หนุ่มสานรักคู่ขา ก่อนหายใจลำบาก-หมดสติกลางคัน หัวใจหยุดเต้น ก่อนเสียชีวิต พบสาเหตุจากอาหารที่คู่ขากิน ก่อนทำออรัลเซ็กส์

วันที่ 23 กุมภาพันธ์ 2568 เว็บไซต์เดลี่เมล รายงานว่า แพทย์ในประเทศแคนาดา ออกมาเตือนกลุ่มคนที่มีอาการแพ้อาหารอย่างรุนแรง เกี่ยวกับความเสี่ยงถึงชีวิตในกิจกรรมทางเพศบางอย่าง หลังเกิดกรณีของวัยรุ่นเพศชาย ไม่เปิดเผยอายุ ที่แพ้ถั่วลิสงอย่างรุนแรง และต้องเสียชีวิตจากปฏิกิริยาแพ้ที่เกิดขึ้นระหว่างทำออรัลเซ็กส์กับหนุ่มคู่ขา
ตามข้อมูลที่ถูกบันทึกและเผยแพร่ผ่านวารสารการแพทย์ Allergy, Asthma & Clinical Immunology ระบุว่า คู่ขาของเด็กหนุ่มเพิ่งกินเนยถั่วเข้าไปก่อนจะเริ่มมีกิจกรรมทางเพศ ระหว่างนั้นเองที่เด็กหนุ่มเริ่มมีปัญหาด้านการหายใจ เมื่อเขารู้ตัวว่าเกิดอาการแพ้ ก็รีบใช้ยาพ่นที่พกติดตัวทันที แต่เขากลับหมดสติไปหลังจากนั้นไม่นาน
ตอนที่หน่วยฉุกเฉฺนมาถึงที่เกิดเหตุใน 45 นาทีต่อมา ก็พบว่าเด็กหนุ่มไม่มีชีพจรแล้ว แม้แพทย์จะสามารถทำให้หัวใจของเขากลับมาเต้นได้อีกครั้ง แต่ความเสียหายต่ออวัยวะนั้นรุนแรงเกินไป และเด็กหนุ่มก็เสียชีวิตที่โรงพยาบาลในวันต่อมา
แพทย์ผู้ทำการบันทึกเคสดังกล่าว เปิดเผยว่า ร่องรอยของถั่วลิสงน่าจะยังเหลืออยู่ในน้ำลายของคู่เดตหนุ่ม และน้ำลายที่เต็มไปด้วยถั่วลิสง จะถูกดูดซึมเข้าไปบางส่วนผ่านผิวหนังที่บอบบางและดูดซับได้ตรงอวัยวะเพศของผู้ตาย
ทั้งนี้ เด็กหนุ่มและคู่เดตไม่ได้จูบกัน และยังไม่มีการใช้ถุงยางอนามัย จึงตัดความเป็นไปได้ที่จะมีอาการแพ้ยาง นั่นหมายความว่าการทำออรัลเซ็กส์เป็นช่องทางเดียวที่ถั่วลิสงจากคู่เดตจะเข้าสู่ร่างกายของผู้ตาย

แพทย์ยังอ้างถึงผลการศึกษาที่บ่งชี้ว่า ร่องรอยถั่วลิสงสามารถอยู่ในน้ำลายได้นานถึง 6 ชั่วโมงหลังกินเข้าไป และอาการแพ้จากร่องรอยในปากนี้ยังสามารถเกิดขึ้นได้ แม้บุคคลดังกล่าวจะแปรงฟัน ล้างปาก หรือเคี้ยวหมากฝรั่งแล้วก็ตาม ขณะเดียวกัน ก่อนหน้านี้ยังเคยมีกรณีของหญิงที่เกิดปฏิกิริยาแพ้ถั่วลิสงจากสเปิร์มของคู่ขาด้วย
แพทย์ผู้รายงานเคสในแคนาดา ชี้ว่านี่เป็นครั้งแรกที่มีการบันทึกเหตุการณ์ภูมิแพ้เกี่ยวกับกิจกรรมทางเพศ ระหว่างชายกับชายที่ทำออรัลเซ็กส์กัน สะท้อนให้เห็นถึงความจำเป็นของการให้ความรู้ที่ดีขึ้น รวมถึงการสร้างความตระหนักรู้เกี่ยวกับความเสี่ยงของอาการแพ้ ในกิจกรรมทางเพศ และผู้ที่มีส่วนเกี่ยวข้องก็ควรเผยถึงอาการแพ้ของตนด้วยเช่นกัน
ทั้งนี้ ทีมแพทย์ยังแสดงความขอบคุณถึงครอบครัวของผู้ป่วย ที่ยินยอมให้เผยแพร่เรื่องนี้เป็นกรณีศึกษา เพื่อช่วยสร้างความตระหนักรู้และอาจช่วยชีวิตผู้อื่นได้
ขอบคุณข้อมูลจาก Daily Mail