สาวสารภาพบาป คบกับพ่อแท้ ๆ แม้สังคมต่อต้าน ลั่นดูแลตัวเองได้ ชี้มีแผนแต่งงาน-มีลูกด้วยกัน แต่คงไม่กล้าบอกความจริงกับเด็ก
ภาพประกอบไม่เกี่ยวข้องกับเนื้่อหา
ในขณะที่ความรักเป็นสิ่งที่เกิดขึ้นได้กับคนทุกเพศทุกวัย แต่ยังคงมีบางความสัมพันธ์ที่ยังเป็นเรื่องต้องห้าม ซึ่งผิดทั้งในแง่กฎหมายและศีลธรรม แต่ถึงอย่างนั้นรักต้องห้ามก็ยังเกิดขึ้นกับบางคน ขณะที่เว็บไซต์ indy100 ก็ได้หยิบยกหนึ่งในเรื่องราวเหล่านั้น มาบอกเล่าเมื่อวันที่ 8 ธันวาคม 2567
โดยเป็นกรณีของหญิงวัย 18 ปี ที่ออกมาเปิดใจถึงเรื่องที่เธอมีความสัมพันธ์เชิงชู้สาวกับพ่อผู้ให้กำเนิด และทั้งคู่ก็ยังวางแผนอนาคตร่วมกัน ตั้งใจที่จะแต่งงานและมีลูกกันหลังจากนี้ แม้สังคมจะมองว่าเป็นเรื่องผิดและลูกที่เกิดมาจากความสัมพันธ์ร่วมสายเลือด อาจมีความผิดปกติก็ตาม
"ฉันคงไม่เสี่ยงมีลูกหรอกถ้าฉันคิดว่ามันอันตราย ฉันก็ศึกษามาแล้วน่า" หญิงสาว ระบุ
เด็กสาวจากภูมิภาคเกรตเลกส์ ในสหรัฐฯ เล่าว่า พ่อเลิกกับแม่ของเธอไปตั้งแต่ตอนที่เธอยังอยู่ในครรภ์แม่ โดยชีวิตคู่ของทั้งคู่เสื่อมถอยลงเนื่องจากปัญหาทางจิตของแม่เธอ ที่เป็นโรคไบโพลาร์ นอกจากนี้ด้วยการควบคุมของเธอ ยังทำให้พ่อเข้ามาในชีวิตของเธอได้ยาก แม่มักจะควบคุมบัญชีเฟซบุ๊กของเธอ และมักจะกดปฏิเสธทุกครั้ง ที่พ่อส่งคำขอเป็นเพื่อนเข้ามา
แต่หลังจากชีวิตที่ขาดพ่อผ่านไปนาน 12 ปี ในที่สุดเด็กสาวก็ได้เจอหน้าพ่อเป็นครั้งแรก ซึ่งเธอยอมรับว่ามันเป็นความรู้สึกแปลกและสับสน "ฉันเห็นพ่อเป็นครั้งแรกในชีวิต แต่ก็คิดว่า เขาช่างดูดีมาก ๆ แล้วก็ต้องถามตัวเองว่าฉันกำลังคิดอะไรอยู่ เกิดอะไรขึ้นกับฉัน"
ในขณะที่เธอมองเขาเป็นพ่อ แต่อีกส่วนหนึ่งในตัวเธอกลับรู้สึกเหมือนตัวเองได้เจอผู้ชายที่ได้แต่คุยกันผ่านอินเทอร์เน็ต และก็รู้สึกว่าเขาช่างมีเสน่ห์จริง ๆ
เธอเล่าว่า ตอนที่เธอรู้สึกตัวว่ามีใจให้พ่อ
คือตอนที่ทั้งคู่ลองมานอนบนพื้นด้วยกัน
เพราะเธอประหม่าที่ต้องนอนอยู่ในสถานที่แปลกใหม่ และในคืนที่ 4
หลังแชร์ห้องกัน ทั้งคู่ก็ตื่นขึ้นมาพบว่าพวกเขากำลังนอนกอดกันอยู่
