ลูกนึกว่าแม่เจอมิจฉาชีพ แอบตามไปพร้อมเรียกตำรวจ ช็อกกลายเป็นเผยความลับแม่ซุกชู้ เรื่องนี้ทำเอาบ้านแตก แถมต้องให้การในชั้นศาล
![แม่มีชู้ แม่มีชู้]()
รายงานเผยว่า ชายจากเมืองไถหนานของไต้หวัน สังเกตเห็นว่าแม่มีพฤติกรรมผิดปกติ และเชื่อว่าเธอกำลังถูกมิจฉาชีพหลอก จึงแอบตามแม่ไปนอกบ้าน 2 ครั้ง กระทั่งในเดือนมีนาคมที่ผ่านมา เขาพบว่าแม่ขึ้นรถไปกับชายคนหนึ่ง และขับเข้าโรงแรมไปด้วยกัน เขาจึงโทร. เรียกตำรวจมาช่วยตรวจสอบ แต่ใครจะคิดว่าเมื่อตำรวจบุกเข้าไปกลับจับได้คาหนังคาเขาว่าแม่ของเขากำลังหาความสำราญกับชายชู้
ลูกชายช็อกมากที่รู้ว่าแม่มีชู้ ขณะที่แม่เองเมื่อความแตกก็ยอมสารภาพผิดกับลูกและสามี กลายเป็นว่าเธอแอบคบกับ นายอู๋ ลับหลังสามีมานานหลายปีแล้ว ไม่เพียงแค่คุยไลน์กันโดยมีเนื้อหาวาบหวิวอนาจาร แต่ยังไปเจอกันที่โรงแรมมาหลายครั้ง
ด้วยความเจ็บช้ำ สามีตัดสินใจฟ้องหย่ากระทั่งยุติชีวิตคู่กับภรรยาอย่างเป็นทางการ พร้อมกันนั้น นายหวัง ผู้เป็นสามี ยังฟ้องเรียกค่าเสียหายจากชายชู้เป็นจำนวนเงิน 510,000 ดอลลาร์ไต้หวัน (ราว 507,000 บาท)
อย่างไรก็ตาม นายอู๋แก้ตัวในชั้นศาล อ้างว่าไม่ได้ไปม่านรูดกับฝ่ายหญิงในเดือนมกราคม แม้จะเคยไปด้วยกันจริงในเดือนมีนาคม (ที่ลูกชายฝ่ายหญิงไปเจอ) แต่ก็เป็นแค่การหาที่เงียบ ๆ คุยกันเท่านั้น โดยไม่ได้ทำพฤติกรรมไม่เหมาะสมใด ๆ นอกจากนี้เขายังมองว่า ภาพบันทึกการสนทนาจากไลน์เหล่านั้นเป็นการได้มาโดยไม่ได้รับความยินยอมจากเขา จึงไม่น่าจะใช้เป็นหลักฐานได้
ด้านลูกชายของนายหวังให้การว่า เขาเป็นคนแอบตามแม่ไปโรงแรมถึง 2 ครั้ง เพราะกลัวแม่จะถูกหลอก จนเห็นแม่ขึ้นรถของนายอู๋และเข้าไปในโรงแรมจริง เขาจึงโทร. เรียกตำรวจ และต้องช็อกเมื่อตำรวจมาเผยความจริงให้ฟัง
คำให้การของลูกชายกลายมาเป็นกุญแจสำคัญ เนื่องจากผู้พิพากษาพิจารณาว่า ลูกชายนั้นไม่มีความจำเป็นจะต้องแต่งเรื่องการมีชู้ของแม่เพื่อเข้าข้างพ่อตัวเอง แถมเขายังไม่เคยมีความขัดแย้งกับนายอู๋มาก่อน คำให้การจึงมีความน่าเชื่อถือ อีกทั้งจากการตรวจสอบเนื้อหาในโทรศัพท์ก็ยืนยันว่าบัญชีไลน์ของนายอู๋ตรงกับหลักฐานที่นายหวังนำมา
ทั้งนี้ ศาลชี้ว่า การที่นายอู๋ไปโรงแรมที่มีความเป็นส่วนตัวสูงกับหญิงที่แต่งงานแล้วในยามวิกาลเช่นนี้ ตามความเข้าใจของสังคมนั้นชัดเจนว่าพฤติกรรมนี้เกินขอบเขตของการคบหากันแบบเพื่อนธรรมดา ละเมิดสิทธิของคู่สมรสอย่างชัดเจน
สุดท้ายศาลมีคำสั่งให้นายอู๋จ่ายค่าเสียหายแก่นายหวังจำนวน 400,000 ดอลลาร์ไต้หวัน (ราว 398,000 บาท) โดยสามารถอุทธรณ์ได้ ขณะที่คดีดังกล่าวกลายมาเป็นที่สนใจและพูดถึงกันในสังคมอย่างมาก

วันที่ 28 ธันวาคม 2568 เว็บไซต์ ETtoday รายงานว่า ความเป็นห่วงของลูกชายที่กลัวว่าแม่จะถูกมิจฉาชีพหลอกลวง กลายมาเป็นช่วงเวลาสำคัญที่นำไปสู่การเปิดโปงความลับของแม่แท้ ๆ และทำให้ชีวิตคู่เกือบ 50 ปีของพ่อแม่มาถึงจุดสิ้นสุด เมื่อปรากฏว่าชายที่เขาสงสัยว่าเป็นมิจฉาชีพ กลายมาเป็นชู้รักของแม่ตัวเอง
