หญิงท้อง 9 เดือนลูกหาย รับแล้วว่าท้องทิพย์ รพ. จ่อเอาผิด - เอก สายไหม แจงปมรับเคส

           จากกรณี รุ่งอรุณ สาวท้อง 9 เดือน ลูกหายปริศนา ออกมาร้องเรียนกับสายไหมต้องรอด ขอตรวจสอบการทำงาน ของโรงพยาบาลปทุมธานี ที่เข้าฝากครรภ์ แล้วปรากฏว่าลูก 9 เดือนหายจากท้อง แต่พบเพียงการตั้งครรภ์อายุ 3 เดือน

           วันที่ 6 กุมภาพันธ์ 2568 ข่าวช่อง 3 รายงานว่า นายกองตรี ธนกฤต จิตรอารีย์รัตน์ ผู้ช่วยรัฐมนตรีประจำกระทรวงสาธารณสุข พร้อมด้วย นพ.ภุชงค์ ไชยชิน นายแพทย์สาธารณสุขจังหวัดปทุมธานี ทีมผู้บริหารโรงพยาบาลปทุมธานี และทีมแพทย์แผนกสูตินารีเวช ร่วมแถลงข่าวพร้อม นางรุ่งอรุณ และนายวิชาญ สามีภรรยา ครอบครัวผู้ร้องเรียน ตรวจสอบกรณี รุ่งอรุณ อ้างว่าลูก 9 เดือนหาย
           นพ.ภุชงค์ กล่าวว่า จากการลงพื้นที่ตรวจสอบคลินิกแรกที่ รุ่งอรุณ พบว่า ไม่มีข้อมูลการตรวจตั้งครรภ์ แต่มีปรากฏในเวชทะเบียนว่า เป็นข้อมูลที่เธอแจ้งกับเจ้าหน้าที่ในการลงประวัติการตั้งครรภ์ การมาหาหมอเป็นการตรวจโรคอื่น ๆ ทั่วไป

           ดร.ธนกฤต นำหลักฐานต่าง ๆ มาแสดงระหว่างแถลง เช่น กระดาษบัตรคิวโรงพยาบาล และภาพถ่ายที่ รุ่งอรุณ ใช้อ้างเป็นหลักฐานในการตรวจครรภ์ ชี้แจงแต่ละประเด็น รวมถึงไล่ไทม์ไลน์ประวัติการรักษา 15 ครั้ง ที่โรงพยาบาลปทุมธานี ตรวจสอบประวัติและภาพวงจรปิด มีหลักฐานเป็นบัตรคิวจากผู้ป่วย 4 ไม่พบเวชทะเบียนประวัติการตรวจครรภ์ และก็ไม่พบเข้าตรวจครรภ์ในทุก ๆ แห่งแต่อย่างใด

           ในการแถลงได้มีแพทย์สูตินารีเวช ทั้ง 8 คน ของโรงพยาบาลปทุมธานีเข้าร่วมด้วย ดร.ธนกฤต ได้สอบถามนางรุ่งอรุณ ว่ามีหมอที่ตรวจครรภ์ในห้องนี้ไหม โดยไม่ให้หมอแสดงตัว นางรุ่งอรุณ แจ้งว่า ไม่มีหมอ และย้ำอยู่ 2-3 ครั้งว่าไม่มี แต่ต่อมามีคุณหมอรายหนึ่งแสดงตนว่าเป็นคนตรวจนางรุ่งอรุณ เมื่อวันที่ 20 มกราคม แต่นางรุ่งอรุณกลับบอกว่าไม่มีสักคน

           นพ.บุญรักษ์ วิริยะโชค หัวหน้าแผนก สูตินารีเวช กล่าวว่า ผลตรวจสอบประวัติ นางรุ่งอรุณ พบเข้ารับการตรวจตั้งครรภ์เดือนมกราคม จากนั้น 10 วัน มาฟังผลตรวจ และทำอัลตราซาวน์ พบว่า อายุครรภ์ 13 สัปดาห์ ส่วนที่เธอให้ประวัติว่า มีการตั้งครรภ์ในปี 2567 นั้น ยืนยันว่า ไม่พบประวัติในโรงพยาบาล

           ส่วนนายแพทย์ นินนาท มุขดี ผู้อำนวยการโรงพยาบาลปทุมธานี กล่าวว่า ทางโรงพยาบาล ไม่มีข้อขัดแย้งใดใดกับผู้ที่มาร้องเรียน และเพื่อยืนยันความบริสุทธิ์ จึงจำเป็นต้องร้องขอความเป็นธรรม แจ้งความกลับทุกกรณี เพราะเมื่อมีการร้องเรียนและสื่อสารออกไป ทำให้โรงพยาบาลเสียชื่อเสียง โดยให้ฝ่ายกฎหมายของโรงพยาบาล รวบรวมข้อมูล ในคดีอาญา นำข้อมูลอันเป็นเท็จเข้าสู่ระบบคอมพิวเตอร์


