เปิดเบื้องหลังเคส นัท ณัฐวุฒิ ที่สังคมยังไม่รู้ ทำไมไทม์ไลน์ก่อนพบไซยาไนด์ ถึงใช้เวลาแค่ 3 วัน ต้องขอบคุณการประสานงาน - ระบบเฝ้าระวัง ช่วยเร่งหาความจริง

ภาพจาก เฟซบุ๊ก nattawut ponglangka
วันที่ 7 ธันวาคม 2568 ดร. ธนกฤต จิตรอารีย์รัตน์
เลขานุการรัฐมนตรีว่าการกระทรวงการพัฒนาสังคมและความมั่นคงของมนุษย์
โพสต์เฟซบุ๊ก เผยข้อมูลเบื้องหลังที่สังคมยังไม่รู้
เกี่ยวกับไทม์ไลน์การตรวจพบไซยาไนด์ ในร่างของ นัท ณัฐวุฒิ ปงลังกา นักข่าวช่อง 8 ซึ่งเป็นที่น่าสังเกตว่ามีความฉับไว มีผลตรวจยืนยันภายใน 3
วัน
โดยระบุว่า เรามักจะเคยได้ยินว่าผลการตรวจมักใช้เวลา 1-2 เดือน หลังจากการชันสูตร บทความนี้คือการ เจาะลึกลำดับเหตุการณ์ และการประสานงานหลังฉาก ที่ทำให้ผลตรวจออกได้อย่างรวดเร็ว
จุดเริ่มต้นความสงสัย
จากการตรวจชันสูตร ณ วันที่เกิดเหตุไม่ได้มีการระบุถึงการใช้สารยาหรือสารพิษ แต่แพทย์ผู้ตรวจกลับได้รับข้อมูลแจ้งจากทางศูนย์วิทยุ รวมถึงข้อมูลรับแจ้งเพื่อเรียกทีมกู้ชีพ ว่าผู้ตายอาจเกี่ยวข้องกับ "การใช้สารหรือยาเกินขนาด"
เมื่อนำมาประมวลกับข้อเท็จจริง พบว่า นัท ณัฐวุฒิ อายุยังน้อย มีโรคประจำตัว แต่ไม่ได้มีอาการนำที่เกี่ยวข้องในวันที่เสียชีวิต และการเสียชีวิตเกิดขึ้นอย่างเฉียบพลัน จึงทำให้ทีมแพทย์หันไปจับที่สารพิษตั้งแต่ชั่วโมงแรก
แต่ในหน้าสื่อ จะชี้สาเหตุการเสียชีวิตเบื้องต้นไปทาง "ไหลตาย" ก็ไม่แปลก เนื่องจากการตรวจสารพิษต้องมีขั้นตอนการตรวจสอบที่รัดกุมและใช้เวลา
เหตุจากคดี "แอม ไซยาไนด์" ทำให้ระบบนิติเวชมีการเฝ้าระวังอย่างเข้มงวด
หลังการเสียชีวิตต่อเนื่องจากคดี แอม ไซยาไนด์ ซึ่งสร้างแรงสั่นสะเทือนอย่างมากในสังคมไทย ทางสมาคมแพทย์นิติเวชแห่งประเทศไทย และราชวิทยาลัยพยาธิแพทย์แห่งประเทศไทย ได้เปิดการพูดคุยและหารือหลายครั้ง จัดกระทั่งมีการจัดทำแนวทางคัดกรองการตรวจสารพิษ รวมถึงสารไซยาไนด์ ในผู้เสียชีวิตที่เข้าเกณฑ์ต้องสงสัยอย่างเข้มงวด และได้สร้าง "ระบบเตือนภัยเงียบ" ว่าถ้าเป็นลักษณะการตายที่ไม่สามารถระบุสาเหตุการตายได้แน่ชัด ต้องคิดถึงไซยาไนด์ เป็นหนึ่งในสาเหตุเสียชีวิตด้วยเสมอ
ดังนั้น เมื่อคดีล่าสุดเกิดขึ้น แพทย์หลายฝ่ายจึงเข้าสู่โหมดเฝ้าระวังสูงสุด ในทันที
ภาพจาก เฟซบุ๊ก nattawut ponglangka
การประสานงานที่ต้องทำอย่างรวดเร็วที่สุด
จากข้อสงสัยหลายประการข้างต้น ทางสถาบันนิติวิทยาศาสตร์ โดย นพ.ศราวุฒิ สุจริตธรรม แพทย์ผู้ตรวจศพ ได้ประสานไปยัง รศ.นพ.สมิทธิ์ ศรีสนธิ์ นายกสมาคมแพทย์นิติเวชฯ เพื่อหารือถึง "ข้อสงสัยที่ต้องคลี่คลายโดยด่วน" และขอความอนุเคราะห์ให้ห้องปฏิบัติการพิษวิทยา ของสถาบันนิติวิทยาศาสตร์ และของโรงพยาบาลรามาธิบดี ช่วยเร่งรัดกระบวนการตรวจ เนื่องจากข้อสงสัยทั้งหมดทั้งมวล เหตุการเสียชีวิตชี้ไปทาง "พิษวิทยา" มากกว่า "โรคธรรมชาติ"
ในเวลาใกล้เคียงกันนั้นเอง มีข้อมูล "off the record" ถูกส่งถึง ดร.ธนกฤต จิตรอารีย์รัตน์ ว่า "มีการพบสารต้องสงสัยในพื้นที่เกิดเหตุ" ข้อมูลนี้ไม่ถูกเปิดเผยต่อสาธารณะ แต่กลายเป็นจุดสำคัญที่ทำให้ต้องตรวจสอบอย่างเร่งด่วน เพราะหากสารดังกล่าวเป็นไซยาไนด์จริง จะเชื่อมโยงกับตัวผู้ตายได้ทันที
ดร.ธนกฤต จึงมอบหมายให้ รศ.นพ.วีระศักดิ์ จรัสชัยศรี (หมอหมู) ทำการวิเคราะห์สารจากที่เกิดเหตุแบบเร่งด่วนในห้องปฏิบัติการ
ทั้ง 2 ส่วนต่างเดินหน้าตรวจสอบแบบคู่ขนาน โดยที่ไม่ทราบการดำเนินงานของกันและกันมาก่อน แต่สุดท้ายมาบรรจบตรงกันอย่างแม่นยำ ทั้งการตรวจสารจากศพ และการตรวจสารจากที่เกิดเหตุ พบว่าเป็นไซยาไนด์ ทีมแพทย์จึงสามารถสรุปได้ทันทีว่า สารที่ผู้ตายได้รับและเป็นเหตุให้เสียชีวิตคือไซยาไนด์แน่นอน จึงแจ้งข้อมูลไปยังพนักงานสอบสวน และผู้เกี่ยวข้องทุกฝ่าย เพื่อให้เริ่มดำเนินการด้านกฎหมายและการหาพยานหลักฐานต่อทันที โดยไม่ให้เกิดความล่าช้า
และนี่ก็คือ....เหตุผลว่าเหตุใด คดีนี้จึงเดินหน้าอย่างฉับไว เพื่อให้เกิดความเป็นธรรมแก่ผู้ตายอย่างสูงสุด

ภาพจาก เฟซบุ๊ก nattawut ponglangka






