มะเดี่ยว ชูเกียรติ โวยร้านพิซซ่าข้างบ้าน ใช้เครื่องปั่นไฟ - ปล่อยควัน อึ้งลูกจ้างเถียงไม่ตายไมค์

          มะเดี่ยว ชูเกียรติ ลั่นจะเป็นบ้าแล้ว โวยร้านพิซซ่าข้างบ้านใช้เครื่องปั่นไฟ เสียงดังรบกวน ปล่อยควันเข้าบ้าน เจรจากันไม่เคยขอโทษ ลูกจ้างเถียงกลับไม่ตายไมค์


มะเดี่ยว ชูเกียรติ โวยร้านพิซซ่า
ภาพจาก เฟซบุ๊ก Chookiat Sakveerakul

          เป็นเหตุที่ทำเอา มะเดี่ยว ชูเกียรติ ผู้กำกับชื่อดัง ทนไม่ไหวจนต้องโพสต์ขอความช่วยเหลือ พร้อมติดแท็กไปถึงหน่วยงานต่าง ๆ ระบุว่า "ช่วยด้วย !! ตอนนี้ผมใกล้จะเป็นบ้าแล้ว"

          โดยเมื่อวันที่ 27 ธันวาคม 2568 มะเดี่ยว ชูเกียรติ เล่าว่า ถ้าจำได้ 2 ปีก่อนเคยร้องเรียนร้านพิซซ่าที่มาเปิดใหม่หน้าบ้าน ต้นสัปดาห์ที่ผ่านมาร้านนางโดนตัดไฟ ซึ่งก็แก้ปัญหาด้วยการเอาเครื่องปั่นไฟมาเปิดใช้ ตำแหน่งของเครื่องปั่นไฟอยู่ติดรั้วบ้านเรา ตรงบริเวณห้องนอนของหลาน ซึ่งเสียงมันดังจนอยู่ไม่ได้ และทั่วบริเวณบ้านก็ปกคลุมไปด้วยคลื่นเสียงความถี่ต่ำที่ออกมาจากเครื่องปั่นไฟ ตั้งแต่เวลา 3 โมง ถึง 5 ทุ่ม เป็นเวลา 4 วันแล้ว 

          ตนมีการคุยกับผู้จัดการร้านแล้ว 2 ครั้ง ช่วงแรกนางขอพ่วงไฟบ้านเราเข้ามิเตอร์ แล้วจะจ่ายเงินให้เพื่อหยุดการใช้เครื่องเจอเนเรเตอร์ แต่ตนปฏิเสธไป ครั้งที่ 2 นางยืนยันจะใช้เครื่องปั่นไฟขายของต่อไป โดยไม่เสนอทางออก แล้วเดินหนีไปขายของต่อ ทำให้ตนอึ้งมาก ๆ

          ด้วยความที่ตนป็นคนเซนซิทีฟต่อเสียงมาก ๆ โดยเฉพาะเสียงความถี่ต่ำที่ดังต่อเนื่องยาวนาน ทำให้ตนปวดหัว แล้วตอนนี้ก็เครียดมากเพราะยังมีงานเพลงที่ต้องทำต่อ และมีหนังที่ต้องเตรียมงานเปิดในเดือนกุมภาพันธ์นี้ ตนกะว่าจะใช้เวลาช่วงปีใหม่นั่งพิจารณาอยู่เงียบ ๆ แต่ตอนนี้เจอปัญหาหนักมากเพราะความสงบที่เคยถูกทำลายลงจากความไม่รับผิดชอบต่อชุมชนของร้านพิซซ่าแห่งนี้

มะเดี่ยว ชูเกียรติ โวยร้านพิซซ่า
ภาพจาก เฟซบุ๊ก Chookiat Sakveerakul

ร้องเรียนหลายรอบ - แจ้งความแล้ว ร้านยังเมิน

          ขณะนี้ได้แจ้งความดำเนินคดีไปแล้ว แจ้ง 191 ไป 2 รอบแล้วแต่ก็ไม่ดีขึ้น วันจันทร์คงต้องรอเทศบาลเปิดแล้วไปร้องเรียนเรื่องนี้อย่างเต็มที่ และคงต้องดำเนินคดีทุกด้านในที่สุด เพราะเคยคุยกับคนดูแลร้านแล้วก็ไม่ได้รับการตอบสนองหรือรับผิดชอบอะไรเลย