           ในการแถลงครั้งนี้ไม่มี นายเอกภพ ผู้ก่อตั้งเพจสายไหมต้องรอด มาร่วมฟังการแถลงด้วย แต่มีหมอปลาและภรรยา เข้าร่วมฟังด้วย ซึ่งคุณธนกฤต เชิญหมอปลามาร่วมพิสูจน์ด้วย ช่วงหนึ่งหมอปลา บอกว่า ไม่สามารถตรวจสอบอะไร ได้นอกจากให้สามีภรรยาคู่นี้พูดความจริงเถอะ สงสารเด็กที่เกิดมาและหมอทั้งโรงพยาบาลต้องมาเสียเวลากับผีจิน เมื่อโดนหมอปลาซักถามมาก ๆ นางรุ่งอรุณ ร้องไห้ออกมาและ ยืนยันว่า ไม่ได้สร้างเรื่อง ย้ำ ทุกเรื่องที่พูดเป็นเรื่องจริง ท้องจริง ไม่มีเจตนาโกหก และไม่มีเหตุผลจะโกหกไปทำไม พร้อมยอมรับว่า หนักใจ ที่ทางโรงพยาบาลจะดำเนินคดีกับตน
           ภายหลังการแถลงข่าวเสร็จ ดร.ธนกฤต ขออนุญาตสามีนางรุ่งอรุณ คุยกันเพียง 2 คนอีกสักหน่อย ผ่านไป 5 นาที นางรุ่งอรุณ ได้ยอมรับว่ากุเรื่องท้อง 9 เดือนจริง และขอโทษทางโรงพยาบาล ส่วนเหตุผลของการกุเรื่อง ขอไม่พูดถึงเรื่องนั้น ขอให้เป็นเรื่องส่วนตัว ทั้งหมดนี้ ไม่มีใครรู้เรื่อง แม้แต่สามี เพราะตัวเองทำเรื่องนี้คนเดียว
           ด้านนายวิชาญ สามี กล่าวว่า ที่ผ่านมา ในระหว่างที่ภรรยาตั้งท้อง เคยจับท้องและรู้สึกว่าลูกดิ้นตลอด เมื่อถามว่า ตอนนี้ภรรยายอมรับว่า ไม่ได้ตั้งท้องรู้สึกอย่างไร สามีบอกว่า ตอนที่ตนสัมผัสลูกดิ้นจริง ๆ แต่ตอนนี้ก็เสียใจ ที่ถูกหลอกด้วย

           ช่วงท้าย ดร.ธนกฤต เผยว่า หลังจากที่ได้พูดคุยกับนางรุ่งอรุณเป็นการส่วนตัวรู้สึกว่า เรื่องราวที่เกิดขึ้นเป็นการพูดโดยไม่มีหลักฐานใด ๆ และจากที่ได้คุยกันจนสุดท้าย นำแพทย์แผนกสูตินารีเวชกรรมมาให้ชี้ตัว ผู้ร้องยังจำหมอที่ตรวจไม่ได้ จึงขอว่าอยากให้เรื่องทุกอย่างคลี่คลายวันนี้ เพราะที่ผ่านมาทำให้เกิดความเสียหายต่อรัฐและสาธารณสุข ขอให้พูดความจริงหากยอมพูดความจริง ตนจะพูดคุยหารือกับผู้บริหารโรงพยาบาลให้ว่า จะดำเนินการอย่างไร กรณีการดำเนินคดี ส่วนที่ผ่านมาจะตั้งท้องหรือไม่ ไม่ต้องชี้แจงก็ได้ จนผู้ร้องยอมรับด้วยตัวเองว่า ไม่ได้ตั้งครรภ์ก่อนหน้านี้

เอก สายไหม แจงปมรับเคสลูก 9 เดือนหาย ก่อนพบเป็นเรื่องโอละพ่อ

           นายเอกภพ เหลืองประเสริฐ ผู้ก่อตั้งเพจสายไหมต้องรอด ชี้แจงปมสาวอ้างลูกในท้อง 9 เดือนหายเป็นการกุเรื่อง โดยเล่าย้อนว่า ตั้งแต่รับเคสนี้มาก็พูดกับครอบครัวของผู้ร้องเรียนตั้งแต่แรกว่าเป็นไปไม่ได้เลย แต่เขายืนยันว่าลูกหายไปจริง ๆ ตอนนั้นถามไปว่าเคยรักษาจิตเวชไหม เจ้าตัวบอกว่าไม่เคย ส่วนตัวมองว่าเขาอาจจะป่วยก็ได้ แต่ถ้าเราพูดคนอาจจะไม่เชื่อ เลยให้ ดร.ธนกฤต จิตรอารีย์รัตน์ มาช่วยหาคำตอบ

           ถ้าเป็นกรณีที่ตั้งใจมาโกหกยืนยันว่าดำเนินคดีหมด ตอนรับเคสมาก็ถามไปว่า ปกติคนท้องหมอนัดตรวจเดือนละครั้ง ทำไมผู้ร้องไปโรงพยาบาลถึง 15 ครั้ง เธอบอกว่ามีโรคประจำตัวอื่น ๆ กลัวส่งผลถึงลูกจึงไปบ่อย

           สำหรับเคสนี้ตนเองเป็นห่วง ถ้าผู้ร้องมีอาการป่วยทางจิตจริงและเชื่อว่าท้องจริง แต่ถูกต่อว่า ถูกประณาม อาจจะทำให้เขาเครียดและคิดสั้น ตนไม่กังวลว่าโรงพยาบาลจะเอาผิด ไม่มีมุมไหนพูดถึงโรงพยาบาล เข้าใจสังคมโซเชียล ทัวร์ลงก็มาตำหนิตนได้เลย ยืนยันว่าเป็นการทำหน้าที่ช่วยเหลือคนตามปกติ ไม่ได้กล่าวหาหมอหรือโรงพยาบาลเลยด้วยซ้ำ

ขอบคุณข้อมูลจาก ข่าวช่อง 3, เรื่องเด่นเย็นนี้