คดีช็อก สาวฟ้องถูกเจ้านายข่มขืน กลับเป็นฝ่ายโดนจำคุก เจอหลักฐานคลิปเสียงอึ้ง

 
            คดีช็อกสังคม สาวเกาหลีใต้ฟ้องถูกเจ้านายข่มขืน กลับเป็นฝ่ายโดนจำคุกครึ่งปี หลังเจอฟ้องกลับ อ้างหลักฐานคลิปเสียงอึ้ง


คดีช็อกสังคม
ภาพประกอบไม่เกี่ยวข้องกับข้อมูล

             เมื่อเร็ว ๆ นี้มีคดีน่าตกใจในประเทศเกาหลีใต้ ถูกนำกลับมาแชร์จนกลายเป็นประเด็นที่วิพากษ์วิจารณ์ร้อนแรงบนโลกออนไลน์ (7 มีนาคม 2568)  เมื่อมีหญิงพนักงานรายหนึ่งเข้าแจ้งความฟ้องร้องว่าถูกเจ้านายข่มขืน แต่ผลสุดท้ายกลับเป็นเธอที่เป็นฝ่ายได้รับโทษหนักต้องติดคุกนานถึงครึ่งปี ภายหลังจากเจอหลักฐานคลิปเสียงที่ไม่คาดคิด…

จุดเริ่มต้นคดีความ


             ในเดือนพฤษภาคม 2560 พนักงาน A (นามสมมุติ) เพิ่งเข้ามาทำงานใหม่ที่ธนาคารพาณิชย์แห่งหนึ่งในเกาหลีใต้ ได้ไปกินเลี้ยงกับ B (นามสมมุติ) ซึ่งเป็นหัวหน้าของเธอ และได้มีการดื่มแอลกอฮอล์ด้วยกัน ในคืนนั้นทั้งสองได้มีความสัมพันธ์ทางเพศที่โรงแรมแห่งหนึ่ง แต่หลังจากนั้น A ได้เข้าแจ้งความว่าถูกล่วงละเมิดทางเพศในขณะที่มึนเมาหรือไม่สามารถต่อต้านได้

              อย่างไรก็ตาม ภายหลังจากทางพนักงานสอบสวนได้รับหลักฐานเป็นไฟล์คลิปเสียงจากทางฝ่ายคู่กรณี ทางเจ้าหน้าที่ตัดสินใจไม่ดำเนินคดี โดยเชื่อว่าเป็นการสมยอม

คลิปเสียงที่น่าสงสัย


             ขณะอยู่ที่โรงแรม B ได้บันทึกคลิปเสียงผ่านทางแอปพลิเคชันในโทรศัพท์มือถือ ซึ่งในไฟล์เสียงที่บันทึกนั้นเป็นบทสนทนาของ A และ B ในระหว่างที่ทั้งสองกำลังมีเพศสัมพันธ์กัน โดย A ได้พูดว่า "ทำต่อเถอะ" โอกาสนี้ B จึงใช้คลิปเสียงดังกล่าวฟ้องกลับคู่กรณี โดยกล่าวหาว่าเธอเป็น "นักขุดทอง"   

คดีพลิก


             A ถูกตั้งข้อหาแจ้งความเท็จ ก่อนจะถูกส่งตัวไปพิจารณาคดีในศาล อย่างไรก็ดี ในการพิจารณาคดีครั้งแรก พบข้อเท็จจริงว่า B ได้ทำการตัดต่อไฟล์บันทึกเสียงบางส่วนจากต้นฉบับ ซึ่งมีส่วนที่ได้ยินว่า A เรียกชื่อแฟนหนุ่มของเธอ พร้อมทั้งเรียกว่า โอปป้า หลายครั้ง นอกจากนี้ ยังมีส่วนที่ B ถามบางอย่างกับเธอ แต่เธอไม่ได้ตอบเขา ซึ่งส่วนต่าง ๆ เหล่านี้เป็นส่วนที่ B ตัดทิ้งไป ก่อนที่จะส่งไฟล์ให้เจ้าหน้าที่สืบสวน