          การดำเนินการทางกฎหมายคงต้องใช้เวลา เป็นที่เข้าใจและคิดว่าไม่น่าจะดำเนินการทำให้ช่วงปีใหม่ และเราก็ไม่อยากย้ายตัวเองไปอยู่ที่อื่น เพราะนี่คือสิทธิ์ของเราในการที่จะใช้ชีวิตตามที่เคยส่งมาก่อนที่จะมีร้านนี้

          เรื่องกฎหมายเราไปสุดทางแน่ ๆ แต่ตอนนี้ใครมีไอเดียหรือทางออกอะไรที่จะแก้ปัญหานี้ให้จบเร็วที่สุดก็ใกล้จะเป็นบ้าแล้ว

          และปัญหานี้ก็สะท้อนถึงการจัดการด้านการสุขาภิบาล การออกใบอนุญาตประกอบกิจการที่มีทั้งเตาถ่านและเครื่องปั่นไฟที่ก่อเกิดมลภาวะทั้งควันและเสียง ซึ่งจำเป็นจะต้องควบคุมดูแลให้รัดกุมกว่านี้ ความหลวม ขนาดที่ร้านอาหารไม่มีไฟฟ้าใช้ แต่ยังเปิดให้บริการได้ทั้งที่ก็ผิดหลักสุขาภิบาลแล้ว มันเกิดขึ้นได้ยังไงในใจกลางเมืองท่องเที่ยวขนาดใหญ่แห่งนี้ ไม่ต้องพูดถึงร้านที่รุกล้ำพื้นที่สาธารณะ เบียดเบียนคนในชุมชนทั้งกลิ่นและเสียง และการใช้ถนนสาธารณะ วอนหน่วยงานที่รับผิดชอบเร่งแก้ปัญหานี้ให้ด้วย ยังไงจะดำเนินการเรื่องนี้ให้ถึงที่สุดเพื่อให้ปัญหาถูกแก้ไข ขอบคุณครับ

มะเดี่ยว ชูเกียรติ โวยร้านพิซซ่า
ภาพจาก เฟซบุ๊ก Chookiat Sakveerakul

ควันเข้าบ้านคนแล้วไง บอกให้ปิดหน้าต่างเอา ?

          ต่อมาทาง มะเดี่ยว ชูเกียรติ ยังโพสต์คลิปที่บันทึกภาพร้านพิซซ่า ขณะที่ปล่อยควันขาวลอยโขมงออกมาจากปล่อง พร้อมบอกว่า ทุกบ่ายสามเวลาร้านเขาติดเตา มันจะเป็นแบบนี้ทุกวัน เตือนไปหลายครั้งก็เหมือนเดิม เจอแบบนี้แล้วอยู่ไม่ได้ ควันไม่ได้อยู่แค่ในสวน แต่ลอยเข้าบ้าน เข้าไปจนถึงชั้นบน พอแจ้งไปเขาก็บอกให้เราปิดหน้าต่าง สงสัยว่าเขาเป็นใครมาสั่งให้เราปิดหน้าต่าง ทั้งที่เราอยู่แบบปกติมานาน จากนี้ก็จะมีการฟ้องแพ่งต่อไป 

          รวมถึงฝากว่า "สุดท้ายถ้าไม่มีความรับผิดชอบต่อชุมชน หรือปฏิบัติตามกฎหมายไม่ได้ก็ต้องปิดร้านครับ"

ลูกจ้างอ้างไม่มีสิทธิ์ตัดสินใจ รอเจ้าของร้านมาเจรจา

          ต่อมามีอัปเดตว่า ได้มีการเชิญประธานกับกรรมการชุมชนล่ามช้างมาเป็นพยานในการเจรจาแล้ว ว่าตนได้แจ้งความดำเนินคดีกับเจ้าของร้านไปแล้ว หากมีแผนจะแก้ไขอะไร สามารถเจรจากันก่อนได้เผื่อจะผ่อนหนักเป็นเบา ซึ่งคราวที่แล้วตนมาคุยคนเดียว ผลของการเจรจาคือโดนเชิดใส่ 

