เปิดบทสัมภาษณ์พิเศษ สีกากอล์ฟ เล่าโมเมนต์กับพระรูปแรก หนุ่ม กรรชัย รับช็อกกับสิ่งที่ได้ฟัง วิเคราะห์จากคำพูด ดูภูมิใจจนล้น ไม่ได้รู้สึกผิดบาปตามที่บอก
ในการสัมภาษณ์ สีกากอล์ฟเล่าว่า ตนเป็นคนจังหวัดพิจิตร ช่วงหนึ่งมาเรียน กทม. ก็ขายของ ขายเสื้อผ้าทั่วไป ตอนแรกเคยแต่งงานกับทหารเรือตอนปี 2551 อยู่กันได้ประมาณ 1 ปีก็เลิกรา หลังจากนั้นก็มาอยู่ กทม. เหมือนเดิม จนช่วงหนึ่งที่กลับไปอยู่บ้านก็ได้รู้จักกับดีเจคนหนึ่ง ซึ่งเป็นพ่อของลูกคนโต ผู้ชายคนนี้มีครอบครัวอยู่แล้วเลยไม่ยอมรับรองบุตรให้ เราเลยให้หลวงพี่คนหนึ่งรับรองบุตรให้
ช่วงเวลาที่คุยกัน ก็คุยชู้สาว ฟีลแฟน จีบกัน ไม่ได้มีการจีบแต่คุยกันมาเรื่อย ๆ รู้ตัวอีกทีก็ถูกชะตากันแล้ว โดยมีสัมพันธ์กันครั้งแรกที่กุฏิของท่านที่วัดท่าหลวง เราไปที่กุฏิของท่านช่วง 1-2 ทุ่ม ท่านชวนให้ไปหา
คืนนั้นท่านเป็นคนเริ่มก่อน ส่วนเราก็เหมือนคนคุยกัน ชอบพอกันปกติ ก็เหมือนเป็นไปตามธรรมชาติก็เลยมีสัมพันธ์กัน
ตอนแรกเรายังรู้สึกผิดว่ามามีอะไรกับพระ หนูบาปแน่ ๆ หนูทำตัวไม่ดีเลย ก็รู้สึกผิดในใจ แต่คบกันเรื่อย ๆ ท่านก็จะพยายามพูดว่าถ้าวันหนึ่งกอล์ฟรู้ว่าพ่อไม่ได้ดีอย่างที่กอล์ฟคิด กอล์ฟก็คงเสียใจ ท่านก็พูดแบบนี้ตลอด ในระหว่างที่คบกันเราก็รักกันมาก
ทุกครั้งที่มีสัมพันธ์กันจะไปที่กุฏิท่าน ท่านไม่ยอมไปข้างนอก จนต่อมาท่านก็สารภาพว่าเคยมีภรรยามาแล้ว ตอนนี้ท่านก็มีลูก ทำให้เป็นเหตุการณ์ที่เราช็อก ตอนแรกเราคิดว่าตัวเองเป็นคนเลวคนแรก ที่ไปมีอะไรกับพระ แต่เมื่อท่านสารภาพว่าเคยมีภรรยา เราก็เฟลมาก ก็คิดว่าทำไมถึงทำกันแบบนี้
ระหว่างคบหากับเจ้าคณะจังหวัดพิจิตร เรื่องเงินท่านก็ดูแลเราทุกอย่าง ให้เงินเราใช้ตามที่เราอยากได้ ส่วนใหญ่มีหลักพัน หลักหมื่น ถึงหลักล้าน เช่นตอนนั้นที่ตนจะใช้รถ ตอนแรกเราอยากได้ซูซูกิ สวิฟต์ เราขอให้ท่านซื้อให้ ท่านก็ไปจองรถที่ศูนย์ให้ด้วยตัวเอง จนต่อมาเราไปเห็นรถเบนซ์ สีดำ คันหนึ่งแล้วก็อยากได้ ก็เลยไปขอรถคันนี้ ท่านก็ซื้อให้ 3 ล้านกว่าบาท
