คนร้าย 4 คน ลวงหนุ่มยูเครนขึ้นห้องพักที่ จ.ภูเก็ต ก่อนจับมัด ควักอาวุธข่มขู่ รีดเงิน 8.5 ล้าน ก่อนหลบหนี ด้านเจ้าของที่พักเล่านาทีเปิดห้องเจอ
วันที่ 11 พฤศจิกายน 2567 รายการเรื่องเล่าเช้านี้ ช่อง 3 รายงานว่า เมื่อวันที่ 8 พฤศจิกายน ตำรวจได้รับแจ้งเหตุปล้นทรัพย์ โดยมีผู้ก่อเหตุเป็นชาวต่างชาติ 4 คน ได้จับตัว นายเวียเชสลาฟ ชาวยูเครน อายุ 23 ปี ไว้ในห้องพักพื้นที่กมลา จ.ภูเก็ต ก่อนจะจับมัดมือมัดเท้า ข่มขู่จะหักนิ้วและตอกนิ้วทรมาน บังคับให้โอนเงินสกุลดิจิทัล 250,000 แสนดอลลาร์สหรัฐ USDT หรือประมาณ 8.5 ล้านบาท ก่อนที่คนร้ายจะหลบหนีไป
จากการสอบสวนพบว่า ก่อนเกิดเหตุ นายเวียเชสลาฟ เดินทางไปหา นายอัลเฟรด สัญชาติยูเครน ซึ่งเป็นเพื่อนและชักชวนให้มาหาที่ห้องพักแห่งหนึ่ง เมื่อไปถึงได้พูดคุยกับ นายอาร์มาน อายุ 21 ปี สัญชาติอาร์เมเนีย ก่อนจะพาไปห้องที่เกิดเหตุ หลังจากนั้นจึงได้นั่งคุยกันบริเวณระเบียงของห้อง ต่อมาผู้เสียหายปวดปัสสาวะจึงจะไปเข้าห้องน้ำ แต่เมื่อเปิดประตูเข้าไปปรากฏว่ามีผู้ชาย 2 คนอยู่ภายในห้องน้ำ โดยใส่ผ้าคลุมสีดำปกปิดใบหน้า
จากนั้นชายทั้งสองคนได้เข้ามารุมทำร้ายผู้เสียหาย ก่อนจะจับล็อกคอ มัดมือ-เท้าด้วยเชือกและเคเบิลไทร์ จากนั้น นายอาร์มาน ได้เข้ามาพูดจาข่มขู่ พร้อมทั้งบังคับให้ผู้เสียหายโอนเงินสกุลดิจิทัล (USDT) จำนวน 500,000 ดอลลาร์สหรัฐ USDT หากไม่โอนจะทำร้ายตั้งแต่หักนิ้ว ใช้ค้อนทุบ และใช้มีดฟันซ้ำ ผู้เสียหายจึงต่อรองจนนายอาร์มานลดเงินเหลือ 250,000 ดอลลาร์สหรัฐ USDT หรือประมาณ 8.56 ล้านบาท ก่อนจะโอนเงินดังกล่าวให้
เมื่อได้เงินแล้วกลุ่มคนร้ายจึงช่วยกันมัดนายเวียเชสลาฟไว้กับเตียงนอน ขู่ห้ามบอกกับตำรวจ จากนั้นก็รีบขนสัมภาระหนีออกจากห้องไป เมื่อเห็นคนร้ายออกจากห้องไปแล้วจึงพยายามแกะเชือกและหนีลงไปที่ชั้นหนึ่งบริเวณหน้าเคาน์เตอร์ต้อนรับ จากนั้นจึงขอถ่ายรูปหนังสือเดินทางของผู้เช่า ทราบว่ามีผู้เช่า 2 คน คือ นายอาร์มาน และ นายอัลเฟรด ก่อนแจ้งกับพนักงานว่าอย่าเข้าไปเก็บของในห้องดังกล่าวเพื่อเป็นพยานหลักฐาน และได้ตามไปยังสนามบินภูเก็ตเพื่อหาคนร้ายแต่ก็หาไม่พบ จึงเข้าแจ้งความไว้
ต่อมา ตำรวจ สภ.กมลา จ.ภูเก็ต ขอศาลออกหมายจับชาวต่างชาติจำนวน 4 คน ประกอบด้วย 1. นายอาร์มาน อายุ 21 ปี สัญชาติอาร์เมเนีย 2. นายอัลเฟรด อายุ 18 ปี สัญชาติยูเครน 3. นายรัสลาน อายุ 22 ปี สัญชาติยูเครน และ 4. ชายชาวต่างชาติไม่ทราบชื่อ-นามสกุลและสัญชาติ ในข้อหาร่วมกันปล้นทรัพย์
