จับคนไทยขายชาติ ฟอกเงินให้แก๊งคอลเซ็นเตอร์ 70 แก๊ง ได้เงินวันละ 30 ล้านบาท รายได้ 10% จากยอดหลอกลวง สุดท้ายไม่รอด
![จับคนไทยขายชาติ ฟอกเงินให้แก๊งคอลเซนเตอร์ 70 แก๊ง จับคนไทยขายชาติ ฟอกเงินให้แก๊งคอลเซนเตอร์ 70 แก๊ง]()
ภาพจาก เฟซบุ๊ก ตำรวจสอบสวนกลาง
วันที่ 8 มีนาคม 2568 เฟซบุ๊ก ตำรวจสอบสวนกลาง รายงานว่า กองบังคับการปราบปรามการกระทำความผิดเกี่ยวกับอาชญากรรมทางเทคโนโลยี (บก.ปอท.) ร่วมกันจับกุมนายบุรพล ในความผิด 2 ข้อหา ได้แก่
1. มีส่วนร่วมในองค์กรอาชญากรรมข้ามชาติ
2. ร่วมกันฉ้อโกงประชาชนโดยแสดงตนเป็นบุคคลอื่นและโดยทุจริตหรือหลอกลวงร่วมกันนำเข้าสู่ระบบคอมพิวเตอร์ซึ่งข้อมูลคอมพิวเตอร์ที่บิดเบือนหรือข้อมูลคอมพิวเตอร์ปลอมไม่ว่าทั้งหมดหรือบางส่วนหรือข้อมูลคอมพิวเตอร์อันเป็นเท็จโดยประการที่น่าจะเกิดความเสียหายแก่ประชาชน
![จับคนไทยขายชาติ ฟอกเงินให้แก๊งคอลเซนเตอร์ 70 แก๊ง จับคนไทยขายชาติ ฟอกเงินให้แก๊งคอลเซนเตอร์ 70 แก๊ง]()
ภาพจาก เฟซบุ๊ก ตำรวจสอบสวนกลาง
โดยสถานที่จับกุมอยู่ที่หน้าบ้านบริเวณ ม.6 ต.แม่สลองนอก อ.แม่ฟ้าหลวง จ.เชียงราย
สำหรับคดีดังกล่าว สืบเนื่องจากเจ้าหน้าที่ตำรวจได้รับแจ้งจากผู้เสียหาย ซึ่งเป็นอดีตข้าราชการถูกแก๊งคอลเซ็นเตอร์ โทร. หลอกให้โอนเงินรวมกว่า 10 ล้านบาท จึงได้ทำการสืบสวนและติดตามจับกุมผู้ต้องหาในเครือข่ายนี้ สามารถจับกุมได้ตั้งแต่ บัญชีม้า, คนจัดหาบัญชีม้า, พนักงานคอลเซ็นเตอร์, ล่ามแปลภาษา, บอสชาวจีน และทลายเครือข่ายลักลอบพาบัญชีม้าข้ามแดน ที่บริเวณตลาดโรงเกลือ อ.อรัญประเทศ จ.สระแก้ว (ปฏิบัติการ Lockdown the Cat)
จากนั้น เจ้าหน้าที่ตำรวจได้ส่งสายลับแฝงตัวเข้าไปในออฟฟิศที่ทำการฟอกเงินให้กับแก๊งคอลเซ็นเตอร์ ที่ปอยเปต ประเทศกัมพูชา ทำให้สามารถออกหมายจับผู้ต้องหาที่เป็นตัวการสำคัญในการฟอกเงินซึ่งอยู่ในออฟฟิศดังกล่าวได้เพิ่มเติม
![จับคนไทยขายชาติ ฟอกเงินให้แก๊งคอลเซนเตอร์ 70 แก๊ง จับคนไทยขายชาติ ฟอกเงินให้แก๊งคอลเซนเตอร์ 70 แก๊ง]()
ภาพจาก เฟซบุ๊ก ตำรวจสอบสวนกลาง