ตอนนั้นเราโชคดีที่สุดที่ท่านดูแลเทกแคร์ทุกอย่าง เงินสดท่านก็ให้เรื่อย ๆ เหมือนเป็นค่าใช้จ่ายทั่วไป ต่อเดือนก็เป็นแสนอยู่
ทั้งนี้ คบกันจริง ๆ จัง ๆ ประมาณ 2 ปี สีกากอล์ฟก็ย้ายมาอยู่ กทม. โดยช่วงนั้นเริ่มมีข่าวเริ่มดังว่าเจ้าคณะจังหวัดพิจิตรมีเด็กอยู่ที่สากเหล็ก ซื้อรถเบนซ์ให้ สร้างบ้านให้ ให้นู่นนี่นั่น รถของตนไม่มีใครใช้ในพิจิตร เป็นคันแรกคันเดียวเลย เราก็เลยมาอยู่ที่ กทม. ท่านก็อยากให้เรามา กทม. เพื่อไม่ให้ชาวบ้านรู้ "มันเด่นน่ะพี่ รถมันก็เด่น คนมันก็เด่น"
หลังสีกากอล์ฟย้ายมา กทม. ก็ยังมีการติดต่อกับท่าน ท่านมีมาหาที่ กทม. บ้างเวลามีกิจนิมนต์ 1-2 ครั้ง เพราะตอนนั้นตนอยู่ที่คอนโด จนช่วงที่เราย้ายมาอยู่ทาวน์โฮม ท่านเลยแวะมาหา 1-2 ครั้ง โดยคนขับรถของท่านจะไปจอดรถที่วัดบัวขวัญ แล้วเราไปรับท่านมาอีกที ที่ กทม. ไม่ได้มีสัมพันธ์กันอีก
สำหรับหลักฐานเรื่องการโอนเงินต่าง ๆ น่าจะหายไปหมดแล้ว เพราะค่อนข้างนานแล้ว โทรศัพท์เครื่องเก่า ๆ ไม่ได้ใช้แล้ว ส่วนมากท่านจะไม่โอนเองด้วย จะใช้คนงานวัดโอนให้ รวมถึงบางช่วงให้ตนถือบัตรเอทีเอ็มของท่าน ถ้าท่านโอนเข้าก็เหมือนโอนเข้าชื่อตัวเอง ตนก็เอาบัตรไปกดเงินใช้จ่ายทั่วไป
ช่วงหลังจากเลิกรากันไปท่านก็มีติดต่อกลับมาอีก ช่วงปี 2566 ที่ท่านเป็นข่าวที่วัดบางคลาน ก็มีมาขอให้ ดร.สุริยา ทำหนังสือชี้แจงให้ ว่า ดร.สุริยา เป็นพ่อของลูกคนที่ 2 ของตน ระหว่างนั้นท่านก็ยังมีแชตไลน์เข้ามาเกี้ยวพาราสี มีการขอดูรูป ให้เราส่งรูปที่ไม่ควรไปด้วย
ครั้งหนึ่งท่านไปงานที่ภาคเหนือ ท่านไปนอนที่โรงแรม ซึ่งตนก็ไปแต่ไปกับพระอีกรูปหนึ่ง ท่านก็บอกว่าตัวเองอยู่ห้องนี้นะ มาหาสิ
ในช่วงที่ท่านส่งมาขอความช่วยเหลือแต่ก็จะยังต้องการมีสัมพันธ์อีก เพราะท่านเป็นคนฟีลทะลึ่ง ๆ ชอบดูรูปโป๊ ชอบเซ็กส์โฟน ซึ่งเราเคยคบกันก็ไม่ได้รู้สึกอะไร
ทั้งนี้ หนุ่ม กรรชัย ยอมรับว่าตนช็อกกับคำตอบที่ได้ฟัง และก็ไม่สามารถถามจี้ได้ ไม่อย่างนั้นเขาคงไล่เราออกมา เลยต้องค่อย ๆ คุยเหมือนละลายพฤติกรรม แต่ทุกคำพูดที่เขาตอบออกมานั้น เรายังคิดในใจว่า เฮ้ย ไม่บาปเหรอวะ ทำไมเขากล้าทำ บางอันเขาตลกไปกับเรา เราก็ตกใจว่าทำไมเขากล้าขำกับเรา มุม ๆ หนึ่งเหมือนเขาภูมิใจ
