สะพรึง 4 หญิงไทย ถูกจีนเทาหลอกอุ้มบุญ - บังคับรีดไข่ กว่า 100 ชีวิต ตกนรกทั้งเป็น

        สะพรึง เปิดขบวนการจีนเทา หลอกสาวไทยไปรีดไข่ขาย ลักษณะฟาร์มมนุษย์ ค้ามนุษย์ ขายอวัยวะ กว่า 100 ชีวิตตกนรกทั้งเป็น ช่วยมาได้แล้ว 4 คน

         วันที่ 3 กุมภาพันธ์ 2568 ข่าวช่อง 3 รายงานว่า นางปวีณา หงสกุล ประธานมูลนิธิปวีณาหงสกุลเพื่อเด็กและสตรี ได้นำเหยื่อหญิงไทยทั้ง 3 คน ที่ได้รับการประสานความช่วยเหลือจากหลายหน่วยงาน จนนำตัวจากประเทศจอร์เจียกลับถึงไทยเมื่อวันที่ 30 มกราคม ที่ผ่านมา แถลงข่าวเปิดใจกับสื่อ รวมถึงเผยขั้นตอนการช่วยเหลือจนกลับไทยสำเร็จ

         โดยไทม์ไลน์ เริ่มจาก น.ส.นา (นามสมมุติ) คุณแม่ลูก 1 อยากหาอาชีพเสริมช่วยสามีใช้หนี้ เมื่อช่วงเดือนกรกฎาคม 2567 จึงหางานในโซเชียล โดยค้นหาคำว่า "หางานทำในบ้าน หางานต่างประเทศ" จนเจอเพจเฟซบุ๊กหนึ่ง ซึ่งอ้างว่า "มีงานสำหรับผู้หญิง รายได้ 4-6 แสนบาท" จึงติดต่อไป

         โดยแอดมิจเพจดังกล่าว แจ้งว่าเป็นงานอุ้มบุญที่ถูกกฎหมายในประเทศจอร์เจีย พ่อแม่ชาวต่างชาติที่อยากมีลูก จะมาเซ็นสัญญาให้อุ้มบุญ ดูแลอย่างดี มีที่กินอยู่สบาย รายได้ 4-6 แสนบาท แถมจะออกค่าใช้จ่ายในการทำพาสปอร์ตและการเดินทางให้ทั้งหมด ใช้เวลาเดินเรื่องประมาณ 1 เดือน


           หลังทำพาสปอร์ตและนัดเดินทางวันที่ 30 สิงหาคม 2567 น.ส.นา ได้ขึ้นเครื่องบินที่สนามบินอู่ตะเภา พร้อมกับสาวไทยอีก 10 คน มีผู้นำพาเป็นคนไทย 1 คน รวม 12 คน แต่ละคนไม่รู้จักกัน โดยผู้นำพาให้เงินติดตัวไว้คนละ 500 ดอลลาร์ ตีเป็นเงินไทยประมาณ 15,000 บาท อ้างว่าเอาไว้โชว์ตอน ตม. ตรวจ เมื่อลงเครื่องบินที่ดูไบ สหรัฐอาหรับเอมิเรตส์ ก่อนจะเปลี่ยนเครื่องไปลงที่ประเทศอาร์มีเนีย
 
         จากนั้นผู้นำพา ให้ทุกคนนอนค้างที่โรงแรม 3 คืน และพาไปถ่ายรูปที่ต่าง ๆ วันที่ 4 จึงพาขึ้นรถไฟเข้าประเทศจอร์เจีย ใช้เวลา 10 กว่าชั่วโมง เมื่อไปถึงก็ให้เข้าพักที่โรงแรม 1 คืน พร้อมยึดพาสปอร์ตทุกคน และพาไปบ้านหลังหนึ่งที่มีเนื้อที่ขนาดใหญ่ ในบริเวณมีบ้านอยู่ 4 หลัง