เจ้าของโรงแรมเล่านาทีไปเคาะห้องเตือนผิดกฎ เจอภาพชายสวมไอ้โม่ง จับเหยื่อมัด
จากการสอบถามเจ้าของที่พัก เปิดเผยว่า กลุ่มผู้ก่อเหตุเปิดห้องพักไว้ 1 ห้อง เข้ามาเช็กอิน 2 คน ส่วนผู้เสียหายเข้ามาถึงตอนเวลาประมาณ 22.00 น. โดยมีหนึ่งในผู้ก่อเหตุลงมารับขึ้นไปที่ห้อง ดูท่าทางสนิทสนมกัน แต่ตามกฎโรงแรมจะไม่อนุญาตให้คนภายนอกเข้ามาอยู่ในที่พักหลังเวลา 22.00 น. พนักงานจึงขึ้นไปแจ้งกฎกับผู้เข้าพักห้องดังกล่าว แต่อีกฝ่ายบอกว่าขอนั่งกินข้าวกับเพื่อนก่อน
ต่อมาพนักงานได้ขึ้นไปเตือนอีกครั้งหนึ่ง คราวนี้ผู้ก่อเหตุไม่ได้เปิดประตูในทันที ใช้เวลาสักพักจึงมาเปิดให้ ภาพที่เห็นคือคนที่มาเปิดประตูใส่หมวกไอ้โม่ง มองไปข้างในก็พบชายอีกคนใส่หมวกไอ้โม่งเหมือนกัน คล้ายกำลังใช้เชือกมัดคอผู้เสียหาย แต่คนที่ถูกมัดไม่ได้ขอความช่วยเหลือ จึงคิดว่าเป็นกลุ่มเพื่อนถ่ายคอนเทนต์กันก็ไม่ได้สนใจ จากนั้นเห็นกลุ่มผู้ก่อเหตุร้อนรนรีบออกจากที่พักไป ก่อนที่ช่วง 02.45 น. ผู้เสียหายจะลงจากห้องมาแจ้งเรื่องว่าถูกปล้น
ขอบคุณข้อมูลจาก เรื่องเล่าเช้านี้
วันที่ 11 พฤศจิกายน 2567 รายการเรื่องเล่าเช้านี้ ช่อง 3 รายงานว่า เมื่อวันที่ 8 พฤศจิกายน ตำรวจได้รับแจ้งเหตุปล้นทรัพย์ โดยมีผู้ก่อเหตุเป็นชาวต่างชาติ 4 คน ได้จับตัว นายเวียเชสลาฟ ชาวยูเครน อายุ 23 ปี ไว้ในห้องพักพื้นที่กมลา จ.ภูเก็ต ก่อนจะจับมัดมือมัดเท้า ข่มขู่จะหักนิ้วและตอกนิ้วทรมาน บังคับให้โอนเงินสกุลดิจิทัล 250,000 แสนดอลลาร์สหรัฐ USDT หรือประมาณ 8.5 ล้านบาท ก่อนที่คนร้ายจะหลบหนีไป
จากการสอบสวนพบว่า ก่อนเกิดเหตุ นายเวียเชสลาฟ เดินทางไปหา นายอัลเฟรด สัญชาติยูเครน ซึ่งเป็นเพื่อนและชักชวนให้มาหาที่ห้องพักแห่งหนึ่ง เมื่อไปถึงได้พูดคุยกับ นายอาร์มาน อายุ 21 ปี สัญชาติอาร์เมเนีย ก่อนจะพาไปห้องที่เกิดเหตุ หลังจากนั้นจึงได้นั่งคุยกันบริเวณระเบียงของห้อง ต่อมาผู้เสียหายปวดปัสสาวะจึงจะไปเข้าห้องน้ำ แต่เมื่อเปิดประตูเข้าไปปรากฏว่ามีผู้ชาย 2 คนอยู่ภายในห้องน้ำ โดยใส่ผ้าคลุมสีดำปกปิดใบหน้า
