นักบินเปิดใจ ย้อนเหตุการณ์หวิดสังหารหมู่ 83 ชีวิต บนเครื่องบิน เพราะกินเห็ดเมา แจงหลอนจิต จนเอื้อมมือไปคว้าคันโยกดับเครื่องยนต์ - จะเปิดประตูเครื่องบิน
ภาพประกอบไม่เกี่ยวข้องกับข้อมูล
เป็นหนึ่งในเรื่องช็อกเกี่ยวกับแวดวงการบินเมื่อปี 2566 กับกรณีนักบินซึ่งไม่ได้อยู่ระหว่างปฏิบัติงาน พยายามสังหาร 83 ชีวิตบนเครื่องบิน หลังพยายามดับเครื่องยนต์กลางอากาศให้เครื่องบินตก จนทำให้เขาถูกตั้งข้อหาพยายามฆ่า 83 กระทงและก่ออันตรายจากความประมาท ซึ่งหลังผ่านเหตุการณ์มานานนับปี โจเซฟ เดวิด เอเมอร์สัน นักบินผู้ก่อเหตุ ก็ได้ออกมาเปิดใจถึงเรื่องราวที่เกิดขึ้น ว่าสิ่งใดที่เขาคิดอยู่ในหัวตอนที่เกิดเหตุ
วันที่ 19 มกราคม 2568 เว็บไซต์ Ladbible รายงานว่า โจเซฟ เดวิด เอเมอร์สัน คือนักบินที่ไม่ได้อยู่ระหว่างปฏิบัติงาน (off-duty pilot) ซึ่งต้องนั่งประจำการในห้องนักบิน บนเที่ยวบิน 2059 สายการบินอลาสกา แอร์ไลน์ส เส้นทางจากเมืองเอเวอเรตต์ รัฐวอชิงตัน ไปยังเมืองซานฟรานซิสโก รัฐแคลิฟอร์เนีย สหรัฐฯ ก่อนที่เขาจะก่อเหตุที่ทำให้ต้องเผชิญข้อหารุนแรง
กระทั่งเวลาผ่านไปนานกว่า 1 ปี เอเมอร์สันซึ่งยังอยู่ระหว่างรอการพิจารณาคดี ได้ออกมาเปิดใจเล่าถึงสิ่งที่เกิดขึ้นในวันนั้น กับ ABC News โดยอ้างว่า 2 วันก่อนที่จะถึงกำหนดเดินทางในเที่ยวบินดังกล่าว เขากับเพื่อน ๆ ได้กินเห็ดที่มีฤทธิ์หลอนประสาทเข้าไป เพื่อรำลึกถึงเพื่อนสนิทที่เสียชีวิตไปเมื่อ 6 ปีก่อน
สำหรับเห็ดดังกล่าว จัดเป็นยาเสพติดประเภท A ที่สามารถทำให้เกิดภาพหลอนและบิดเบือนความเป็นจริงได้ อย่างไรก็ตาม ผลข้างเคียงจากเห็ดยังคงอยู่แม้จะกินเข้าไปหลายวันแล้ว และเขาก็รู้สึกไม่ค่อยดีนักตอนที่เดินทางไปสนามบิน เพื่อขึ้นเที่ยวบิน 2059 เมื่อวันที่ 22 ตุลาคม 2566
เอเมอร์สัน อ้างว่า หลังจากที่เขาไปนั่งประจำการในห้องนักบินแล้ว ก็คิดถึงเพียงการได้อยู่กับครอบครัวที่บ้านเท่านั้น แล้วจู่ ๆ ก็เริ่มกลัวว่าจะไม่มีวันได้กลับไป ตอนนั้นเขาเกิดความรู้สึกเหมือนถูกขัง ราวกับติดอยู่ในภายในเครื่องบินลำนั้นและจะไม่มีวันได้กลับบ้านอีก
เขาเริ่มเชื่อว่าสิ่งที่เห็นอยู่ตรงหน้าไม่ใช่เรื่องจริง แม้จะมีเพื่อนส่งข้อความมาบอกให้เขาลองฝึกกำหนดลมหายใจเพื่อสงบสติอารมณ์ก็ตาม ยิ่งเมื่อเพื่อนนักบินไม่ตอบสนองต่อพฤติกรรมผิดปกติของเขา เขาก็ยิ่งเชื่อว่านั่นไม่ใช่ความจริง และคิดว่าเขาจำเป็นต้องตื่นแล้ว
