เจาะลึกพลังงานไฮโดรเจน กุญแจสู่พลังงานสะอาดเพื่อโลกที่ยั่งยืน

         ในวันที่โลกร้อนขึ้นทุกวัน และธรรมชาติกำลังส่งสัญญาณเตือนผ่านสภาพภูมิอากาศที่แปรปรวนอย่างหนัก เราอาจยังมีทางเลือกที่จะช่วยเปลี่ยนแปลงอนาคตและฟื้นฟูโลกใบนี้ ด้วยพลังงานสะอาดอย่างเทคโนโลยีไฮโดรเจน
พลังงานไฮโดรเจน ปตท.

         ปัจจุบันผู้คนหันมาใส่ใจสิ่งแวดล้อมและให้ความสำคัญกับการใช้พลังงานอย่างยั่งยืนมากขึ้น ซึ่งหนึ่งในทางเลือกที่กำลังได้รับความสนใจคือ “เทคโนโลยีไฮโดรเจน” พลังงานสะอาดที่อาจมีบทบาทสำคัญในการเปลี่ยนผ่านสู่อนาคตที่เป็นมิตรกับโลก และหากยังไม่คุ้นเคยกับพลังงานรูปแบบนี้ เราจะพาไปไขความลับว่าไฮโดรเจนคืออะไร ทำไมถึงมีบทบาทสำคัญกับอนาคตของโลกเรา

ไฮโดรเจน คืออะไร 
ทำความรู้จักพลังงานสะอาดแห่งโลกอนาคต

         ไฮโดรเจน (H2) เป็นธาตุที่มีอยู่มากในธรรมชาติ โดยเฉพาะในรูปของน้ำ (H2O) ทั้งนี้ ต้องมีการผ่านกระบวนการให้เป็นก๊าซไฮโดรเจน (H2) ซึ่งถูกค้นพบตั้งแต่ศตวรรษที่ 18 การผลิตไฮโดรเจนมีความแตกต่างกันตามแหล่งที่มาและกระบวนการผลิต ซึ่งส่งผลต่อปริมาณการปล่อยคาร์บอนไดออกไซด์ (CO2) และถูกแบ่งตามสี ดังนี้ 
         1. ไฮโดรเจนสีน้ำตาล (Brown Hydrogen) : ผลิตจากถ่านหิน ผ่านกระบวนการแปรสภาพเป็นก๊าซ (Gasification) ซึ่งปล่อยก๊าซคาร์บอนไดออกไซด์ในปริมาณสูงที่สุด

         2. ไฮโดรเจนสีเทา (Grey Hydrogen) : ผลิตจากก๊าซธรรมชาติ ผ่านกระบวนการปฏิรูปมีเทนด้วยไอน้ำ (Steam Methane Reforming : SMR) และยังคงปล่อยคาร์บอนไดออกไซด์รองลงมา

         3. ไฮโดรเจนสีฟ้า (Blue Hydrogen) : ผลิตจากก๊าซธรรมชาติเช่นกัน แต่มีการดักจับและกักเก็บคาร์บอนไดออกไซด์ที่เกิดขึ้นในกระบวนการผลิตด้วยเทคโนโลยี Carbon Capture and Storage : CCS เพื่อลดการปล่อยก๊าซเรือนกระจก

         4. ไฮโดรเจนสีชมพู (Pink Hydrogen) : ผลิตผ่านกระบวนการแยกไฮโดรเจนออกจากน้ำ (Water Electrolysis) และพลังงานไฟฟ้าที่ใช้มีต้นกำเนิดมาจากพลังงานนิวเคลียร์

         5. ไฮโดรเจนสีเขียว (Green Hydrogen) : รูปแบบที่สะอาดที่สุด ผลิตจากการแยกไฮโดรเจนออกจากน้ำ โดยใช้ไฟฟ้าจากพลังงานหมุนเวียน 100% (เช่น แสงอาทิตย์, ลม) กระบวนการนี้ไม่มีมลพิษเลย อีกทั้งยังสามารถนำไปประยุกต์ใช้ได้หลากหลายภาคส่วน เช่น อุตสาหกรรม พลังงานขนส่ง และการผลิตไฟฟ้า
พลังงานไฮโดรเจน

         อย่างไรก็ตาม แม้ไฮโดรเจนจะมีศักยภาพสูงแต่ก็มีความท้าทาย เช่น ต้นทุนการผลิตสูง โดยเฉพาะไฮโดรเจนสีเขียวและสีฟ้า, ความยุ่งยากในการจัดเก็บและขนส่ง เนื่องจากเป็นก๊าซเบา จึงต้องใช้พื้นที่มากในการจัดเก็บ หรือต้องอัดความดันหรือลดอุณหภูมิให้ต่ำมากเพื่อลดพื้นที่ในการจัดเก็บ และความจำเป็นด้านความปลอดภัย ที่ต้องมีการควบคุมเข้มงวด