ด้าน ดร.ตฤณห์ โพธิ์รักษา นักอาชญาวิทยาเชิงพฤติกรรม และผู้ช่วยคณบดีฝ่ายบริการวิชาการ คณะสังคมศาสตร์และมนุษยศาสตร์ มหาวิทยาลัยมหิดล ได้วิเคราะห์พฤติกรรมของสีกากอล์ฟจากการสัมภาษณ์ดังกล่าวว่า คำพูดของเขามีความภาคภูมิใจ ไม่ได้รู้สึกกลัวหรือรู้สึกผิดแบบที่พูด อย่างเช่นตอนที่พระบอกว่ามีลูกเมียแล้ว ก็คิดว่าอ้าวเราก็นึกว่าเราเป็นคนบาปที่คบพระ แต่สรุปแล้วก็ยังบาปเหมือนเดิมแหละ ไม่ได้มีอะไรแก้ไข ในสมการนี้คือเลวทั้งคู่
ความภูมิใจของเขาที่ไม่รู้สึกผิดเลยก็คือ "เราสองคนรักกันมาก" "คนเคยคบกัน" "รถก็เด่น คนก็เด่น" "เป็นคันเดียวในพิจิตร" พูดไปยิ้มไป มันคือความภาคภูมิใจที่ล้นออกมาทางภาษากาย นี่ขนาดมีหน้ากากปิดไว้นะ ถ้าไม่ปิดคือมันล้นออกมาเลย แววตาที่เขาบอกรู้สึกผิดบาปที่คบพระ เรามองว่าไม่นะ มันเป็นการกระทำที่ต่อเนื่องมาเป็นสิบปี รู้สึกผิดกี่โมง ?
แล้วการที่บอกว่าพระเป็นคนทะลึ่งอยู่แล้ว คำว่าอยู่แล้ว กับทำเป็นปกติ มันคือการสะท้อนความคิดผู้หญิงคนนี้ว่ามองเป็นสิ่งที่ผิดเป็นเรื่องปกติหมดเลย โดยที่ไม่รู้สึกผิดด้วย
ขอบคุณข้อมูลจาก โหนกระแส
ภาพจาก โหนกระแส
วันที่ 16 กรกฎาคม 2568 รายการโหนกระแส ทางช่อง 3 ยังคงนำเสนอเรื่องราวภาคต่อเกี่ยวกับนารีพิฆาตสงฆ์ โดยมีการเปิดเผยคลิปบางช่วงที่ หนุ่ม กรรชัย ได้มีโอกาสสัมภาษณ์ สีกากอล์ฟ ก่อนที่จะมีการจับกุมเมื่อวานนี้ (15 กรกฎาคม) ซึ่งทางหนุ่มพยายามเลือกมุมที่ออกอากาศได้มาตีแผ่
ในการสัมภาษณ์ สีกากอล์ฟเล่าว่า ตนเป็นคนจังหวัดพิจิตร ช่วงหนึ่งมาเรียน กทม. ก็ขายของ ขายเสื้อผ้าทั่วไป ตอนแรกเคยแต่งงานกับทหารเรือตอนปี 2551 อยู่กันได้ประมาณ 1 ปีก็เลิกรา หลังจากนั้นก็มาอยู่ กทม. เหมือนเดิม จนช่วงหนึ่งที่กลับไปอยู่บ้านก็ได้รู้จักกับดีเจคนหนึ่ง ซึ่งเป็นพ่อของลูกคนโต ผู้ชายคนนี้มีครอบครัวอยู่แล้วเลยไม่ยอมรับรองบุตรให้ เราเลยให้หลวงพี่คนหนึ่งรับรองบุตรให้