จากนั้นอีก 30 วินาทีต่อมา ปัญหาก็เกิดขึ้น โดยเอเมอร์สันเล่าว่าเขามองเห็นคันโยกสีแดง 2 อันอยู่ตรงหน้า และคิดว่านั่นคงจะเป็นทางออกจากสถานการณ์ที่ไม่ใช่ความจริง จะช่วยให้เขาตื่นได้ เขาจึงเอื้อมมือไปคว้ามันแล้วเริ่มดึงคันโยก
ปรากฏว่านั่นคือคันโยกสำหรับควบคุมการปิดเครื่องยนต์ ซึ่งจะทำให้ทุก ๆ คนบนเครื่องบินมีอันตรายถึงชีวิต แต่เอเมอร์สันยังคงไม่รู้สึกตัว เขาคิดเพียงว่า "นี่กำลังจะทำให้เขาตื่น"
เคราะห์ดีที่นักบินคนอื่นดึงมือของเขาออกได้ทัน เพราะสับสนกับพฤติกรรมผิดปกติของเอเมอร์สัน และการที่ถูกนักบินคนอื่นสัมผัสร่างกายนั่นเอง เป็นสิ่งที่ดึงสติเขาให้หลุดจากอาการหลอน และรู้ตัวจนได้ว่าสิ่งที่อยู่ตรงหน้าคือโลกความจริง
ในขณะที่เครื่องบินยังทำการบินต่อได้โดยไม่เกิดความเสียหาย
นักบินคนอื่นไล่เอเมอร์สันออกมาจากห้องนักบิน เขาเดินไปดื่มกาแฟจากหม้อต้ม
ก่อนจะมานั่งตรงจัมพ์ซีตสำหรับลูกเรือ
แต่แล้วไม่นานเขาก็เริ่มเห็นภาพหลอนอีกครั้ง
เขาเริ่มรู้สึกว่าตัวเองไม่ได้อยู่ในโลกความจริง
และคิดว่าการกระโดดออกไปจะทำให้ตัวเองตื่นขึ้นได้
ทันใดนั้นเอเมอร์สันก็คว้าคันโยกประตูเครื่องบิน พยายามจะเปิดออก ก่อนที่ลูกเรือคนอื่น ๆ จะเข้ามาจับมือเขาเพื่อหยุดการกระทำนั้น ทำให้เขารู้สึกตัวอีกครั้ง สุดท้ายแล้วเขาจึงตัดสินใจขอให้ลูกเรือจับเขาใส่กุญแจมือเพื่อป้องกันไม่ให้ตัวเองทำสิ่งที่เป็นภัยคุกคามใด ๆ อีก รวมถึงส่งข้อความมาบอกภรรยาว่า "ผมทำเรื่องผิดพลาดครั้งใหญ่แล้ว"
ภรรยาของเขาตอบกลับมาว่า "เกิดอะไรขึ้น คุณโอเคไหม" ซึ่งเขาก็ตอบเธอว่า "ผมไม่โอเค"
ทั้งนี้ เอเมอร์สันถูกเจ้าหน้าที่ควบคุมตัวเมื่อเครื่องบินลงจอดอย่างปลอดภัย เขาถูกคุมขังนาน 45 วัน ก่อนจะได้รับการประกันตัว และพบว่าต้องใช้เวลานานถึง 4 วันเต็ม ๆ นับจากวันที่กินเห็ดเมา กว่าที่เขาจะฟื้นตัวได้เต็มที่และกลับมาเป็นปกติ
แพทย์ประจำเรือนจำ บอกกับเอเมอร์สันว่าเขากำลังเผชิญอาการประสาทหลอนชนิด HPPD ซึ่งเกิดขึ้นได้กับคนที่ใช้ยาหลอนประสาทเป็นครั้งแรก โดยจะทำให้เห็นภาพหลอนหรือมีปัญหาด้านการรับรู้ต่อไปอีกหลายวัน นับตั้งแต่ใช้ยา