         วันต่อมา น.ส.นา ถูกพาไปบ้านหลังที่ 1 พบมีสาวไทยอยู่รวมกันกว่า 60 คน บางคนสภาพร่างกายทรุดโทรม นั่งร้องไห้อยากกลับบ้าน วันต่อมาเธอถูกพาย้ายไปบ้านหลังที่ 2 ซึ่งมีสาวไทยอยู่ 10 กว่าคน รวมบ้านทั้ง 4 หลัง มีแต่สาวไทยราว 100 คน และมีคนจีนเข้า-ออกตลอด
          น.ส.นา เผยว่า หญิงสาวเหล่านี้ถูกหลอกให้มาอุ้มบุญ แต่ไม่มีพ่อแม่ต่างชาติมาเซ็นสัญญาจ้าง ทุกคนจึงถูกบังคับให้ขายไข่ คนที่ยอมจะถูกรีดไข่ทุกเดือน โดยมีคนจีนมาฉีดยากระตุ้นการตกไข่ เพื่อให้ไข่ตกหลายใบ ก่อนจะถูกวางยาสลบแล้วใช้เครื่องมือดูดไข่ออกไป โดยไม่รู้ชะตากรรมทารกที่จะเกิดมา


         สำหรับคนที่ไม่ยอมและอยากกลับบ้าน ก็จะถูกเรียกค่าไถ่ตัว อ้างว่าเป็นค่าเดินทางและค่ากินอยู่ 50,000-70,000 บาท หญิงสาวทุกคนที่นั่นเหมือนตกนรกทั้งเป็น ขณะที่ น.ส.นา เมื่อรู้ว่าถูกหลอกและไม่ยอมรีดไข่ จึงติดต่อญาติให้หาเงินมาไถ่ตัว 70,000 บาท โดยโอนเงินเข้าบัญชีคนในขบวนการ ที่คาดว่าเป็นหัวหน้า และขอให้ญาติประสานมูลนิธิปวีณาฯ เพื่อช่วยเหลือเพื่อนคนไทย 3 คน ที่อยากกลับบ้าน แต่ไม่มีเงินไถ่ตัว 
 
         ทั้งนี้ น.ส.นา ได้รับการปล่อยตัว และซื้อตั๋วเครื่องบินเดินทางกลับไทย วันที่ 9 กันยายน 2567
   
         ด้าน นางปวีณา หงสกุล ประธานมูลนิธิปวีณาฯ เผยว่า หลังรับเรื่อง ก็ได้ประสาน พล.ต.ต. สุระพันธุ์ ไทยประเสริฐ ผบก.กองการต่างประเทศ ให้พาตัว น.ส.นา กลับมาก่อนเพื่อให้ข้อมูล ก่อนที่ทีมงานตำรวจสากลไทยจะประสานกับตำรวจสากลระหว่างประเทศ นำกำลัง 30 นาย เข้าช่วยเหลือ 3 สาวไทย จนสามารถนำตัวออกจากบ้านพักกลุ่มจีนเทาในจอร์เจียได้


         สำหรับบ้านพักที่นั่น พบว่ามี 4 หลัง อยู่หลังละ 60 คน ทำธุรกิจค้ามนุษย์ ขายไข่สืบพันธุ์ส่งต่อไปยังประเทศที่ 3 เพื่อทำเป็นเด็กหลอดแก้ว และขายอวัยวะต่าง ๆ ทารกที่เกิดมาอาจถูกเก็บสเต็มเซลล์ เพื่อนำไปรักษาโรค และทารกที่เกิดมาอาจต้องเสียชีวิต

         ขณะนี้เหยื่อหญิงไทยทั้ง 4 คน อยู่ในความดูแลของมูลนิธิปวีณาฯ ที่เซฟเฮ้าส์ เนื่องจากถูกข่มขู่ และยังคงมีหญิงไทยอีกกว่า 100 คน รอความช่วยเหลืออยู่ที่นั่น จึงอยากขอให้รัฐบาลไทยประสานรัฐบาลจีน ตรวจสอบทลายเส้นทางการค้ามนุษย์ โดยมีจีนเทาคอยบัญชาการอยู่ในไทย

ขอบคุณข้อมูลจาก ช่อง 3