แจ้ง 2 ข้อหา 7 ตำรวจรุมทำร้ายลูกอดีตตำรวจ หลังสลัดจับผิดคัน ย้ำมีหลักฐานชัด

 
            แจ้ง 2 ข้อหา 7 ตำรวจรุมทำร้ายลูกอดีตตำรวจ หลังสลัดจับผิดคัน เล็งสอบปากคำเหยื่อ ต้องเพิ่มข้อหาไหม ย้ำมีพยานหลักฐานชัดแม้ให้การปฏิเสธ

             คืบหน้า น้องสาวผู้บาดเจ็บเปิดเผยกับสื่อว่า ตนยังไม่ได้รับการประสานจากตำรวจให้เข้ามาให้ปากคำเพิ่ม แต่ได้รับแจ้งว่า เวลาประมาณ 10.00 น. พ.ต.ต. กันตพัฒน์ ประเศรษฐสุด สว.(สอบสวน) สน.บางเขน จะมาสอบปากคำพี่ชายซึ่งนอนรักษาตัวอยู่ในโรงพยาบาล เพื่อนำคำให้การและรายละเอียดทั้งหมด มาสรุปในสำนวนคดี ก่อนพิจารณาแจ้งข้อหาตำรวจทั้ง 7 ราย เพิ่มเติม
 
             ขณะเดียวกันมีกระแสข่าวว่า คนขับรถมาสด้า 2 สีแดงที่ขับแหกด่านตรวจ จนมีการสกัดผิดคัน เป็นชายอายุ 37 ปี ประกอบอาชีพในหน่วยงานรัฐวิสาหกิจแห่งหนึ่ง และเคยให้รับรางวัลเชิดชูเกียรติออกสื่อ ซึ่งเจ้าตัวจะติดต่อประสานมาขอพบตำรวจ แต่ยังไม่ยืนยันวันและเวลาที่แน่นอน ทราบเพียงว่าขณะนี้ติดภารกิจอยู่ต่างจังหวัด อาจขอเลื่อนนัดพบพนักงานสอบสวน
 
             จากการสอบถาม พ.ต.อ. อนันต์ วรสาตร์ ผู้กำกับการ สน.บางเขน ยืนยันว่า เบื้องต้นได้แจ้ง 2 ข้อหาต่อตำรวจทั้ง 7 นายแล้ว คือ ร่วมกันทำร้ายร่างกาย และร่วมกันเป็นเจ้าพนักงานปฎิบัติหน้าที่โดยมิชอบ ตามมาตรา 157 ซึ่งเป็นการแจ้งเบื้องต้น เพื่อจะนำผลทางคดีไปตั้งเรื่องดำเนินการทางวินัย โดยตอนนี้ได้มีการทำหนังสือส่งไปยังกองบังคับการตำรวจจราจร ซึ่งเป็นต้นสังกัด ในการพิจารณาโทษทางวินัยแล้ว

             ในส่วนสำนวนคดีต้องสอบปากคำผู้บาดเจ็บเพิ่มเติมเกิน เพราะตอนนี้ผู้บาดเจ็บยังไม่สามารถให้การได้เต็มที่ ซึ่งหากสอบปากคำเสร็จแล้ว เมื่อพบความผิดใดเพิ่มเติมก็จะดำเนินการแจ้งเพิ่มเติมต่อไป แต่ขณะนี้ทั้ง 7 ตำรวจยังให้การปฏิเสธ อย่างไรฏ้ตาม พนักงานสอบสวนมีพยานหลักฐานยืนยันชัดเจน
             ส่วนสำนวนคดีนี้จะต้องมีการสอบปากคำผู้บาดเจ็บเพิ่มเติมก่อน เพราะตอนนี้ผู้บาดเจ็บยังไม่สามารถให้การได้เต็มที่ เนื่องจากยังอยู่ระหว่างการรักษาตัวที่โรงพยาบาล ซึ่งหากสอบปากคำผู้บาดเจ็บแล้ว ภายหลังพบความผิดใดเพิ่มเติม ก็จะดำเนินการแจ้งเพิ่มเติมต่อไป ทั้งนี้ ตำรวจทั้ง 7 นายยังคงให้การปฏิเสธ ซึ่งก็เป็นสิทธิในการให้การ แต่พนักงานสอบสวนมีพยานหลักฐานยืนยันชัดเจน

             สำหรับเจ้าของรถมาสด้าที่ขับแหกด่าน จะยังไม่เข้าพบพนักสอบสวนในวันนี้ โดยได้นัดหมายอีกครั้งเป็นวันที่ 9 ธันวาคม
ขอบคุณข้อมูลจาก  เรื่องเล่า เสาร์-อาทิตย์