ผลการพิจารณาคดี


             ในการพิจารณาคดีครั้งแรก ศาลชั้นต้นตัดสินว่า A ไม่มีความผิด โดยมีความเห็นว่า "มีความเป็นไปได้ที่ A จะเข้าใจผิด คิดว่า B เป็นแฟนของเธอ ขณะที่เมาและไม่ได้สติ จึงยินยอมมีเซ็กส์กับเขา และแม้ว่า A จะเรียกชื่อแฟนของเธออยู่หลายครั้ง แต่ B ก็ไม่ได้สนใจ นอกจากนี้ เขายังจงใจส่งคลิปเสียงที่มีการตัดต่อมาเป็นหลักฐานในการฟ้อง"

             ทว่าในการพิจารณาคดีครั้งที่สอง ศาลอุทธรณ์ได้พลิกคำตัดสินเดิม โดยตัดสินให้ A มีความผิดและรับโทษจำคุก 6 เดือน โดยมีความเห็นว่า "สามารถสันนิษฐานได้ว่าการเรียกชื่อแฟนของ A เป็นการแสดงออกตามปกติ ไม่ใช่เพราะคิดว่า B จะเป็นแฟนของเธอ ดังนั้นจึงเป็นเรื่องยากที่จะยอมรับว่า เธอเข้าใจผิดว่าเขาเป็นแฟนของเธอ อีกทั้งเธอก็ไม่เคยบอกแฟนของเธอล่วงหน้าว่าห้องโรงแรมนั้นอยู่ที่ไหน"

             ต่อมา ศาลฎีกาพิพากษายืนตามคำตัดสินของศาลอุทธรณ์ โดยพิจารณาจากคำให้การของ A ต่อพนักงานสอบสวน ที่ได้กล่าวว่า "ฉันไม่มีสติตอนที่มีคนมาสัมผัสร่างกายของฉัน และฉันคิดว่าคนนั้นเป็นแฟนของฉัน ฉันเผลอหลับไปและตื่นขึ้นมาตอนที่ได้ยินเสียงเรียกชื่อตัวเองซ้ำ ๆ" ซึ่งในการพิจารณาครั้งที่สองชี้ว่า "เมื่อเธออ้างว่าเมาไม่มีสติ ดังนั้นจึงเป็นเรื่องผิดปกติมากหากเธอจะจดจำรายละเอียดเกี่ยวกับการเข้าใจผิดเรื่องเรียกชื่อได้ ข้ออ้างของเธอจึงไม่ได้รับการยอมรับ"

คุก 6 เดือน


             A ได้รับโทษจำคุก 6 เดือน ในขณะที่ข้อหาเรื่องการตัดต่อคลิปเสียงของ B รวมถึงการเบิกความเท็จในศาลชั้นต้น เพิ่งจะได้รับการตัดสินว่ามีความผิด และเขาได้รับเพียงโทษปรับ โดย B อ้างว่าเขาแก้ไขไฟล์เสียงเพื่อปรับปรุงคุณภาพของเสียงเท่านั้น ไม่ได้ตั้งใจตัดต่อ หรือละเว้นส่วนใด แต่ผลการสืบสวนพิสูจน์ว่า เขาตั้งใจลบเสียงส่วนอื่นทิ้งจริง ซึ่งรวมถึงส่วนที่ A โทรหาแฟนหนุ่ม ส่วนที่เธอไม่ตอบคำถาม และส่วนที่เธอเรียกชื่อแฟนหนุ่มหลายครั้ง

ต้องการล้างมลทิน


             หลังจากพ้นโทษจำคุกออกมา A ได้ยื่นคำร้องขอพิจารณาคดีใหม่ ซึ่งในชั้นต้นศาลได้ปฏิเสธคำร้องขอ เธอจึงได้ยื่นอุทธรณ์ต่อศาลอีกครั้ง โดยกล่าวว่า "ฉันต้องการพิสูจน์ผ่านการพิจารณาคดีใหม่ว่าฉันไม่ใช่นักขุดทอง ฉันต้องการล้างมลทินให้กับชื่อของฉัน ฉันถูกล่วงละเมิดทางเพศในขณะที่ฉันเมาและไม่สามารถจำอะไรได้เลย"


ขอบคุณข้อมูลจาก X @masterofblt, The JoongAng
 
เรื่องที่คุณอาจสนใจ
คดีช็อก สาวฟ้องถูกเจ้านายข่มขืน กลับเป็นฝ่ายโดนจำคุก เจอหลักฐานคลิปเสียงอึ้ง โพสต์เมื่อ 7 มีนาคม 2568 เวลา 20:01:41 9,712 อ่าน
TOP
x close