บทบาทของไฮโดรเจน
กับการช่วยลดก๊าซคาร์บอนไดออกไซด์

         ไฮโดรเจนถูกมองว่าเป็นกุญแจสำคัญในการลดการปล่อยก๊าซคาร์บอนไดออกไซด์ ด้วยคุณสมบัติที่นำไปใช้งานได้หลากหลายในทุกภาคส่วนของเศรษฐกิจ ปัจจุบันกว่า 30 ประเทศทั่วโลกมีการใช้เทคโนโลยีไฮโดรเจน และหลายประเทศได้ออกมาตรการส่งเสริมเพื่อเร่งพัฒนาอุตสาหกรรมไฮโดรเจนในประเทศของตนเอง โดยเฉพาะในยุโรป สหรัฐอเมริกา และตะวันออกกลาง

ตัวอย่างการใช้พลังงานไฮโดรเจนในต่างประเทศ

  • ประเทศเยอรมนี (Net Zero 2045) เปิดให้บริการรถไฟพลังงานไฮโดรเจนทดแทนรถไฟดีเซล วิ่งได้ราว 1,000 กม./ถัง

  • ประเทศฝรั่งเศส (Net Zero 2050) บริษัท Pragma Industries ผลิตจักรยานพลังงานไฮโดรเจน และ Compagnie Fluvial de Transport ใช้เรือพลังงานไฮโดรเจนในการขนส่งสินค้า
     
  • ประเทศญี่ปุ่น (Net Zero 2050) บริษัท Honda ทดสอบ Data Center พลังงานไฮโดรเจน และ ISUZU นำรถบรรทุกพลังงานไฮโดรเจน (ISUZU GIGA FUEL CELL) มาทดลองวิ่ง เตรียมวางขายในปี 2027
พลังงานไฮโดรเจน

         สำหรับประเทศไทยก็มีความเป็นไปได้ในการใช้ไฮโดรเจนเพื่อลดการปล่อยคาร์บอนใน 3 ภาคส่วนหลัก ได้แก่
          1. ภาคอุตสาหกรรม : ใช้ปรับปรุงคุณภาพโลหะและปิโตรเคมีเป็นสารตั้งต้นเคมีภัณฑ์ รวมไปถึงใช้เป็นเชื้อเพลิงสะอาดในกระบวนการที่ใช้ความร้อนสูง เช่น ซีเมนต์

          2. ภาคการผลิตไฟฟ้า : ใช้เป็นเชื้อเพลิงโดยตรง หรือผสมกับก๊าซธรรมชาติในการผลิตไฟฟ้าด้วยกังหันก๊าซไฮโดรเจน หรือผลิตไฟฟ้าจากเทคโนโลยีเซลล์เชื้อเพลิง

          3. ภาคการขนส่ง : ใช้ในการปรับปรุงคุณภาพน้ำมันปิโตรเลียมสำหรับเครื่องยนต์สันดาปภายใน (Internal Combustion Engine : ICE) หรือใช้เป็นเชื้อเพลิงโดยตรงในรถยนต์ไฟฟ้าเซลล์เชื้อเพลิง (Fuel Cell Electric Vehicle : FCEV) รวมถึงรถโดยสารและรถบรรทุก (Heavy Duty Long-Haul Vehicle)
         จะเห็นได้ว่าประเทศไทยก็ให้ความสนใจกับการพัฒนาพลังงานไฮโดรเจนเช่นเดียวกัน ลองมาดูกันต่อว่า นโยบายภาครัฐกับการส่งเสริมการใช้พลังงานไฮโดรเจนมีอะไรบ้าง

นโยบายภาครัฐกับการส่งเสริมการใช้พลังงานไฮโดรเจน

         ประเทศไทยมีแนวทางการพัฒนาและส่งเสริมการใช้ไฮโดรเจนที่สอดคล้องกับ 4 ยุทธศาสตร์หลัก ได้แก่ พัฒนาตลาดและสร้างแรงจูงใจ, ส่งเสริมการวิจัยและพัฒนา, พัฒนาโครงสร้างพื้นฐาน และปรับปรุงกฎระเบียบและมาตรฐาน โดยแบ่งการดำเนินงานเป็น 3 ระยะ

  • ระยะสั้น (2025-2030) : เตรียมความพร้อม เช่น พัฒนาโครงการนำร่อง, จัดทำมาตรฐานความปลอดภัย, ศึกษาโมเดลธุรกิจใหม่, ทดสอบและปรับปรุงระบบจัดเก็บและขนส่ง
     
  • ระยะกลาง (2031-2040) : พัฒนาไฮโดรเจนเชิงพาณิชย์ในภาคพลังงาน เช่น ผสมไฮโดรเจน 5-10% ในท่อส่งก๊าซธรรมชาติเพื่อผลิตไฟฟ้า, ส่งเสริมการลงทุน และขยายสถานีไฮโดรเจน
     
