สรุปประเด็นข่าวโดยกระปุกดอทคอม
ภาพประกอบทางอินเทอร์เน็ต
เมื่อวานนี้ (4 มิ.ย.) มีหนังสือจากสำนักเลขาธิการนายกรัฐมนตรี ที่ นร 0405(ทปษ.2)/6 ลงวันที่ 30 พ.ค. 2551 ลงนามโดยพล.ต.อ.จำลอง เอี่ยมแจ้งพันธุ์ ที่ปรึกษานายกรัฐมนตรี ถึงผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติ เรื่อง โครงการข้าราชการตำรวจชั้นประทวนจบปริญญาตรีทุกสาขาได้ปรับยศเป็นนายตำรวจชั้นสัญญาบัตร และได้รับยศเป็นร้อยตำรวจตรี โดยข้าราชการตำรวจชั้นประทวนจบปริญญาตรีทุกสาขา ต้องมีอายุราชการไม่น้อยกว่า 10 ปี และมีคุณสมบัติตามที่กำหนด ตามคำสั่งหนังสือที่นร 0410/ลร2/ษ.236 ลงวันที่ 7 มิถุนายน 2548 แต่จนถึงปัจจุบันสำนักงานตำรวจแห่งชาติยังไม่ได้ดำเนินการ
หนังสือดังกล่าวระบุด้วยว่า ตำรวจชั้นประทวนจบปริญญาตรีอายุราชการ 10 ปีขึ้นไป มีเงินเดือนเกินร้อยตำรวจตรี เพียงแต่ปรับยศเป็นร้อยตำรวจตรีเท่านั้น และต้องอบรมตามหลักสูตรพิเศษจากโรงเรียนนายร้อยตำรวจ ให้แต่ละกองบัญชาการอบรมใช้เวลา 15 วัน
ส่วนการปฏิบัติหน้าที่ ให้ตำรวจชั้นประทวนจบปริญญาตรีอายุราชการ 10 ปีขึ้นไป ปฏิบัติหน้าที่ตามสังกัดที่ปฏิบัติอยู่แล้ว โดยให้เป็นผู้ช่วยพนักงานสอบสวน เป็นหัวหน้าสายตรวจตำบล-หมู่บ้าน ตามสาขาวิชาชีพที่จบปริญญา โดยอำนาจในการปรับยศให้เป็นอำนาจของผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติ
หลังมีข่าวดังกล่าวออกมา ตำรวจชั้นประทวนในพื้นที่ต่างๆ ได้แสดงความเห็นด้วย และไม่เห็นด้วยแตกต่างกันไป โดย ด.ต.นิธินันท์ กันทะบุญ เจ้าหน้าที่ตำรวจอำนวยการ สน.ชนะสงคราม กล่าวว่า รู้สึกดีใจที่มีโครงการดีๆ แบบนี้ เปรียบเสมือนการได้รับรางวัลชีวิต
"ผมทำงานมากว่า 20 ปี และเรียนจบปริญญาตรีมาหลายปีแล้ว ส่วนตัวคิดว่าไม่น่ามีปัญหาอะไรหากได้เลื่อนยศเป็นร.ต.ต.แล้วได้ทำงานสายเดิม เพราะจะทำให้สานต่องานได้อย่างต่อเนื่อง แต่ถ้าโยกย้ายไปทำงานสายอื่นก็จะมีปัญหาตามมา คือต้องทำงานในสายงานที่ไม่ถนัด ต้องเสียเวลาฝึกงานสายใหม่อย่างน้อย 2 ปี กว่าจะคล่องและชำนาญการ และหากได้เลื่อนยศแล้วไปทำงานสายใหม่ งานที่เคยดูแลอยู่ก็จะไม่มีใครมาสานต่อ เพราะกำลังตำรวจแต่ละสถานีก็น้อยอยู่แล้ว บางคนต้องทำงานควบกันสองสายงาน" พ.ต.นิธินันท์กล่าว
จ.ส.ต.จิตรติพงษ์ กอสาลี เจ้าหน้าที่ธุรการ ป.สน.พญาไท กล่าวว่า เมื่อมีหนังสือคำสั่งยืนยันออกมาแบบนี้ตนและเพื่อนตำรวจชั้นประทวนที่เรียนจบปริญญาตรีซึ่งทำงานมาหลายสิบปีและมีจำนวนมาก ก็รู้สึกดีมาก "ผมรับราชการตำรวจมาแล้ว 14 ปี และเพิ่งเรียนจบปริญญาตรีมาหมาดๆ การเลื่อนยศครั้งนี้ถือว่าเป็นรางวัลสำหรับคนที่มีความรู้ความสามารถและประสบการณ์การทำงานที่พอเหมาะพอควร" จ.ส.ต.จิตรติพงษ์กล่าว
