แม่พาลูกเป็นภูมิแพ้ ตระเวนขอยาพ่นตาม รพ. เอาไปขายได้เงินอู้ฟู่ หมอชี้ทำแบบนี้ติดคุกมาแล้ว

          ภาพดังกล่าวเผยให้เห็นว่ามีประชาชนบางรายนำยาดังกล่าวไปโพสต์ขายในกลุ่มเฟซบุ๊ก โดยบรรยายข้อความ เช่น แก้ภูมิแพ้ คัดจมูก พ่นได้ 120 ครั้ง มีมาแบ่งปัน ราคา 350 บาท ส่งฟรี หรือ ยาพ่นจมูก Avamys รักษาโรคภูมิแพ้ คัดจมูก แน่นจมูก หายใจไม่ออก พ่นจมูกข้างละ 1 ครั้ง เป็นประจำทุกวัน อาการดีขึ้นอย่างเห็นได้ชัด หมดอายุ 02-04-2027 พร้อมระบุราคา 450 บาท ส่งฟรี ไม่มีเก็บปลายทาง

พบเป็นชนิดที่แพงและหาซื้อยาก คาดเอาไปหาเงินได้ต่ำ ๆ เดือนละ 1.2 หมื่น

          ขณะที่เพจเฟซบุ๊ก Drama-Addict โพสต์ข้อความระบุว่า ตอนนี้ได้มีพ่อแม่หัวหมอบางคนตระเวนไปตามโรงพยาบาลต่าง ๆ และบอกว่าลูกเป็นภูมิแพ้กำเริบ จากนั้นหมอก็จะจ่ายยานี้ให้ ตระเวนทำหลายที่จนได้ยามาเป็นลัง แล้วเอายาไปตระเวนขายตามเฟซบุ๊กจนได้เงินเป็นกอบเป็นกำ ทั้งที่เงินนี้คือภาษีประชาชน การกระทำแบบนี้คือการกระทำที่ผิดกฎหมาย บิดเบือนระบบ 30 บาท รักษาทุกโรค และเคยมีเคสที่คนทำแบบนี้แล้วคิดคุกมาแล้ว หากใครพบผู้กระทำผิดขอให้ช่วยกันลบ แคปข้อมูลส่งตำรวจทันที

          ในขณะที่เฟซบุ๊ก Remrin โพสต์ให้ข้อมูลเพิ่มเติมว่า ยา Avamys ยาพ่นตัวนี้แพง หาค่อนข้างยาก แต่ถ้าจำเป็นก็เบิกได้ จึงมีแม่เด็กหัวหมอที่ลูกเป็นภูมิแพ้จริง ๆ อาศัยช่องโหว่ไปเบิกยามาขาย อย่างตอนนี้มีสิทธิบัตรทอง 30 บาท รักษาทุกที่ด้วย แม่ก็พาลูกเข้าโรงพยาบาลใหญ่ต่าง ๆ แล้วก็เบิกยามา ยิ่งโรงพยาบาลบางแห่งเบิกยาได้ที 6 เดือน ก็ 6 กล่อง แต่ถ้าไม่ตรงสิทธิอาจจะได้ครั้งละ 1,200 บาท ก็เบิกหลาย ๆ ที่ รวม ๆ กัน เดือนหนึ่งได้เป็นลังเลย

          แม่หัวหมอพวกนี้ก็เอายาไปแกะฉลากออกหมด แล้วประกาศขายต่อตามกลุ่มแม่และเด็ก หรือที่เจอบ่อยสุดคือกลุ่มภูมิแพ้ พอแอบเข้าไปส่องขายกันฉ่ำมาก ฟันกำไรเละเทะเลย นี่เป็นอีกช่องโหว่ที่ทำให้สิทธิบัตรทอง หรือ 30 บาท ที่แบกภาระค่าใช้จ่ายหนักมาก ๆ อยู่แล้ว ต้องพังพินาศหนักขึ้นไปอีก