  • ระยะยาว (2041-2050) : มุ่งสู่ Carbon Neutrality และ Net Zero Emission เช่น ผสมไฮโดรเจน 10-20% ในท่อส่งก๊าซธรรมชาติ, พัฒนากลไกติดตามและประเมินผล, พิจารณาภาษีคาร์บอน และกำหนดมาตรฐานการขนส่ง FCEV และสถานีเติมไฮโดรเจน
         นอกจากการส่งเสริมของภาครัฐแล้ว กลุ่ม ปตท. ก็มีความมุ่งมั่นกับเทคโนโลยีไฮโดรเจน โดยพยายามผลักดันให้พลังงานไฮโดรเจนเป็นจุดเปลี่ยนสำคัญที่จะพาเราเข้าสู่ยุค Net Zero ตามแผนพัฒนาพลังงานสะอาดอย่างต่อเนื่อง

กลุ่ม ปตท. กับความมุ่งมั่นในพลังงานไฮโดรเจน
ก้าวสำคัญสู่ Net Zero

         กลุ่ม ปตท. มีความมุ่งมั่นผลักดันพลังงานไฮโดรเจนเพื่อเป็นจุดเปลี่ยนสำคัญสู่เป้าหมาย Net Zero และความมั่นคงทางพลังงานอย่างยั่งยืน โดยมีการติดตามและพัฒนาเทคโนโลยีนี้อย่างต่อเนื่องผ่านความร่วมมือกับพันธมิตร

  • ปี 2562 : จัดตั้ง Hydrogen Thailand Club โดยความร่วมมือระหว่างกลุ่ม ปตท. ภาครัฐ และเอกชน เพื่อเตรียมพร้อมและผลักดันการใช้ไฮโดรเจนในไทย ปัจจุบันมีสมาชิกกว่า 54 บริษัท
     
  • ปี 2565 : กลุ่ม ปตท., OR, TOYOTA และ BIG ติดตั้งสถานีนำร่อง Hydrogen Station แห่งแรกของไทย ที่อำเภอบางละมุง จังหวัดชลบุรี เพื่อศึกษาการใช้ไฮโดรเจนในภาคขนส่งของประเทศ
     
  • ปี 2566 : ปตท.สผ. ชนะประมูลโครงการไฮโดรเจนสีเขียวในประเทศโอมาน และกลุ่ม ปตท. ร่วมกับ RINA พัฒนาการเผาไหม้ไฮโดรเจนในก๊าซธรรมชาติ พร้อมจัดตั้งห้องปฏิบัติการภายใต้สถาบันนวัตกรรม ปตท.
     
  • ปี 2567 : ปตท., โตโยต้า มอเตอร์ ประเทศไทย และบีไอจี ร่วมยกระดับ Hydrogen Thailand Club เป็น สมาคมไฮโดรเจนแห่งประเทศไทย (Hydrogen Thailand Association) โดยอยู่ระหว่างกระบวนการถ่ายโอนสมาชิกจากคลับเข้าสู่สมาคมอย่างเป็นทางการ
     
  • ปี 2568 : กลุ่ม ปตท. ลงนามบันทึกข้อตกลงความร่วมมือในการพัฒนาธุรกิจ และการประยุกต์ใช้เทคโนโลยีไฮโดรเจนคาร์บอนต่ำ เพื่อขับเคลื่อนสู่เป้าหมาย Net Zero Emissions

แนวทางการดำเนินงานในอนาคต (Way Forward)

  • สนับสนุนข้อมูลแก่ภาครัฐ เพื่อพิจารณาการบรรจุไฮโดรเจนและแอมโมเนียไว้ใน พระราชบัญญัติน้ำมันเชื้อเพลิง
     
  • ศึกษาและประเมินผลกระทบ จากการผสมไฮโดรเจนในระบบท่อส่งก๊าซธรรมชาติ เพื่อเสนอข้อมูลทางเทคนิคสนับสนุนนโยบายพลังงาน
     
  • ให้ข้อเสนอแนะด้านกฎหมายและความปลอดภัย ในการผลิตและใช้งานไฮโดรเจนอย่างเป็นระบบ
     
  • ศึกษาความเป็นไปได้ ในการนำไฮโดรเจนมาใช้ภายในกลุ่ม ปตท. เพื่อส่งเสริมการลดการปล่อยก๊าซเรือนกระจก และสร้างความมั่นคงด้านพลังงานอย่างยั่งยืน
         พลังงานสะอาดอย่างไฮโดรเจนจึงเป็นสิ่งที่โลกกำลังต้องการอย่างแท้จริง เพื่ออนาคตที่ยั่งยืนและสภาพแวดล้อมที่ดีสำหรับคนรุ่นหลัง
ขอบคุณข้อมูลจาก : สถาบันนวัตกรรม ปตท., คณะกรรมการหอการค้าไทย, สำนักงานนโยบายและแผนพลังงาน (สนพ.) กระทรวงพลังงาน, สำนักงานคณะกรรมการกำกับกิจการพลังงาน และสถาบันพลังงาน มหาวิทยาลัยเชียงใหม่
เรื่องน่าสนใจอื่นๆ
เรื่องที่คุณอาจสนใจ
เจาะลึกพลังงานไฮโดรเจน กุญแจสู่พลังงานสะอาดเพื่อโลกที่ยั่งยืน อัปเดตล่าสุด 19 กันยายน 2568 เวลา 08:14:27 2,342 อ่าน
TOP