ภาพจาก โหนกระแส
สำหรับพระสงฆ์รูปแรกที่สีกากอล์ฟคบหาด้วยก็คือ เจ้าคณะจังหวัดพิจิตร จากวัดท่าหลวง โดยมีสัมพันธ์และคบหาด้วยช่วงปี 2556 หรือ 2557 เราไม่รู้ว่าท่านได้ไลน์เรามายังไง ตอนแรกเหมือนท่านทักผิดมา ทักมาเป็นชื่อคนอื่น จนเมื่อเปิดเผยว่าเราเป็นใครก็คุยกันมาเรื่อย ๆ จนได้คบกัน
ช่วงเวลาที่คุยกัน ก็คุยชู้สาว ฟีลแฟน จีบกัน ไม่ได้มีการจีบแต่คุยกันมาเรื่อย ๆ รู้ตัวอีกทีก็ถูกชะตากันแล้ว โดยมีสัมพันธ์กันครั้งแรกที่กุฏิของท่านที่วัดท่าหลวง เราไปที่กุฏิของท่านช่วง 1-2 ทุ่ม ท่านชวนให้ไปหา
คืนนั้นท่านเป็นคนเริ่มก่อน ส่วนเราก็เหมือนคนคุยกัน ชอบพอกันปกติ ก็เหมือนเป็นไปตามธรรมชาติก็เลยมีสัมพันธ์กัน
ตอนแรกเรายังรู้สึกผิดว่ามามีอะไรกับพระ หนูบาปแน่ ๆ หนูทำตัวไม่ดีเลย ก็รู้สึกผิดในใจ แต่คบกันเรื่อย ๆ ท่านก็จะพยายามพูดว่าถ้าวันหนึ่งกอล์ฟรู้ว่าพ่อไม่ได้ดีอย่างที่กอล์ฟคิด กอล์ฟก็คงเสียใจ ท่านก็พูดแบบนี้ตลอด ในระหว่างที่คบกันเราก็รักกันมาก
ทุกครั้งที่มีสัมพันธ์กันจะไปที่กุฏิท่าน ท่านไม่ยอมไปข้างนอก จนต่อมาท่านก็สารภาพว่าเคยมีภรรยามาแล้ว ตอนนี้ท่านก็มีลูก ทำให้เป็นเหตุการณ์ที่เราช็อก ตอนแรกเราคิดว่าตัวเองเป็นคนเลวคนแรก ที่ไปมีอะไรกับพระ แต่เมื่อท่านสารภาพว่าเคยมีภรรยา เราก็เฟลมาก ก็คิดว่าทำไมถึงทำกันแบบนี้
ภาพจาก โหนกระแส
ตอนนั้นเราโชคดีที่สุดที่ท่านดูแลเทกแคร์ทุกอย่าง เงินสดท่านก็ให้เรื่อย ๆ เหมือนเป็นค่าใช้จ่ายทั่วไป ต่อเดือนก็เป็นแสนอยู่
ทั้งนี้ คบกันจริง ๆ จัง ๆ ประมาณ 2 ปี สีกากอล์ฟก็ย้ายมาอยู่ กทม. โดยช่วงนั้นเริ่มมีข่าวเริ่มดังว่าเจ้าคณะจังหวัดพิจิตรมีเด็กอยู่ที่สากเหล็ก ซื้อรถเบนซ์ให้ สร้างบ้านให้ ให้นู่นนี่นั่น รถของตนไม่มีใครใช้ในพิจิตร เป็นคันแรกคันเดียวเลย เราก็เลยมาอยู่ที่ กทม. ท่านก็อยากให้เรามา กทม. เพื่อไม่ให้ชาวบ้านรู้ "มันเด่นน่ะพี่ รถมันก็เด่น คนมันก็เด่น"
