พาแม่ไปรักษารากฟัน กลับติดเชื้อในกระแสเลือด เสียชีวิต ผ่านมา 3 เดือนเรื่องยังเงียบ ไร้เยียวยาแม้แจ้งความ จ่อเอาผิดทั้งคลินิกทำฟัน และ รพ. แรกที่วินิจฉัยพลาด
![รักษารากฟัน กลับติดเชื้อในกระแสเลือด รักษารากฟัน กลับติดเชื้อในกระแสเลือด]()
ภาพจาก เรื่องเล่าเช้านี้
วันที่ 25 กุมภาพันธ์ 2568 ข่าวช่อง 3 รายงานกรณี นายธวัชชัย อายุ 36 ปี เข้าร้องขอความเป็นธรรมกับสื่อมวลชน หลังจากที่แม่ของตนคือ นางชบา อายุ 59 ปี เข้ารับการรักษารากฟันที่คลินิกแห่งหนึ่งในพื้นที่ อ.ท่ามะกา จ.กาญจนบุรี แต่กลับติดเชื้อในกระแสเลือด มีการส่งตัวมารักษาในโรงพยาบาลแต่อาการไม่ดีขึ้น และทรุดลง ตอนแรกแพทย์วินิจฉัยว่าแพ้ยา แต่แท้จริงแล้วแม่ติดเชื้อในกระแสเลือด ซึ่งเป็นภาวะแทรกซ้อนจากการติดเชื้อในช่องปากและโพรงจมูก ก่อนที่แม่จะเสียชีวิตในวันที่ 17 ตุลาคม 2567 ซึ่งตนได้ไปแจ้งความแล้ว แต่เวลาล่วงเลยมากว่า 3 เดือน ยังไม่มีใครเข้ามาเยียวยาครอบครัว
นายธวัชชัย เปิดเผยว่า แม่เริ่มปวดฟันตั้งแต่วันที่ 24 กันยายน 2567 ตนจึงโทร. นัดหมอฟันที่คลินิกแห่งหนึ่งเพื่อทำการรักษารากฟัน หลังรักษารากฟันเสร็จในวันที่ 25 กันยายน แม่เริ่มมีอาการปวดมากขึ้น จึงกลับไปรักษาฟันซ้ำที่คลินิกเดิม จนวันที่ 26 กันยายน อาการของแม่ไม่ดีขึ้น เริ่มมีอาการหน้าบวม ริมฝีปากบวม ตาบวมมากขึ้น เลยตัดสินใจพาแม่ไปรักษาที่โรงพยาบาลแห่งหนึ่ง ใน จ.กาญจนบุรี
![รักษารากฟัน กลับติดเชื้อในกระแสเลือด รักษารากฟัน กลับติดเชื้อในกระแสเลือด]()
ภาพจาก เรื่องเล่าเช้านี้
จากนั้นมีแพทย์เฉพาะทางมาช่วยรักษา เมื่อซักประวัติคนไข้แล้วก็ทำการเอกซเรย์ เสร็จแล้วก็ให้ยากลับมากินที่บ้าน 1 ชุด และแจ้งว่าหากอาการไม่ดีขึ้นให้กลับไปนอนที่โรงพยาบาล ซึ่งตกเย็นกินยาไปอาการแม่ก็ไม่ดีขึ้น แถมแย่ลง หน้า ปาก ตา บวมมากขึ้นกว่าเดิม
วันที่ 17 กันยายน จึงพาแม่กลับไปโรงพยาบาลอีกครั้ง โดยรอบนี้เข้าห้องฉุกเฉิน หมอให้นอนที่โรงพยาบาล โดยมีหมอมาวินิจฉัยว่าเกิดจากการแพ้ยาหรือไม่ แต่แม่ยืนยันว่าไม่ได้แพ้ยาตัวไหนที่แพทย์ให้มาเลย เพราะเคยกินยาอยู่
ทั้งนี้ แม่รักษาตัวอยู่ในโรงพยาบาลถึงวันที่ 29 กันยายน
แต่อาการแม่กลับหนักขึ้น ความดันสูง อาเจียน น้ำตาลในเลือดสูง
แล้วเริ่มพูดจาไม่รู้เรื่อง ไม่มีสติ ทางแพทย์แจ้งว่าเกิดจากอาการคอบวม