ส่วนปัญหาว่าถ้าถูกโยกย้ายในสายงานที่ไม่ถนัดหรือไม่ชอบนั้น จ.ส.ต.จิตรติพงษ์กล่าวว่า ก็แล้วแต่คำสั่ง เมื่อเป็นผู้ใต้บังคับบัญชาก็ต้องปฏิบัติตามคำสั่งอย่างเคร่งครัด ปัญหากับการทำงานสายใหม่ที่ไม่ถนัดนั้นก็ต้องมีบ้าง เพราะงานแต่ละสายต้องฝึกฝน และสั่งสมประสบการณ์ไม่น้อยกว่า 2-3 ปี
ส.ต.อ.ชุมพล สินมา ผบ.หมู่ งานจราจร สน.พลับพลาไชย 2 กล่าวว่า รู้สึกดีมาก เพราะทำงานมา 10 ปีเต็ม และจบปริญญาตรีสาขารัฐศาสตร์ ถือเป็นขวัญและกำลังใจของตำรวจชั้นประทวนทุกนาย
"ผมดีใจมากเมื่อได้ทราบข่าวว่า มีคำสั่งนี้ออกมา เพราะผมคงมีสิทธิ์ลุ้นกับเขาบ้าง หากได้เลื่อนขึ้นเป็น ร.ต.ต.จริงๆ แม้จะโยกผมไปอยู่ตำแหน่งใดๆ ผมก็สามารถทำได้หมด รวมถึงตำรวจทุกๆ คน งานที่ทำกันอยู่สามารถนำมาปรับใช้ได้ไม่ยาก อย่างไรก็ตามระยะเวลา 10 ปี ผมคิดว่ามันค่อนข้างนาน น่าจะสัก 7-8 ปี" ส.ต.อ.ชุมพลกล่าว
อย่างไรก็ตามนอกจากความเห็นสนับสนุนแล้ว ยังมีตำรวจบางส่วนไม่เห็นด้วยและคิดว่าไม่เป็นธรรม โดย ด.ต.สมเกียรติ คัมภิรานนท์ อายุ 48 ปีตำแหน่ง ผบ.หมู่ แผนกประชาสัมพันธ์ ฝ่ายอำนวยการ 6 กองบัญชาการตำรวจนครบาล ซึ่งรับราชการมานานกว่า 25 ปี กล่าวว่า เป็นการเลือกปฏิบัติ ไม่ได้เป็นการสร้างขวัญกำลังใจให้เกิดขึ้นกับผู้ใต้บังคับบัญชาแม้แต่น้อย
ด.ต.สมเกียรติกล่าวว่า คนที่ทำงานจริงๆ นั้น คือตำรวจชั้นประทวน เป็นกำลังหลักทุกหน่วยงาน ถ้านำนายร้อยตำรวจที่จบใหม่หรือปรับชั้นตำรวจชั้นประทวนที่อายุราชการน้อยขึ้นมาเป็นนายตำรวจชั้นสัญญาบัตร ก็จะทำให้งานล่าช้าต้องมาเรียนรู้กันใหม่ ที่ผ่านมาตนก็ต้องคอยสอน คอยบอกตำรวจที่จบใหม่มาตลอด เหมือนสอนเด็กให้หัดเดิน บางคนไม่เป็นงานมาก่อนไม่รู้เรื่องเลยเสียด้วยซ้ำ โดยส่วนตัวแล้วไม่เห็นด้วยกับนโยบายนี้อย่างยิ่ง
"แนวทางที่ถูกต้องและเป็นธรรมนั้นเห็นว่า ควรที่จะสร้างขวัญกำลังใจให้แก่คนที่ทำงานมา 20 กว่าปีปรับขึ้นเป็นนายตำรวจโดยที่ไม่ต้องสอบมากกว่า จะมาปรับเลื่อนยศเป็น ร.ต.ต.ตอนเกษียณอายุราชการอายุ 60 ปี บอกตรงๆ ว่า ไม่เป็นเกียรติและชื่นชมแก่วงศ์ตระกูลเลยแม้แต่น้อย ที่ผ่านมาเจ้าหน้าที่ตำรวจชั้นประทวนเหล่านี้ทำงานปฏิบัติหน้าที่เพื่อประเทศมาโดยตลอด และทำงานหนักมากกว่าชั้นสัญญาบัตรเสียด้วยซ้ำ หากจะให้ผมมานั่งอ่านหนังสือสอบปรับยศในตอนนี้ก็เสียเวลาเปล่าเอาเวลาไปดูแลครอบครัวจะดีกว่า ผมไม่มีปัญญาส่งตัวเองเรียนปริญญาตรีหรอก แต่ผมมีปัญญาส่งลูกเรียนจบปริญญาตรีมาแล้วถึง 3 คน" ด.ต.สมเกียรติกล่าว
ส.ต.อ.ธีรภัทร มัชชิมา อายุ 33 ปี ตำแหน่ง ผบ.หมู่งานประชาสัมพันธ์ กองบัญชาการตำรวจนครบาล จบปริญญาตรี มหาวิทยาลัยเทคโนโลยีราชมงคล กล่าวว่า แม้จะรู้สึกดีใจ และคิดว่าตำรวจชั้นประทวนที่ทำงานมานานกว่า 10 ปี ไม่ว่าสายงานด้านใดก็ตาม เมื่อปรับยศขึ้นมาเป็นผู้บังคับบัญชาแล้วสามารถสานต่องานได้เลย แต่ในมุมกลับกันก็ต้องเห็นใจตำรวจชั้นประทวนรุ่นพี่ๆ ที่อาวุโส ไม่มีโอกาสได้เรียนต่อด้วย บางคนทำงานมานานกว่า 20 ปีก็ควรปรับยศให้ด้วยเช่นกัน