น้องตั้งคำถาม การรักษาของประกันสังคม ทำไมถึงได้รับการรักษาแบบนี้ ซัดต้องรอใกล้ตายก่อนถึงได้รักษา สุดท้ายต้องสูญเสียพี่ชาย หัวใจล้มเหลวในห้องเอกซเรย์
วันที่ 2 มีนาคม 2568 เฟซบุ๊ก สรยุทธ สุทัศนะจินดา กรรมกรข่าว รายงานกรณีผู้ใช้เฟซบุ๊กรายหนึ่ง โพสต์เรื่องราวการสูญเสียพี่ชาย หลังใช้สิทธิรักษาพยาบาลประกันสังคม พร้อมตั้งคำถามว่าเหตุใดคนป่วยที่ใช้สิทธิประกันสังคม ถึงได้การรักษาแบบนี้
โดย คุณฉัตรพัฒน์ เจ้าของโพสต์ ระบุว่า พี่ชายของตนแน่นหน้าอก เจ็บตรงลิ้นปี่ หายใจไม่ออก เมื่อคืนวันที่ 27 กุมภาพันธ์ ได้ใช้สิทธิประกันสังคมในการรักษา ตอน 20.00 น.
ทางโรงพยาบาลได้ให้ยาและทำการตรวจเลือด นอนรอที่ห้องฉุกเฉิน จนถึงเวลาประมาณ 23.00 น. มาบอกว่าไม่เป็นอะไร ปกติ กลับบ้านได้ ทั้งที่ยังแน่นหน้าอกอยู่ ไม่ยอมให้นอนโรงพยาบาล
จนเวลา 05.00 น. วันที่ 28 กุมภาพันธ์ กลับมาที่โรงพยาบาลอีกครั้ง เนื่องจากปวดและแน่นหน้าอกมาก โรงพยาบาลจึงให้แอตมิต แต่เป็นการแอตมิตรอหมอเฉย ๆ ไม่ได้ทำการรักษา จนถึงประมาณ 08.00 น. กว่า ๆ จนพี่ชายทนไม่ไหวสุด ๆ พี่สาวที่พามาจึงไปบอกพยาบาล ถึงได้ให้ไปเอกซเรย์
พี่ชายตนก็เปลี่ยนชุดโรงพยาบาล เดินตามพยาบาลไปห้องเอกซเรย์ แต่พยาบาลได้ขึ้นมาตามพี่สาวลงไปที่ห้องเอกซเรย์ พร้อมแจ้งว่าตอนนี้คนเจ็บหัวใจล้มเหลว กำลังทำการช่วยชีวิตอยู่.... แล้วพี่ตนก็จากไป
เจ้าของโพสต์ซึ่งเป็นน้องชาย จึงตั้งคำถามว่า ทำไมคนป่วยที่ใช้สิทธิประกันสังคม ถึงได้การรักษาแบบนี้ พี่สาวบอกกับพยาบาลว่า ขอยกเลิกใช้สิทธิประกันสังคม และขอจ่ายค่ารักษาเอง เพื่อที่จะได้รับการรักษาที่รวดเร็ว แต่มันไม่ทันแล้ว !!
"ประกันสังคม สำหรับใครที่เจ็บป่วยหนัก ๆ แต่ทาง รพ. วินิจฉัยจากภายนอก เห็นว่า พูดได้ คุยได้ พึงระวังไว้เลย เพราะเขาจะไม่รักษาคุณทันทีหรอก จนกว่าคุณจะใกล้ตายเขาถึงมารักษาคุณ"
คุณฉัตรพัฒน์ ยังเปิดใจกับทีมข่าวเรื่องเล่าเช้านี้ ทางช่อง 3 ว่า ที่โพสต์ไปนั้น ตนอยากสื่อสารว่า เบื้องต้นเข้าใจว่าสิทธิประกันสังคมนั้นมีจำกัดในแต่ละโรงพยาบาล แต่สำหรับคนเจ็บป่วย มีอาการไม่สู้ดี อยากให้ทางโรงพยาบาลหรือสิทธิประกันสังคมปรับปรุงใหม่ ให้ดูแล ไม่ใช่รอให้อาการหนักก่อนจริง ๆ ถึงดำเนินการ
ตนมองว่าความเร็วในการรักษาเป็นสิ่งสำคัญ หากใครไม่สามารถจ่ายเงินเอง หรือใช้ประกันของเอกชนได้ จะไม่ได้รับการรักษาที่รวดเร็ว หากเราใช้สิทธิประกันสังคม หรือสิทธิบัตรทอง 30 บาท กระบวนการในการรักษานั้นค่อนข้างแตกต่างกัน
ขอบคุณข้อมูลจาก สรยุทธ สุทัศนะจินดา กรรมกรข่าว