ไม่เพียงแค่ตัวเธอที่เริ่มมีความรู้สึกมากกว่าพ่อกับลูกสาว แต่พ่อเองก็เริ่มเกิดแรงดึงดูดทางเพศต่อเธอเช่นกัน นับจากนั้นทั้ง 2 คนก็ได้เริ่มต้นความสัมพันธ์ลึกซึ้ง และตั้งใจที่จะใช้อนาคตร่วมกันในฐานะสามีภรรยา
แม้หลายคนจะแสดงความเป็นกังวลเรื่องความสัมพันธ์ของทั้งคู่ แต่หญิงรายนี้ยืนยันว่านี่คือความสัมพันธ์ที่เธอยินยอมพร้อมใจ "ตอนที่คุณอายุ 18 คุณก็คงรู้ว่าตัวเองต้องการอะไร คุณเป็นผู้ใหญ่ตามกฎหมายแล้ว คุณสามารถให้ความยินยอมเองได้ ฉันดูแลตัวเองได้ ไม่ต้องการให้ใครมาคุ้มครอง และหากฉันอยู่ในสถานการณ์ที่จำเป็นต้องจากไป ฉันก็จะทำ ฉันไม่กลัวที่จะปกป้องตัวเอง"
ทั้งนี้ แม้สัมพันธ์ต้องห้ามนี้จะหาได้ยาก แต่รายงานของ The Guardian พบว่าความรู้สึกดึงดูดระหว่างญาติรวมสายเลือดนั้นไม่ใช่เรื่องแปลกอย่างที่คิด โดยผู้เชี่ยวชาญคาดว่ามีถึง 50% ของกลุ่มญาติร่วมสายเลือดที่เหินห่างกันไปนาน แล้วกลับมาพบกันอีกครั้งตอนเป็นผู้ใหญ่ จะเริ่มเกิดความรู้สึกดึงดูดกัน ซึ่งญาติที่เพิ่งกลับมาเจอกันนั้น อาจเข้าใจผิดว่าแรงดึงดูดที่มีต่ออีกฝ่าย เป็นความหลงใหลในเชิงโรแมนติก
อย่างไรก็ตาม ความสัมพันธ์ทำนองนี้ยังคงเป็นประเด็นวิพากษ์วิจารณ์ และไม่เป็นที่ยอมรับของสังคม
ขอบคุณข้อมูลจาก indy100, Unilad, The Guardian
ภาพประกอบไม่เกี่ยวข้องกับเนื้่อหา
โดยเป็นกรณีของหญิงวัย 18 ปี ที่ออกมาเปิดใจถึงเรื่องที่เธอมีความสัมพันธ์เชิงชู้สาวกับพ่อผู้ให้กำเนิด และทั้งคู่ก็ยังวางแผนอนาคตร่วมกัน ตั้งใจที่จะแต่งงานและมีลูกกันหลังจากนี้ แม้สังคมจะมองว่าเป็นเรื่องผิดและลูกที่เกิดมาจากความสัมพันธ์ร่วมสายเลือด อาจมีความผิดปกติก็ตาม
"ฉันคงไม่เสี่ยงมีลูกหรอกถ้าฉันคิดว่ามันอันตราย ฉันก็ศึกษามาแล้วน่า" หญิงสาว ระบุ
เด็กสาวจากภูมิภาคเกรตเลกส์ ในสหรัฐฯ เล่าว่า พ่อเลิกกับแม่ของเธอไปตั้งแต่ตอนที่เธอยังอยู่ในครรภ์แม่ โดยชีวิตคู่ของทั้งคู่เสื่อมถอยลงเนื่องจากปัญหาทางจิตของแม่เธอ ที่เป็นโรคไบโพลาร์ นอกจากนี้ด้วยการควบคุมของเธอ ยังทำให้พ่อเข้ามาในชีวิตของเธอได้ยาก แม่มักจะควบคุมบัญชีเฟซบุ๊กของเธอ และมักจะกดปฏิเสธทุกครั้ง ที่พ่อส่งคำขอเป็นเพื่อนเข้ามา
