หนุ่มซื้อบ้านหรู เจอเพื่อนบ้านเลี้ยงไก่ชน ทนเสียงขันทั้งวันมา 3 ปี ร้องเรียนไปไม่ช่วย

         หนุ่มสุดทน ซื้อบ้านหรูเพื่อแม่และยาย กลับเจอเพื่อนบ้านเลี้ยงไก่ชน ขันทุกวัน-ทุกเวลา จนประสาท เครียดจนคิดจะยิงทิ้ง ร้องเรียนไปไม่ช่วย เพื่อนบ้านยังเอามาเลี้ยงใหม่

          วันที่ 20 มกราคม 2568 ข่าวช่อง 3 รายงานกรณีปัญหาเพื่อนบ้าน เมื่อ นายหนึ่ง (นามสมมติ) อายุ 34 ปี ร้องไปยังเพจสายไหมต้องรอด หลังเพื่อนบ้านเลี้ยงไก่แล้วส่งผลกระทบ เนื่องจากไก่ขันเสียงดังทุกวันและเกือบจะทุกเวลา ทั้งที่ตนยอมใช้เงินเก็บทั้งชีวิตซื้อบ้านมาอยู่ที่หมู่บ้านแห่งนี้ ในราคา 7.8 ล้านบาท

          โดยนายหนึ่ง เล่าว่า เดิมตนอยู่บ้านทาวเฮ้าส์ แต่เพราะแม่กับยายอายุเยอะแล้วจึงมาซื้อบ้านที่หมู่บ้านแห่งนี้ ช่วงที่มาซื้อบ้านเมื่อเดือนมีนาคม 2565 ตนก็เข้ามาดูบ้าน ไม่เห็นว่ามีปัญหาอะไร จึงเซ็นสัญญาและย้ายเข้ามาอยู่ในเดือนสิงหาคมปีนั้น

          ช่วงแรกทุกอย่างก็ปกติ กระทั่งเดือนพฤศจิกายน เพื่อนบ้านที่อยู่หลังติดกันได้เอาไก่มาเลี้ยง ช่วงแรกก็ยังได้รับผลกระทบไม่เยอะ แต่พักหลังมีจำนวนไก่เยอะขึ้นและส่งเสียงดังมากขึ้น ตนเองกับเพื่อนบ้านหลายหลังได้รับผลกระทบ แต่ของตนหนักสุด ไก่ของอีกฝ่ายเคยบินเข้ามาขี้ในบ้านตน และส่งเสียงดังตลอด จนแม่กับยายต้องย้ายกลับไปอยู่ทาวเฮ้าส์ตามเดิม


          ตลอดเวลาตนพยายามร้องเรียนไปยังโครงการหมู่บ้าน มีการพูดคุยประนีประนอม เพื่อนบ้านก็เคยย้ายไก่ออก แต่แค่ 1-2 เดือนก็นำกลับมาเลี้ยงใหม่ ตนเครียดถึงขั้นต้องไปพบจิตแพทย์ ต้องออกไปทำงาน work from home ที่อื่น เครียดถึงขั้นจะซื้อปืนมายิงไก่และเพื่อนบ้าน รวมถึงตัวเอง แต่คิดถึงหน้าแม่และยายเลยหยุดอารมณ์นั้นไว้ และมาร้องสายไหมต้องรอดให้ช่วยแก้ปัญหาแทน


          นายหนึ่ง เผยว่า ไก่เพื่อนบ้านขันตลอดทั้งวัน วานนี้ตนถ่ายคลิปไว้ทั้งวัน พบว่าขันทุกนาที บางทีขัน 7-8 ครั้ง ขนาดตอนให้สัมภาษณ์สื่อก็ยังได้ยินเสียงไก่ขัน


          ทั้งนี้ ยอมรับว่าหากรู้ล่วงหน้าว่าจะมีปัญหาแบบนี้คงไม่เซ็นสัญญาซื้อบ้านตั้งแต่แรก ตอนนี้จะขายก็ไม่กล้า เพราะสงสารคนมาซื้อที่คงจะเจอปัญหาเดียวกัน

          เมื่อนักข่าวไปตรวจสอบบ้านของเพื่อนบ้าน พบว่ามีการเลี้ยงไก่ชนถึง 4 ตัว ส่งเสียงขันเป็นระยะ ๆ ขณะที่ทางเพื่อนบ้านไม่ได้ออกมาพูดกับสื่อมวลชนและเจ้าหน้าที่ มีแค่เปิดประตูหน้าบ้านและพัดลมทิ้งไว้
 
          ด้าน นางกิติมา งามมุข หัวหน้าฝ่ายสิ่งแวดล้อมและสุขาภิบาล กล่าวว่า ในวันที่ 21 มกราคม จะเรียกทั้ง 2 ฝ่ายมาพูดคุยกัน และจะให้ฝั่งเพื่อนบ้านย้ายไก่ออก และต้องเจรจากับโครงการในเรื่องการดูแลลูกบ้าน เพื่อไม่ให้กระทบต่อบ้านหลังอื่น

          ด้าน นายเอกภพ เหลืองประเสริฐ ผู้ก่อตั้งเพจสายไหมต้องรอด เผยว่า หากอยู่ต่างจังหวัดก็สามารถเลี้ยงไก่ได้โดยไม่กระทบใคร แต่ในเมืองแบบนี้ตนไม่เห็นด้วย หากยังทำแบบเดิม คือย้ายไก่ออกแล้วนำกลับมาใหม่ คงต้องให้สำนักงานเขตสายไหมทำข้อบังคับ และต้องแจ้งความร้องทุกข์กันต่อไป

ขอบคุณข้อมูลจาก ช่อง 3