หายใจไม่ออก หัวใจอาจหยุดเต้นเฉียบพลันได้ และทำการใส่เครื่องช่วยหายใจช่วย
![รักษารากฟัน กลับติดเชื้อในกระแสเลือด รักษารากฟัน กลับติดเชื้อในกระแสเลือด]()
ภาพจาก เรื่องเล่าเช้านี้
หลังใส่เครื่องช่วยหายใจแล้ว แม่หมดสติ ไข้ขึ้นสูง ไม่รู้สึกตัวใด ๆ ทางบ้านจึงปรึกษากันว่าจะพาแม่ไปรักษาที่โรงพยาบาลเอกชนแทน และตัดสินใจย้ายโรงพยาบาลในวันที่ 29 กันยายน ช่วง 22.00 น. โดยเข้า ICU ที่โรงพยาบาลเอกชน ซึ่งทางแพทย์ทำการตรวจ ลงความเห็นว่าติดเชื้อในกระแสเลือด มีหนองในเหงือกและช่องปาก
แพทย์ทำการรักษาโดยให้ยาฆ่าเชื้อและผ่าดูดหนองออก ล้างโพรงไซนัส 2 รอบ แต่อาการไม่ดีขึ้น แม่มีภาวะไตวาย แต่เนื่องจากค่าใช้จ่ายสูงแล้วตนจึงนำตัวแม่กลับมารักษาที่โรงพยาบาลแห่งเดิม ในวันที่ 16 ตุลาคม กระทั่งวันที่ 17 ตุลาคม ทางโรงพยาบาลได้โทร. แจ้งว่าแม่หัวใจหยุดเต้น และเสียชีวิตในเวลา 22.00 น.
ทั้งนี้ ตนติดใจสาเหตุการตายว่าเกิดจากคลินิกทำฟัน และทางโรงพยาบาลที่วินิจฉัยผิดว่ามีอาการแพ้ยา จนจ่ายยาผิด อยากให้ทางคลินิกทำฟันและโรงพยาบาลออกมารับผิดชอบค่ารักษาพยาบาลตามจริงทั้งหมด สิทธิที่จะได้รับเบี้ยประกันสังคม ค่าจัดงานศพ ค่าขาดรายได้ และค่าสูญเสียรายได้ของคนในครอบครัว
![รักษารากฟัน กลับติดเชื้อในกระแสเลือด รักษารากฟัน กลับติดเชื้อในกระแสเลือด]()
ภาพจาก เรื่องเล่าเช้านี้
อย่างไรก็ตาม ขณะนี้ผ่านมา 3 เดือนแล้ว แต่ยังไม่มีการดำเนินการหรือการเยียวยาใด ๆ แม้จะมีผลชันสูตรออกมาจากนิติเวช ว่าคุณแม่ติดเชื้อในกระแสเลือด ซึ่งเป็นภาวะแทรกซ้อนจากการติดเชื้อในช่องปากและโพรงไซนัส
ขอบคุณข้อมูลจาก ช่อง 3

ภาพจาก เรื่องเล่าเช้านี้
วันที่ 25 กุมภาพันธ์ 2568 ข่าวช่อง 3 รายงานกรณี นายธวัชชัย อายุ 36 ปี เข้าร้องขอความเป็นธรรมกับสื่อมวลชน หลังจากที่แม่ของตนคือ นางชบา อายุ 59 ปี เข้ารับการรักษารากฟันที่คลินิกแห่งหนึ่งในพื้นที่ อ.ท่ามะกา จ.กาญจนบุรี แต่กลับติดเชื้อในกระแสเลือด มีการส่งตัวมารักษาในโรงพยาบาลแต่อาการไม่ดีขึ้น และทรุดลง ตอนแรกแพทย์วินิจฉัยว่าแพ้ยา แต่แท้จริงแล้วแม่ติดเชื้อในกระแสเลือด ซึ่งเป็นภาวะแทรกซ้อนจากการติดเชื้อในช่องปากและโพรงจมูก ก่อนที่แม่จะเสียชีวิตในวันที่ 17 ตุลาคม 2567 ซึ่งตนได้ไปแจ้งความแล้ว แต่เวลาล่วงเลยมากว่า 3 เดือน ยังไม่มีใครเข้ามาเยียวยาครอบครัว