แต่หลังจากชีวิตที่ขาดพ่อผ่านไปนาน 12 ปี ในที่สุดเด็กสาวก็ได้เจอหน้าพ่อเป็นครั้งแรก ซึ่งเธอยอมรับว่ามันเป็นความรู้สึกแปลกและสับสน "ฉันเห็นพ่อเป็นครั้งแรกในชีวิต แต่ก็คิดว่า เขาช่างดูดีมาก ๆ แล้วก็ต้องถามตัวเองว่าฉันกำลังคิดอะไรอยู่ เกิดอะไรขึ้นกับฉัน"
ในขณะที่เธอมองเขาเป็นพ่อ แต่อีกส่วนหนึ่งในตัวเธอกลับรู้สึกเหมือนตัวเองได้เจอผู้ชายที่ได้แต่คุยกันผ่านอินเทอร์เน็ต และก็รู้สึกว่าเขาช่างมีเสน่ห์จริง ๆ
ไม่เพียงแค่ตัวเธอที่เริ่มมีความรู้สึกมากกว่าพ่อกับลูกสาว แต่พ่อเองก็เริ่มเกิดแรงดึงดูดทางเพศต่อเธอเช่นกัน นับจากนั้นทั้ง 2 คนก็ได้เริ่มต้นความสัมพันธ์ลึกซึ้ง และตั้งใจที่จะใช้อนาคตร่วมกันในฐานะสามีภรรยา
"ฉันมีแผนที่จะจัดงานแต่งงานอย่างเต็มรูปแบบ
แม้จะไม่ได้จดทะเบียนสมรสกันตามกฎหมาย เราจะมีลูกด้วยกันด้วย
โดยเราตัดสินใจแล้วว่าจะไม่บอกพวกเขา (เรื่องที่พ่อแม่ คือพ่อลูกกัน)
ฉันไม่ต้องการให้พวกเขาเติบโตมาแล้วมีปัญหา" หญิงสาว ระบุ
แม้หลายคนจะแสดงความเป็นกังวลเรื่องความสัมพันธ์ของทั้งคู่ แต่หญิงรายนี้ยืนยันว่านี่คือความสัมพันธ์ที่เธอยินยอมพร้อมใจ "ตอนที่คุณอายุ 18 คุณก็คงรู้ว่าตัวเองต้องการอะไร คุณเป็นผู้ใหญ่ตามกฎหมายแล้ว คุณสามารถให้ความยินยอมเองได้ ฉันดูแลตัวเองได้ ไม่ต้องการให้ใครมาคุ้มครอง และหากฉันอยู่ในสถานการณ์ที่จำเป็นต้องจากไป ฉันก็จะทำ ฉันไม่กลัวที่จะปกป้องตัวเอง"
ทั้งนี้ แม้สัมพันธ์ต้องห้ามนี้จะหาได้ยาก แต่รายงานของ The Guardian พบว่าความรู้สึกดึงดูดระหว่างญาติรวมสายเลือดนั้นไม่ใช่เรื่องแปลกอย่างที่คิด โดยผู้เชี่ยวชาญคาดว่ามีถึง 50% ของกลุ่มญาติร่วมสายเลือดที่เหินห่างกันไปนาน แล้วกลับมาพบกันอีกครั้งตอนเป็นผู้ใหญ่ จะเริ่มเกิดความรู้สึกดึงดูดกัน ซึ่งญาติที่เพิ่งกลับมาเจอกันนั้น อาจเข้าใจผิดว่าแรงดึงดูดที่มีต่ออีกฝ่าย เป็นความหลงใหลในเชิงโรแมนติก
อย่างไรก็ตาม ความสัมพันธ์ทำนองนี้ยังคงเป็นประเด็นวิพากษ์วิจารณ์ และไม่เป็นที่ยอมรับของสังคม
ขอบคุณข้อมูลจาก indy100, Unilad, The Guardian