จากนั้นชายทั้งสองคนได้เข้ามารุมทำร้ายผู้เสียหาย ก่อนจะจับล็อกคอ มัดมือ-เท้าด้วยเชือกและเคเบิลไทร์ จากนั้น นายอาร์มาน ได้เข้ามาพูดจาข่มขู่ พร้อมทั้งบังคับให้ผู้เสียหายโอนเงินสกุลดิจิทัล (USDT) จำนวน 500,000 ดอลลาร์สหรัฐ USDT หากไม่โอนจะทำร้ายตั้งแต่หักนิ้ว ใช้ค้อนทุบ และใช้มีดฟันซ้ำ ผู้เสียหายจึงต่อรองจนนายอาร์มานลดเงินเหลือ 250,000 ดอลลาร์สหรัฐ USDT หรือประมาณ 8.56 ล้านบาท ก่อนจะโอนเงินดังกล่าวให้
เมื่อได้เงินแล้วกลุ่มคนร้ายจึงช่วยกันมัดนายเวียเชสลาฟไว้กับเตียงนอน ขู่ห้ามบอกกับตำรวจ จากนั้นก็รีบขนสัมภาระหนีออกจากห้องไป เมื่อเห็นคนร้ายออกจากห้องไปแล้วจึงพยายามแกะเชือกและหนีลงไปที่ชั้นหนึ่งบริเวณหน้าเคาน์เตอร์ต้อนรับ จากนั้นจึงขอถ่ายรูปหนังสือเดินทางของผู้เช่า ทราบว่ามีผู้เช่า 2 คน คือ นายอาร์มาน และ นายอัลเฟรด ก่อนแจ้งกับพนักงานว่าอย่าเข้าไปเก็บของในห้องดังกล่าวเพื่อเป็นพยานหลักฐาน และได้ตามไปยังสนามบินภูเก็ตเพื่อหาคนร้ายแต่ก็หาไม่พบ จึงเข้าแจ้งความไว้
ต่อมา ตำรวจ สภ.กมลา จ.ภูเก็ต ขอศาลออกหมายจับชาวต่างชาติจำนวน 4 คน ประกอบด้วย 1. นายอาร์มาน อายุ 21 ปี สัญชาติอาร์เมเนีย 2. นายอัลเฟรด อายุ 18 ปี สัญชาติยูเครน 3. นายรัสลาน อายุ 22 ปี สัญชาติยูเครน และ 4. ชายชาวต่างชาติไม่ทราบชื่อ-นามสกุลและสัญชาติ ในข้อหาร่วมกันปล้นทรัพย์
เจ้าของโรงแรมเล่านาทีไปเคาะห้องเตือนผิดกฎ เจอภาพชายสวมไอ้โม่ง จับเหยื่อมัด
จากการสอบถามเจ้าของที่พัก เปิดเผยว่า กลุ่มผู้ก่อเหตุเปิดห้องพักไว้ 1 ห้อง เข้ามาเช็กอิน 2 คน ส่วนผู้เสียหายเข้ามาถึงตอนเวลาประมาณ 22.00 น. โดยมีหนึ่งในผู้ก่อเหตุลงมารับขึ้นไปที่ห้อง ดูท่าทางสนิทสนมกัน แต่ตามกฎโรงแรมจะไม่อนุญาตให้คนภายนอกเข้ามาอยู่ในที่พักหลังเวลา 22.00 น. พนักงานจึงขึ้นไปแจ้งกฎกับผู้เข้าพักห้องดังกล่าว แต่อีกฝ่ายบอกว่าขอนั่งกินข้าวกับเพื่อนก่อน
ต่อมาพนักงานได้ขึ้นไปเตือนอีกครั้งหนึ่ง คราวนี้ผู้ก่อเหตุไม่ได้เปิดประตูในทันที ใช้เวลาสักพักจึงมาเปิดให้ ภาพที่เห็นคือคนที่มาเปิดประตูใส่หมวกไอ้โม่ง มองไปข้างในก็พบชายอีกคนใส่หมวกไอ้โม่งเหมือนกัน คล้ายกำลังใช้เชือกมัดคอผู้เสียหาย แต่คนที่ถูกมัดไม่ได้ขอความช่วยเหลือ จึงคิดว่าเป็นกลุ่มเพื่อนถ่ายคอนเทนต์กันก็ไม่ได้สนใจ จากนั้นเห็นกลุ่มผู้ก่อเหตุร้อนรนรีบออกจากที่พักไป ก่อนที่ช่วง 02.45 น. ผู้เสียหายจะลงจากห้องมาแจ้งเรื่องว่าถูกปล้น
ขอบคุณข้อมูลจาก เรื่องเล่าเช้านี้