          ตนอธิบายเหตุผลของการดำเนินคดีเดือดร้อนรำคาญ คดีแพ่งที่ทำให้ตนเสียหาย ตลอดจนกฎหมายสาธารณสุขชุมชน ตั้งแต่เรื่องเตาถ่าน เครื่องปั่นไฟ ลักใช้ไฟหลวงจนโดนตัดไฟ แต่คนที่มาเจรจาคือลูกจ้างหญิง 3 คน ส่วนเจ้าของไปญี่ปุ่น จะกลับวันที่ 31 ซึ่งทางลูกน้องยืนกรานว่าเป็นแค่ลูกจ้าง ไม่มีสิทธิ์ตัดสินใจอะไรทั้งนั้น  

          กู : พี่แจ้ง 191 ไป 2 วัน วันละ 2 รอบ สายตรวจเขามาเตือนแล้วน้องไม่ทำตามเขาเลย รู้ใช่ไหมว่าเป็นหลักฐานว่าน้องไม่ปฏิบัติตาม ยิ่งทำให้เจ้าของจะเดือดร้อนมากขึ้นตอนไปขึ้นศาล

          พนง. : พวกหนูไม่รู้จะทำยังไงจริง ๆ ค่ะ จนปัญญาแล้วพี่ช่วยหนูคิดหน่อยสิคะ (สีหน้าแบบไม่มีสำนึกและไม่ใช่ความผิดของนาง)

          กู : พี่เป็นผู้เดือดร้อน มันไม่ใช่หน้าที่ของพี่ที่จะมาข่วยหนูหาทางออก มันเป็นหน้าที่ของเจ้าของร้าน ถึงพี่รู้ว่าต้องทำไงพี่ก็คงไม่บอกหนูหรอก

          พนง. : พี่บอกมาเถอะค่ะถ้ารู้ ไม่ต้องกลัว

          กู : พี่ไม่ได้กลัวอะไร พี่จะต้องมาช่วยน้องหาทางออกทำไมในเมื่อพี่ไม่ได้มีส่วนได้ส่วนเสียกับร้าน พี่เป็นผู้เสียหาย

          พนง. : ถึงพี่ไม่ได้มีส่วนได้ แต่พี่ก็มีส่วนเสียนะคะ พี่ถึงต้องช่วยหาทางออกให้พวกหนู

          จริง ๆ มีบทสนาพิสดารพันลึกกว่านี้แต่เอาไว้แค่นี้ก่อน คือสรุปก็บอกให้นางไปคุยกับเจ้าของร้านในสิ่งที่มาเจรจาในวันนี้ เพราะยังไงเทศบาล สาธารณสุข ก็ดำเนินการแน่ ๆ ในวันพรุ่งนี้ และวันอังคารเราจะไปให้ปากคำเตรียมสำนวนฟ้องแล้ว

          อย่างไรก็ดี เจรจามากี่ครั้งก็ไม่มีคำขอโทษหลุดจากปากผู้ประกอบการเหล่านี้แม้แต่คนเดียว

มะเดี่ยว ชูเกียรติ โวยร้านพิซซ่า
ภาพจาก เฟซบุ๊ก Chookiat Sakveerakul

มะเดี่ยว ชูเกียรติ โวยร้านพิซซ่า
ภาพจาก เฟซบุ๊ก Chookiat Sakveerakul

          ล่าสุด (29 ธันวาคม) มะเดี่ยว ชูเกียรติ เผยความคืบหน้าว่า ทางเทศบาลนครเชียงใหม่ ได้ส่งกองสาธารณสุขมาคุยกับทางร้าน แต่ลูกจ้างยืนยันว่าเจ้าของจะกลับมาเจรจาวันที่ 31 ธันวาคม ซึ่งเป็นวันหยุดราชการ ซึ่งเมื่อทางสาธารณสุขกลับไป ทางร้านก็จุดไฟติดเตาอีก ตนเลยโทร. แจ้งเจ้าหน้าที่อีก เขาก็ให้เทศกิจวนกลับมาเตือน ทุกอย่างเลยสงบลง

          ส่วนสถานะปัจจุบัน นางยังเปิดขายแบบจุดเทียน จนกว่าเจ้าของจะมา






เรื่องน่าสนใจอื่นๆ
เรื่องที่คุณอาจสนใจ
มะเดี่ยว ชูเกียรติ โวยร้านพิซซ่าข้างบ้าน ใช้เครื่องปั่นไฟ - ปล่อยควัน อึ้งลูกจ้างเถียงไม่ตายไมค์ อัปเดตล่าสุด 30 ธันวาคม 2568 เวลา 17:55:32 4,282 อ่าน
TOP
x close