กระทั่งปลายเดือนกุมภาพันธ์ 2568 ทางการไทยมีการปราบปรามแก๊งคอลเซ็นเตอร์ อย่างหนัก ทำให้ออฟฟิศดังกล่าวปิดทำการชั่วคราว ผู้ต้องหารายนี้จึงกลับเข้ามาประเทศไทย เจ้าหน้าที่ตำรวจเข้าจับกุมตัว
ผู้ต้องหาให้การว่า ไปทำงานเป็นพนักงานในออฟฟิศฟอกเงินให้แก๊งคอลเซ็นเตอร์ บริเวณโซน 3 ปอยเปต มีบอสชาวจีนเป็นเจ้าของโดยเป็นออฟฟิศฟอกเงินขนาดใหญ่ให้กับแก๊งคอลเซ็นเตอร์กว่า 70 แก๊ง โดยได้ส่วนแบ่งเป็นเงิน 8-12% ในแต่ละวันจะมีเงินเข้าประมาณ 30 ล้านบาท หรือเกือบ 1 ล้าน USDT
นายบุรพล เริ่มไปทำงานตั้งแต่วันที่ 11 พฤศจิกายน 2566 ถึง วันที่ 13 กุมภาพันธ์ 2568 โดยจะมีบัญชีม้าชาวไทย เข้ามาที่ออฟฟิศทุกวัน วันละประมาณ 20 คน โดยมีนายหน้าชาวไทย เป็นคนติดต่อบัญชีม้าและพาข้ามแดนผ่านช่องทางธรรมชาติ มาส่งให้กับนายหน้าชาวจีน โดยบอสชาวจีนจะให้ค่าบัญชีม้า บัญชีละ 8,000 - 12,000 บาท
ซึ่งนายบุรพล ทำหน้าที่แปลภาษาให้บอสชาวจีน, เช็กแอปฯ ธนาคารที่บัญชีม้าเปิดมา, สแกนหน้าบัญชีม้าเพื่อโอนเงิน, เปลี่ยนเงินจากเงินสดในบัญชีม้าเป็น เงินดิจิทัลสกุล USDT ผ่านแอปพลิเคชันคริปโตเคอเรนซี Binance, Bitkub, BinanceTH, และ Orbix และโอนเงินดิจิทัลสกุล USDT เข้า Wallet ของบอสชาวจีน จากนั้นบอสชาวจีน จะกระจายโอนส่วนแบ่งเป็น USDT เข้า Wallet ของแต่ละแก๊งตามยอดเงินที่แต่ละแก๊งหลอกลวงได้
ขอบคุณข้อมูลจาก เฟซบุ๊ก ตำรวจสอบสวนกลาง

ภาพจาก เฟซบุ๊ก ตำรวจสอบสวนกลาง
วันที่ 8 มีนาคม 2568 เฟซบุ๊ก ตำรวจสอบสวนกลาง รายงานว่า กองบังคับการปราบปรามการกระทำความผิดเกี่ยวกับอาชญากรรมทางเทคโนโลยี (บก.ปอท.) ร่วมกันจับกุมนายบุรพล ในความผิด 2 ข้อหา ได้แก่
1. มีส่วนร่วมในองค์กรอาชญากรรมข้ามชาติ
2. ร่วมกันฉ้อโกงประชาชนโดยแสดงตนเป็นบุคคลอื่นและโดยทุจริตหรือหลอกลวงร่วมกันนำเข้าสู่ระบบคอมพิวเตอร์ซึ่งข้อมูลคอมพิวเตอร์ที่บิดเบือนหรือข้อมูลคอมพิวเตอร์ปลอมไม่ว่าทั้งหมดหรือบางส่วนหรือข้อมูลคอมพิวเตอร์อันเป็นเท็จโดยประการที่น่าจะเกิดความเสียหายแก่ประชาชน

ภาพจาก เฟซบุ๊ก ตำรวจสอบสวนกลาง
โดยสถานที่จับกุมอยู่ที่หน้าบ้านบริเวณ ม.6 ต.แม่สลองนอก อ.แม่ฟ้าหลวง จ.เชียงราย