แม้ตอนนี้อัยการลดระดับข้อกล่าวหาของเอเมอร์สันลงแล้ว แต่เขาก็ยังต้องเจอข้อหาจากรัฐอีกมากกว่า 80 กระทง รวมถึงข้อหาประมาทเลินเล่อจนอาจเป็นอันตรายแก่ผู้อื่นอีก 83 กระทง โดยระหว่างนี้อยู่ระหว่างรอการพิจารณาคดี
ขอบคุณข้อมูลจาก Ladbible
ภาพประกอบไม่เกี่ยวข้องกับข้อมูล
เป็นหนึ่งในเรื่องช็อกเกี่ยวกับแวดวงการบินเมื่อปี 2566 กับกรณีนักบินซึ่งไม่ได้อยู่ระหว่างปฏิบัติงาน พยายามสังหาร 83 ชีวิตบนเครื่องบิน หลังพยายามดับเครื่องยนต์กลางอากาศให้เครื่องบินตก จนทำให้เขาถูกตั้งข้อหาพยายามฆ่า 83 กระทงและก่ออันตรายจากความประมาท ซึ่งหลังผ่านเหตุการณ์มานานนับปี โจเซฟ เดวิด เอเมอร์สัน นักบินผู้ก่อเหตุ ก็ได้ออกมาเปิดใจถึงเรื่องราวที่เกิดขึ้น ว่าสิ่งใดที่เขาคิดอยู่ในหัวตอนที่เกิดเหตุ
วันที่ 19 มกราคม 2568 เว็บไซต์ Ladbible รายงานว่า โจเซฟ เดวิด เอเมอร์สัน คือนักบินที่ไม่ได้อยู่ระหว่างปฏิบัติงาน (off-duty pilot) ซึ่งต้องนั่งประจำการในห้องนักบิน บนเที่ยวบิน 2059 สายการบินอลาสกา แอร์ไลน์ส เส้นทางจากเมืองเอเวอเรตต์ รัฐวอชิงตัน ไปยังเมืองซานฟรานซิสโก รัฐแคลิฟอร์เนีย สหรัฐฯ ก่อนที่เขาจะก่อเหตุที่ทำให้ต้องเผชิญข้อหารุนแรง
กระทั่งเวลาผ่านไปนานกว่า 1 ปี เอเมอร์สันซึ่งยังอยู่ระหว่างรอการพิจารณาคดี ได้ออกมาเปิดใจเล่าถึงสิ่งที่เกิดขึ้นในวันนั้น กับ ABC News โดยอ้างว่า 2 วันก่อนที่จะถึงกำหนดเดินทางในเที่ยวบินดังกล่าว เขากับเพื่อน ๆ ได้กินเห็ดที่มีฤทธิ์หลอนประสาทเข้าไป เพื่อรำลึกถึงเพื่อนสนิทที่เสียชีวิตไปเมื่อ 6 ปีก่อน
สำหรับเห็ดดังกล่าว จัดเป็นยาเสพติดประเภท A ที่สามารถทำให้เกิดภาพหลอนและบิดเบือนความเป็นจริงได้ อย่างไรก็ตาม ผลข้างเคียงจากเห็ดยังคงอยู่แม้จะกินเข้าไปหลายวันแล้ว และเขาก็รู้สึกไม่ค่อยดีนักตอนที่เดินทางไปสนามบิน เพื่อขึ้นเที่ยวบิน 2059 เมื่อวันที่ 22 ตุลาคม 2566
เอเมอร์สัน อ้างว่า หลังจากที่เขาไปนั่งประจำการในห้องนักบินแล้ว ก็คิดถึงเพียงการได้อยู่กับครอบครัวที่บ้านเท่านั้น แล้วจู่ ๆ ก็เริ่มกลัวว่าจะไม่มีวันได้กลับไป ตอนนั้นเขาเกิดความรู้สึกเหมือนถูกขัง ราวกับติดอยู่ในภายในเครื่องบินลำนั้นและจะไม่มีวันได้กลับบ้านอีก