นายธวัชชัย เปิดเผยว่า แม่เริ่มปวดฟันตั้งแต่วันที่ 24 กันยายน 2567 ตนจึงโทร. นัดหมอฟันที่คลินิกแห่งหนึ่งเพื่อทำการรักษารากฟัน หลังรักษารากฟันเสร็จในวันที่ 25 กันยายน แม่เริ่มมีอาการปวดมากขึ้น จึงกลับไปรักษาฟันซ้ำที่คลินิกเดิม จนวันที่ 26 กันยายน อาการของแม่ไม่ดีขึ้น เริ่มมีอาการหน้าบวม ริมฝีปากบวม ตาบวมมากขึ้น เลยตัดสินใจพาแม่ไปรักษาที่โรงพยาบาลแห่งหนึ่ง ใน จ.กาญจนบุรี

ภาพจาก เรื่องเล่าเช้านี้
จากนั้นมีแพทย์เฉพาะทางมาช่วยรักษา เมื่อซักประวัติคนไข้แล้วก็ทำการเอกซเรย์ เสร็จแล้วก็ให้ยากลับมากินที่บ้าน 1 ชุด และแจ้งว่าหากอาการไม่ดีขึ้นให้กลับไปนอนที่โรงพยาบาล ซึ่งตกเย็นกินยาไปอาการแม่ก็ไม่ดีขึ้น แถมแย่ลง หน้า ปาก ตา บวมมากขึ้นกว่าเดิม
วันที่ 17 กันยายน จึงพาแม่กลับไปโรงพยาบาลอีกครั้ง โดยรอบนี้เข้าห้องฉุกเฉิน หมอให้นอนที่โรงพยาบาล โดยมีหมอมาวินิจฉัยว่าเกิดจากการแพ้ยาหรือไม่ แต่แม่ยืนยันว่าไม่ได้แพ้ยาตัวไหนที่แพทย์ให้มาเลย เพราะเคยกินยาอยู่

ภาพจาก เรื่องเล่าเช้านี้
หลังใส่เครื่องช่วยหายใจแล้ว แม่หมดสติ ไข้ขึ้นสูง ไม่รู้สึกตัวใด ๆ ทางบ้านจึงปรึกษากันว่าจะพาแม่ไปรักษาที่โรงพยาบาลเอกชนแทน และตัดสินใจย้ายโรงพยาบาลในวันที่ 29 กันยายน ช่วง 22.00 น. โดยเข้า ICU ที่โรงพยาบาลเอกชน ซึ่งทางแพทย์ทำการตรวจ ลงความเห็นว่าติดเชื้อในกระแสเลือด มีหนองในเหงือกและช่องปาก
แพทย์ทำการรักษาโดยให้ยาฆ่าเชื้อและผ่าดูดหนองออก ล้างโพรงไซนัส 2 รอบ แต่อาการไม่ดีขึ้น แม่มีภาวะไตวาย แต่เนื่องจากค่าใช้จ่ายสูงแล้วตนจึงนำตัวแม่กลับมารักษาที่โรงพยาบาลแห่งเดิม ในวันที่ 16 ตุลาคม กระทั่งวันที่ 17 ตุลาคม ทางโรงพยาบาลได้โทร. แจ้งว่าแม่หัวใจหยุดเต้น และเสียชีวิตในเวลา 22.00 น.
ทั้งนี้ ตนติดใจสาเหตุการตายว่าเกิดจากคลินิกทำฟัน และทางโรงพยาบาลที่วินิจฉัยผิดว่ามีอาการแพ้ยา จนจ่ายยาผิด อยากให้ทางคลินิกทำฟันและโรงพยาบาลออกมารับผิดชอบค่ารักษาพยาบาลตามจริงทั้งหมด สิทธิที่จะได้รับเบี้ยประกันสังคม ค่าจัดงานศพ ค่าขาดรายได้ และค่าสูญเสียรายได้ของคนในครอบครัว

ภาพจาก เรื่องเล่าเช้านี้
อย่างไรก็ตาม ขณะนี้ผ่านมา 3 เดือนแล้ว แต่ยังไม่มีการดำเนินการหรือการเยียวยาใด ๆ แม้จะมีผลชันสูตรออกมาจากนิติเวช ว่าคุณแม่ติดเชื้อในกระแสเลือด ซึ่งเป็นภาวะแทรกซ้อนจากการติดเชื้อในช่องปากและโพรงไซนัส
ขอบคุณข้อมูลจาก ช่อง 3