สำหรับคดีดังกล่าว สืบเนื่องจากเจ้าหน้าที่ตำรวจได้รับแจ้งจากผู้เสียหาย ซึ่งเป็นอดีตข้าราชการถูกแก๊งคอลเซ็นเตอร์ โทร. หลอกให้โอนเงินรวมกว่า 10 ล้านบาท จึงได้ทำการสืบสวนและติดตามจับกุมผู้ต้องหาในเครือข่ายนี้ สามารถจับกุมได้ตั้งแต่ บัญชีม้า, คนจัดหาบัญชีม้า, พนักงานคอลเซ็นเตอร์, ล่ามแปลภาษา, บอสชาวจีน และทลายเครือข่ายลักลอบพาบัญชีม้าข้ามแดน ที่บริเวณตลาดโรงเกลือ อ.อรัญประเทศ จ.สระแก้ว (ปฏิบัติการ Lockdown the Cat)
จากนั้น เจ้าหน้าที่ตำรวจได้ส่งสายลับแฝงตัวเข้าไปในออฟฟิศที่ทำการฟอกเงินให้กับแก๊งคอลเซ็นเตอร์ ที่ปอยเปต ประเทศกัมพูชา ทำให้สามารถออกหมายจับผู้ต้องหาที่เป็นตัวการสำคัญในการฟอกเงินซึ่งอยู่ในออฟฟิศดังกล่าวได้เพิ่มเติม

ภาพจาก เฟซบุ๊ก ตำรวจสอบสวนกลาง
กระทั่งปลายเดือนกุมภาพันธ์ 2568 ทางการไทยมีการปราบปรามแก๊งคอลเซ็นเตอร์ อย่างหนัก ทำให้ออฟฟิศดังกล่าวปิดทำการชั่วคราว ผู้ต้องหารายนี้จึงกลับเข้ามาประเทศไทย เจ้าหน้าที่ตำรวจเข้าจับกุมตัว
ผู้ต้องหาให้การว่า ไปทำงานเป็นพนักงานในออฟฟิศฟอกเงินให้แก๊งคอลเซ็นเตอร์ บริเวณโซน 3 ปอยเปต มีบอสชาวจีนเป็นเจ้าของโดยเป็นออฟฟิศฟอกเงินขนาดใหญ่ให้กับแก๊งคอลเซ็นเตอร์กว่า 70 แก๊ง โดยได้ส่วนแบ่งเป็นเงิน 8-12% ในแต่ละวันจะมีเงินเข้าประมาณ 30 ล้านบาท หรือเกือบ 1 ล้าน USDT
นายบุรพล เริ่มไปทำงานตั้งแต่วันที่ 11 พฤศจิกายน 2566 ถึง วันที่ 13 กุมภาพันธ์ 2568 โดยจะมีบัญชีม้าชาวไทย เข้ามาที่ออฟฟิศทุกวัน วันละประมาณ 20 คน โดยมีนายหน้าชาวไทย เป็นคนติดต่อบัญชีม้าและพาข้ามแดนผ่านช่องทางธรรมชาติ มาส่งให้กับนายหน้าชาวจีน โดยบอสชาวจีนจะให้ค่าบัญชีม้า บัญชีละ 8,000 - 12,000 บาท
ซึ่งนายบุรพล ทำหน้าที่แปลภาษาให้บอสชาวจีน, เช็กแอปฯ ธนาคารที่บัญชีม้าเปิดมา, สแกนหน้าบัญชีม้าเพื่อโอนเงิน, เปลี่ยนเงินจากเงินสดในบัญชีม้าเป็น เงินดิจิทัลสกุล USDT ผ่านแอปพลิเคชันคริปโตเคอเรนซี Binance, Bitkub, BinanceTH, และ Orbix และโอนเงินดิจิทัลสกุล USDT เข้า Wallet ของบอสชาวจีน จากนั้นบอสชาวจีน จะกระจายโอนส่วนแบ่งเป็น USDT เข้า Wallet ของแต่ละแก๊งตามยอดเงินที่แต่ละแก๊งหลอกลวงได้