เขาเริ่มเชื่อว่าสิ่งที่เห็นอยู่ตรงหน้าไม่ใช่เรื่องจริง แม้จะมีเพื่อนส่งข้อความมาบอกให้เขาลองฝึกกำหนดลมหายใจเพื่อสงบสติอารมณ์ก็ตาม ยิ่งเมื่อเพื่อนนักบินไม่ตอบสนองต่อพฤติกรรมผิดปกติของเขา เขาก็ยิ่งเชื่อว่านั่นไม่ใช่ความจริง และคิดว่าเขาจำเป็นต้องตื่นแล้ว
จากนั้นอีก 30 วินาทีต่อมา ปัญหาก็เกิดขึ้น โดยเอเมอร์สันเล่าว่าเขามองเห็นคันโยกสีแดง 2 อันอยู่ตรงหน้า และคิดว่านั่นคงจะเป็นทางออกจากสถานการณ์ที่ไม่ใช่ความจริง จะช่วยให้เขาตื่นได้ เขาจึงเอื้อมมือไปคว้ามันแล้วเริ่มดึงคันโยก
ปรากฏว่านั่นคือคันโยกสำหรับควบคุมการปิดเครื่องยนต์ ซึ่งจะทำให้ทุก ๆ คนบนเครื่องบินมีอันตรายถึงชีวิต แต่เอเมอร์สันยังคงไม่รู้สึกตัว เขาคิดเพียงว่า "นี่กำลังจะทำให้เขาตื่น"
เคราะห์ดีที่นักบินคนอื่นดึงมือของเขาออกได้ทัน เพราะสับสนกับพฤติกรรมผิดปกติของเอเมอร์สัน และการที่ถูกนักบินคนอื่นสัมผัสร่างกายนั่นเอง เป็นสิ่งที่ดึงสติเขาให้หลุดจากอาการหลอน และรู้ตัวจนได้ว่าสิ่งที่อยู่ตรงหน้าคือโลกความจริง
ทันใดนั้นเอเมอร์สันก็คว้าคันโยกประตูเครื่องบิน พยายามจะเปิดออก ก่อนที่ลูกเรือคนอื่น ๆ จะเข้ามาจับมือเขาเพื่อหยุดการกระทำนั้น ทำให้เขารู้สึกตัวอีกครั้ง สุดท้ายแล้วเขาจึงตัดสินใจขอให้ลูกเรือจับเขาใส่กุญแจมือเพื่อป้องกันไม่ให้ตัวเองทำสิ่งที่เป็นภัยคุกคามใด ๆ อีก รวมถึงส่งข้อความมาบอกภรรยาว่า "ผมทำเรื่องผิดพลาดครั้งใหญ่แล้ว"
ภรรยาของเขาตอบกลับมาว่า "เกิดอะไรขึ้น คุณโอเคไหม" ซึ่งเขาก็ตอบเธอว่า "ผมไม่โอเค"
ทั้งนี้ เอเมอร์สันถูกเจ้าหน้าที่ควบคุมตัวเมื่อเครื่องบินลงจอดอย่างปลอดภัย เขาถูกคุมขังนาน 45 วัน ก่อนจะได้รับการประกันตัว และพบว่าต้องใช้เวลานานถึง 4 วันเต็ม ๆ นับจากวันที่กินเห็ดเมา กว่าที่เขาจะฟื้นตัวได้เต็มที่และกลับมาเป็นปกติ
แพทย์ประจำเรือนจำ บอกกับเอเมอร์สันว่าเขากำลังเผชิญอาการประสาทหลอนชนิด HPPD ซึ่งเกิดขึ้นได้กับคนที่ใช้ยาหลอนประสาทเป็นครั้งแรก โดยจะทำให้เห็นภาพหลอนหรือมีปัญหาด้านการรับรู้ต่อไปอีกหลายวัน นับตั้งแต่ใช้ยา
แม้ตอนนี้อัยการลดระดับข้อกล่าวหาของเอเมอร์สันลงแล้ว แต่เขาก็ยังต้องเจอข้อหาจากรัฐอีกมากกว่า 80 กระทง รวมถึงข้อหาประมาทเลินเล่อจนอาจเป็นอันตรายแก่ผู้อื่นอีก 83 กระทง โดยระหว่างนี้อยู่ระหว่างรอการพิจารณาคดี
ขอบคุณข้อมูลจาก Ladbible