รายงานเผยว่า ชายจากเมืองไถหนานของไต้หวัน สังเกตเห็นว่าแม่มีพฤติกรรมผิดปกติ และเชื่อว่าเธอกำลังถูกมิจฉาชีพหลอก จึงแอบตามแม่ไปนอกบ้าน 2 ครั้ง กระทั่งในเดือนมีนาคมที่ผ่านมา เขาพบว่าแม่ขึ้นรถไปกับชายคนหนึ่ง และขับเข้าโรงแรมไปด้วยกัน เขาจึงโทร. เรียกตำรวจมาช่วยตรวจสอบ แต่ใครจะคิดว่าเมื่อตำรวจบุกเข้าไปกลับจับได้คาหนังคาเขาว่าแม่ของเขากำลังหาความสำราญกับชายชู้
ลูกชายช็อกมากที่รู้ว่าแม่มีชู้ ขณะที่แม่เองเมื่อความแตกก็ยอมสารภาพผิดกับลูกและสามี กลายเป็นว่าเธอแอบคบกับ นายอู๋ ลับหลังสามีมานานหลายปีแล้ว ไม่เพียงแค่คุยไลน์กันโดยมีเนื้อหาวาบหวิวอนาจาร แต่ยังไปเจอกันที่โรงแรมมาหลายครั้ง
ด้วยความเจ็บช้ำ สามีตัดสินใจฟ้องหย่ากระทั่งยุติชีวิตคู่กับภรรยาอย่างเป็นทางการ พร้อมกันนั้น นายหวัง ผู้เป็นสามี ยังฟ้องเรียกค่าเสียหายจากชายชู้เป็นจำนวนเงิน 510,000 ดอลลาร์ไต้หวัน (ราว 507,000 บาท)
จากคำพิพากษาพบว่า คู่สามีภรรยาแต่งงานกันมาตั้งแต่ปี 2520 และมีลูกชายด้วยกัน 1 คน ก่อนที่ฝ่ายภรรยาจะเริ่มมีความสัมพันธ์กับ นายอู๋ ตั้งแต่ปี 2564 นอกจากการคุยกันผ่านไลน์ เธอยังไปม่านรูดกับเขาในเดือนมกราคมและมีนาคม 2568 ส่งผลกระทบร้ายแรงต่อชีวิตคู่ของนายหวัง นำมาสู่การฟ้องเรียกค่าเสียหายในครั้งนี้ โดยมีหลักฐานเป็นภาพบันทึกการคุยกันผ่านไลน์ ที่ฝ่ายภรรยายอมให้เขาบันทึกหน้าจอไว้ตอนสารภาพความจริง
อย่างไรก็ตาม นายอู๋แก้ตัวในชั้นศาล อ้างว่าไม่ได้ไปม่านรูดกับฝ่ายหญิงในเดือนมกราคม แม้จะเคยไปด้วยกันจริงในเดือนมีนาคม (ที่ลูกชายฝ่ายหญิงไปเจอ) แต่ก็เป็นแค่การหาที่เงียบ ๆ คุยกันเท่านั้น โดยไม่ได้ทำพฤติกรรมไม่เหมาะสมใด ๆ นอกจากนี้เขายังมองว่า ภาพบันทึกการสนทนาจากไลน์เหล่านั้นเป็นการได้มาโดยไม่ได้รับความยินยอมจากเขา จึงไม่น่าจะใช้เป็นหลักฐานได้
ด้านลูกชายของนายหวังให้การว่า เขาเป็นคนแอบตามแม่ไปโรงแรมถึง 2 ครั้ง เพราะกลัวแม่จะถูกหลอก จนเห็นแม่ขึ้นรถของนายอู๋และเข้าไปในโรงแรมจริง เขาจึงโทร. เรียกตำรวจ และต้องช็อกเมื่อตำรวจมาเผยความจริงให้ฟัง
คำให้การของลูกชายกลายมาเป็นกุญแจสำคัญ เนื่องจากผู้พิพากษาพิจารณาว่า ลูกชายนั้นไม่มีความจำเป็นจะต้องแต่งเรื่องการมีชู้ของแม่เพื่อเข้าข้างพ่อตัวเอง แถมเขายังไม่เคยมีความขัดแย้งกับนายอู๋มาก่อน คำให้การจึงมีความน่าเชื่อถือ อีกทั้งจากการตรวจสอบเนื้อหาในโทรศัพท์ก็ยืนยันว่าบัญชีไลน์ของนายอู๋ตรงกับหลักฐานที่นายหวังนำมา
ทั้งนี้ ศาลชี้ว่า การที่นายอู๋ไปโรงแรมที่มีความเป็นส่วนตัวสูงกับหญิงที่แต่งงานแล้วในยามวิกาลเช่นนี้ ตามความเข้าใจของสังคมนั้นชัดเจนว่าพฤติกรรมนี้เกินขอบเขตของการคบหากันแบบเพื่อนธรรมดา ละเมิดสิทธิของคู่สมรสอย่างชัดเจน
สุดท้ายศาลมีคำสั่งให้นายอู๋จ่ายค่าเสียหายแก่นายหวังจำนวน 400,000 ดอลลาร์ไต้หวัน (ราว 398,000 บาท) โดยสามารถอุทธรณ์ได้ ขณะที่คดีดังกล่าวกลายมาเป็นที่สนใจและพูดถึงกันในสังคมอย่างมาก






