ทนายเล่าเคสถูกนักธุรกิจหักหลัง สู่วันได้ช่วยชาวบ้านฟ้อง สางบัญชีแค้น นายก อบต.

           ทนายเกิดผล แก้วเกิด เล่าเคสถูกนักธุรกิจหักหลัง สู่วันได้ช่วยชาวบ้านฟ้องเจ้าตัว หลังเป็น นายก อบต. ลั่นเหมือนได้สางบัญชีแค้น            วันที่ 6 มีนาคม 2568 ทนายเกิดผล แก้วเกิด โพสต์อัปเดตคดีที่ นายก อบต. แห่งหนึ่ง ถูกยื่นเอาผิดต่อศาลกรณีบุกรุกที่ชาวบ้าน พร้อมเผยเบื้องหลังชวนบังเอิญด้วยว่า ในอดีตก่อนจะมีตำแหน่งดังกล่าว อีกฝ่ายก็เคยทำวีรกรรมแสบไว้กับตนเองเช่นกัน จึงเรียกว่าเมื่อได้โอกาสในการช่วยชาวบ้านเอาผิด นายก อบต. รายนี้ ก็เท่ากับเป็นการสะสางบัญชีแค้นของตนเองด้วย

           โพสต์ดังกล่าว ระบุว่า ความคืบหน้าทางคดี สืบเนื่องมาจากโพสต์ที่แล้วเมื่อปีก่อน ที่มีชาวบ้านมาร้องเรียนมูลนิธิ ว่าถูกนายก อบต. แห่งหนึ่ง ใช้อำนาจในตำแหน่งโดยมิชอบ และเข้ามาบุกรุก ที่เป็นของชาวบ้าน ซึ่งชาวบ้านมาขอร้อง ขอความช่วยเหลือจากมูลนิธิ และบังเอิญว่า เป็นบุคคลเดียวกันที่ผมเคยขอความช่วยเหลือ ที่จะจัดตั้งมูลนิธิ และถูกปฏิเสธไป ทั้ง ๆ ที่บุคคลนี้ถูกฟ้องล้มละลายและเคยมาขอความช่วยเหลือจากผมให้เป็นทนายความให้

           หลังจากที่ชาวบ้านมาร้องขอความช่วยเหลือจากมูลนิธิ ผมใช้เวลา ในการตรวจพยานสถานะตรวจสอบข้อเท็จจริง ไม่นาน ผมก็ฟ้องคดี ด้วยตนเองที่ศาลอาญาคดีทุจริตและประพฤติมิชอบ ภายหลังจะยื่นฟ้องไม่นาน ศาลมีคำสั่ง ประทับฟ้อง และคดีนี้ จะสืบพยานเร็ว ๆ นี้ครับ

           หลังจากที่ศาลมีคำสั่งประทับฟ้อง นายก อบต. คนนี้ก็มาพูดคุยกับผม ขอให้ช่วยเกลี้ยกล่อมชาวบ้าน ให้ถอนฟ้องให้หน่อย พร้อมทั้งพร่ำเพ้อถึงความหลัง ครั้งที่เคยช่วยเหลือกันในอดีต โดยไม่พูดถึงเรื่องที่ตัวเองเคยรับปาก และสัญญาไว้ รวมทั้งจะบริจาคเงินให้มูลนิธิ 150,000 บาท

           ผมมองหน้า แล้วพูดกับ นายก อบต. เบา ๆ อยากรู้ว่าผมพูดกับ นายก ว่ายังไง ดูปากนิขานะคะ "ร..ว..ย"

ย้อนเล่าวีกรรม สมัยเคยช่วยแต่ถูกหักหลัง  

           สันดานมนุษย์ ยังจำเรื่องที่ผมเคยเล่าให้ฟังหลายปีก่อนได้ใหมครับว่า ครั้งหนึ่ง มีนักธุรกิจถูกฟ้องล้มละลาย ผมไปเป็นทนายความให้ โดยไม่มีค่าใช้จ่าย นักธุรกิจคนนั้นสัญญาว่า ถ้าชนะคดี หรือ ไม่ล้มละลาย สร้างฐานะเมื่อไหร่ จะหาค่าทนายความมาให้ และจะช่วยเหลือถ้าช่วยได้

           หลังจากนั้น คดีล้มละลาย ศาลยกฟ้อง เราชนะคดี เขากลับมาประกอบธุรกิจจนร่ำรวย วันหนึ่ง เขาได้ไปเป็น นายก อบต. แห่งหนึ่ง มีชื่อเสียงพอสมควร หลายปีผ่านมา ก่อนผมจะจัดตั้งมูลนิธิฯ ผมเคยไปหาเขา

           ผมคิดว่า เขาคงจำคำสัญญาได้ ผมจะขอให้เขาร่วมก่อตั้งมูลนิธิกฎหมาย หรือบริจาคเงินตั้งมูลนิธิด้วยกัน

           เขาฟังผมจบ หางตาเขาชำเลืองดูผมแบบเหยียด ๆ แล้วก็พูดว่า "ถ้าผมช่วย ผมจะได้อะไร ตอบแทน" ผมกลืนน้ำลายลงคอแบบแห้ง ๆ ยิ้มให้เขาแล้วก็ขอตัวกลับ ผมรู้สึกผิดหวังอย่างแรง กับคนคนนี้

           ต่อมาเมื่อปลายปีที่ผ่านมา ผมจัดตั้งมูลนิธิสำเร็จ ด้วยการสนับสนุนจากทุนของตัวเองและเงินบริจาคของเพื่อน ๆ FC เมื่อ 3 วันก่อน มีชาวบ้านมาหาผมประมาณ 10 คน เพื่อขอความช่วยเหลือเรื่องกฎหมาย ทราบเรื่องว่า ถูกนายก อบต. แห่งหนึ่งกลั่นแกล้ง บุกรุกที่ดินชาวบ้าน และข่มขู่ชาวบ้าน

           ชาวบ้านไม่มีเงินทองต่อสู้คดี จึงมาขอความช่วยเหลือจากมูลนิธิฯ ผมถามว่า นายก อบต. ที่ไหน เป็นใคร ช่างบังเอิญจริง ๆ นายก อบต. คนนั้น คือคนที่ผมเคยช่วยไว้นั่นเอง สวยงาม ได้เวลาช่วยชาวบ้าน และ สางบัญชีแค้นเก่าคืน ขาดอายุความ แต่ยังไม่ขาดอายุแค้น