกี่ยวข้องกับมณฑลเหอหนาน
"เป็นเรื่องบังเอิญมากที่หญิงสาวคนนี้มีอายุ 24 ปี เท่ากับลูกสาวของฉัน ฉันมองดูเธอแล้วรู้สึกว่า เธอเหมือนลูกสาวของฉันทุกประการ แต่ฉันไม่เคยเห็นลูกสาวของฉันเลยหลังจากที่เธอเกิดมา ฉันรู้สึกเจ็บปวดมากหลังจากคลอดลูก และร้องไห้กับสามีทุกวันด้วยความสงสัยว่าลูกสาวของฉันหายไปไหน" ฉี กล่าว พร้อมทั้งบอกว่าลูกชายของเธอก็เชื่อ 100 เปอร์เซ็นต์ว่า ต่งคือน้องสาวของเขา
เรื่องราวของต่งกลายเป็นประเด็นที่ได้รับความสนใจบนโลกอนไลน์ของจีน หลายคนต่างประหลาดใจกับความบังเอิญนี้ และพากันสนับสนุนให้ต่งตามหาพ่อแม่ผู้ให้กำเนิดที่แท้จริง
ชาวเน็ตรายหนึ่งกล่าวว่า "สิ่งสำคัญคือต้องหาคำตอบว่า เธอถูกลักพาตัว ถูกขาย หรือถูกนำไปเลี้ยงดูอย่างผิดกฎหมายหรือไม่ แต่ละสถานการณ์จะให้ผลที่ต่างกันไป" และอีกรายหนึ่ง กล่าวว่า "เรื่องราวนี้ดราม่ามาก ฉันหวังว่าเธอจะแค่พลัดพรากไม่ได้ถูกทอดทิ้ง มันยากที่จะทนได้จริง ๆ ! ขอให้เธอได้เจอครอบครัวที่แท้จริงในเร็ววัน"
ในตอนนี้ ฉีและลูกชายของเธอกำลังอยู่ระหว่างเตรียมตัวเดินทางมาพบต่งที่เหอหนาน ในขณะที่อาสาสมัครท้องถิ่นจาก Baobei Huijia ซึ่งเป็นกลุ่มที่ช่วยค้นหาเยาวชนที่สูญหายในมณฑลกว่างซี ได้รับการติดต่อให้ช่วยเหลือรวบรวมตัวอย่างดีเอ็นเอ เพื่อดำเนินการทดสอบ
"ถ้าสุดท้ายแล้วเธอ (ฉี) คือครอบครัวของฉัน นั่นก็คงเป็นข่าวดีที่สุด" ต่ง กล่าว
ขอบคุณข้อมูลจาก South China Morning Post