สปสช. รับระบบมีช่องโหว เผยเจอข้อมูล 2 เคส จ่อเอาผิดทางกฎหมาย

          เกี่ยวกับเรื่องนี้ วันที่ 19 ธันวาคม 2567 รายการเรื่องเล่าเช้านี้ ช่อง 3 รายงานว่า นพ.จเด็จ ธรรมธัชอารี เลขาธิการสำนักงานหลักประกันสุขภาพแห่งชาติ หรือ สปสช. กล่าวว่า จากการตรวจสอบในระบบของ สปสช. แล้วพบว่า ช่วงปี 2567 มี 2 กรณีที่น่าสงสัย คือ

          รายแรกที่ลูกเป็นภูมิแพ้ มีการเบิกยาพ่นไป 318 ขวด จาก 118 ครั้ง ใน 31 สถานพยาบาล รายที่ 2 เป็นภูมิแพ้ เบิกยาพ่นไป 147 ขวด จาก 98 ครั้ง ใน 14 สถานพยาบาล แต่ที่น่าสงสัยคือบุคคลรายที่ 2 นี้ เนื่องจากว่ามีข้อมูลเกี่ยวกับเด็กด้วย เบื้องต้นทราบชื่อและข้อมูลหมดแล้ว แต่ยังไม่ขอเปิดเผยในรายละเอียด ซึ่งทาง สปสช. จะลงไปสอบสวนเอง และต้องดูว่าข้อเท็จจริงเป็นอย่างไร    
          ขณะเดียวกันเคยมีกรณีที่ผู้ป่วยตระเวนไปขอยา และหมอคงเห็นว่าคนไข้มารับยา เราก็ให้ไป แต่ส่วนใหญ่ที่เกิดกรณีแบบนี้ขึ้นจะเป็นในพื้นที่ที่ยังไม่มีการเชื่อมข้อมูลกัน บางครั้งเวลาหมอสั่งยาอาจไม่มีข้อมูลเชื่อมกันว่าบุคคลนี้เคยไปเอายามาแล้ว วันไหน เวลาใด จึงอาจทำให้เกิดกรณีแบบนี้ขึ้นได้

          ยืนยันว่ากรณีนี้ทาง สปสช. จะเอาผิดทางกฎหมายสำหรับบุคคลที่กระทำการดังกล่าวอย่างแน่นอน ซึ่งที่ผ่านมาเคยดำเนินการไปแล้ว 3 กรณี ในฐานฉ้อโกง ซึ่งเอาผิดจนถึงที่สุด และ 3 กรณีได้ติดคุกไปแล้วด้วย

          เมื่อถามว่ายาดังกล่าวบุคคลทั่วไปสามารถเบิกรับได้กี่ขวด นพ.จเด็จ ระบุว่า ยาดังกล่าวต้องพ่นยาวันละ 3 ครั้ง 1 ขวดใช้ได้ประมาณ 2 เดือน เพราะฉะนั้นการใช้ยาสำหรับ 1 คนต่อปี คาดว่า 6 ขวดคงเพียงพอแล้ว ไม่ควรจะใช้มากกว่านี้

          ยอมรับว่าเมื่อเกิดเหตุการณ์เช่นนี้ส่งผลกระทบกับระบบประกันสุขภาพอย่างแน่นอน แม้ว่าจะเกิดขึ้นบ้างประปราย และจากนี้คงต้องเข้มเรื่องการตรวจสอบมากยิ่งขึ้น เดิมทีเรื่องระบบของการตรวจสอบเป็นระบบอิเล็กทรอนิกส์อยู่แล้ว แต่จากนี้จะต้องมีการตั้งค่า เมื่อมีการมาเบิกยา และหากเบิกมากเกินจำนวนที่กำหนด ต้องเรียกข้อมูลมาตรวจสอบแบบทันท่วงที ซึ่งเดิมทีเรามีระบบนี้อยู่แล้ว แต่บางครั้งทางโรงพยาบาลอาจจะนัดคนไข้นาน จึงอาจให้ยากลับไปเป็นจำนวนมากก็มี ดังนั้น ต้องดูเรื่องความเหมาะสมด้วย