หลังสีกากอล์ฟย้ายมา กทม. ก็ยังมีการติดต่อกับท่าน ท่านมีมาหาที่ กทม. บ้างเวลามีกิจนิมนต์ 1-2 ครั้ง เพราะตอนนั้นตนอยู่ที่คอนโด จนช่วงที่เราย้ายมาอยู่ทาวน์โฮม ท่านเลยแวะมาหา 1-2 ครั้ง โดยคนขับรถของท่านจะไปจอดรถที่วัดบัวขวัญ แล้วเราไปรับท่านมาอีกที ที่ กทม. ไม่ได้มีสัมพันธ์กันอีก
ภาพจาก โหนกระแส
ช่วงหลังจากเลิกรากันไปท่านก็มีติดต่อกลับมาอีก ช่วงปี 2566 ที่ท่านเป็นข่าวที่วัดบางคลาน ก็มีมาขอให้ ดร.สุริยา ทำหนังสือชี้แจงให้ ว่า ดร.สุริยา เป็นพ่อของลูกคนที่ 2 ของตน ระหว่างนั้นท่านก็ยังมีแชตไลน์เข้ามาเกี้ยวพาราสี มีการขอดูรูป ให้เราส่งรูปที่ไม่ควรไปด้วย
ครั้งหนึ่งท่านไปงานที่ภาคเหนือ ท่านไปนอนที่โรงแรม ซึ่งตนก็ไปแต่ไปกับพระอีกรูปหนึ่ง ท่านก็บอกว่าตัวเองอยู่ห้องนี้นะ มาหาสิ
ในช่วงที่ท่านส่งมาขอความช่วยเหลือแต่ก็จะยังต้องการมีสัมพันธ์อีก เพราะท่านเป็นคนฟีลทะลึ่ง ๆ ชอบดูรูปโป๊ ชอบเซ็กส์โฟน ซึ่งเราเคยคบกันก็ไม่ได้รู้สึกอะไร
ภาพจาก โหนกระแส
ด้าน ดร.ตฤณห์ โพธิ์รักษา นักอาชญาวิทยาเชิงพฤติกรรม และผู้ช่วยคณบดีฝ่ายบริการวิชาการ คณะสังคมศาสตร์และมนุษยศาสตร์ มหาวิทยาลัยมหิดล ได้วิเคราะห์พฤติกรรมของสีกากอล์ฟจากการสัมภาษณ์ดังกล่าวว่า คำพูดของเขามีความภาคภูมิใจ ไม่ได้รู้สึกกลัวหรือรู้สึกผิดแบบที่พูด อย่างเช่นตอนที่พระบอกว่ามีลูกเมียแล้ว ก็คิดว่าอ้าวเราก็นึกว่าเราเป็นคนบาปที่คบพระ แต่สรุปแล้วก็ยังบาปเหมือนเดิมแหละ ไม่ได้มีอะไรแก้ไข ในสมการนี้คือเลวทั้งคู่
ความภูมิใจของเขาที่ไม่รู้สึกผิดเลยก็คือ "เราสองคนรักกันมาก" "คนเคยคบกัน" "รถก็เด่น คนก็เด่น" "เป็นคันเดียวในพิจิตร" พูดไปยิ้มไป มันคือความภาคภูมิใจที่ล้นออกมาทางภาษากาย นี่ขนาดมีหน้ากากปิดไว้นะ ถ้าไม่ปิดคือมันล้นออกมาเลย แววตาที่เขาบอกรู้สึกผิดบาปที่คบพระ เรามองว่าไม่นะ มันเป็นการกระทำที่ต่อเนื่องมาเป็นสิบปี รู้สึกผิดกี่โมง ?
แล้วการที่บอกว่าพระเป็นคนทะลึ่งอยู่แล้ว คำว่าอยู่แล้ว กับทำเป็นปกติ มันคือการสะท้อนความคิดผู้หญิงคนนี้ว่ามองเป็นสิ่งที่ผิดเป็นเรื่องปกติหมดเลย โดยที่ไม่รู้สึกผิดด้วย
ภาพจาก โหนกระแส






