และแล้วบ้านเราก็ได้ต้อนรับ มือใหม่หัดแต่ง ชายหนุ่มรุ่นน้องที่เพิ่งสละความโสดได้ไม่นาน ด้วยความเห็นอกเห็นใจอย่างลึกซึ้ง แต่งงานยังไม่พ้นโปรเบชั่น 3 เดือน ก็มานั่งโอดครวญให้ลุงป้ามือเก่า(แต่งจนแก่แต่ไม่เก๋า) ฟังว่า จะทำยังไงดี ภรรยาสาวคนสวยของผม ก่อนแต่งงานถึงเธอจะมาดมั่นเป็นคนเอาจริงเอาจัง แต่ก็ไม่ทำให้ปวดใจเหมือนเวลานี้ จู่ๆ เธอบอกผมว่าต่อไปนี้แต่งงานแล้วมีกฎ ผมต้องหางาน มั่นคงกว่านี้และเลิกกินเหล้าโดยเด็ดขาด วันนึงๆ เธองอนหลายหนกว่าตอนเป็นแฟนอีก ถามก็ไม่ยอมบอกว่าเรื่องอะไร แล้วยังพูดให้งงเป็นไก่ตาแตกว่า "คนรักกันก็ต้องรู้ใจกัน" เรื่องแบบนี้มีจริงๆ ด้วยนะเนี่ย...ไม่เชื่ออย่าลบหลู่
คุณคิดว่าใครจะสุขใจกว่ากัน ไม่มีหรอกค่ะ โอ้ อนิจจา...ความคาดหวังดังไฟแผดเผาใจ คนเรามักจะคาดหวังในตัวคู่ชีวิต ไม่ว่าจะใช้ชีวิตแต่งงานในช่วงเริ่มต้นหรือผ่านไปหลายสิบปี เพียงแต่ความคาดหวังมากน้อยต่างกัน คนที่ตั้งความหวังไว้บนพื้นฐาน ของความจริงและความเป็นไปได้จะไม่ค่อยเจ็บปวดทนทุกข์เท่ากับคนที่คาดหวังไว้เกินความจริงหรอกค่ะ
แล้วคุณตั้งความหวังไว้กับเขามากน้อยแค่ไหน ลองทำแบบทดสอบ 10 ข้อนี้ดู เลือกตอบข้อที่ตรงกับใจคุณที่สุด
1. ฉันตั้งความหวังไว้ว่า ต้องการให้คุณสมบัติดีๆ ที่ทำให้ฉันรักเขานั้นยังคงอยู่โดยไม่เปลี่ยนแปลง หรือจะเปลี่ยนก็อย่าให้ไปในทางที่ทำให้ฉันอึดอัดรำคาญ
ก. จริงที่สุด
ข. ค่อนข้างจริง
ค. มีส่วนจริงอยู่บ้าง
ง. ไม่ค่อยจริง
จ. ไม่จริงเลย
2. ฉันว่าเขาควรทำให้ฉันมีความสุข เพราะนี่คือสิ่งที่คนรักกันมอบให้กัน
ก. จริงที่สุด
ข. ค่อนข้างจริง
ค. มีส่วนจริงอยู่บ้าง
ง. ไม่ค่อยจริง
จ. ไม่จริงเลย
3. ฉันว่าเขาน่าจะมีรสนิยมและความต้องการทางเพศแบบเดียวกันกับฉัน หรืออย่างน้อยก็เข้ากับฉันได้
ก. จริงที่สุด
ข. ค่อนข้างจริง
ค. มีส่วนจริงอยู่บ้าง
ง. ไม่ค่อยจริง
จ. ไม่จริงเลย
4. ฉันรู้ว่าเขามีความสามารถมากกว่าที่เห็นเพียงแต่ว่ามันยังซ่อนอยู่ภายใน และในอนาคตฉันก็หวังว่าเขาจะไปถึงจุดที่เขาจะพัฒนาให้ดีขึ้นได้ในที่สุด
ก. จริงที่สุด
ข. ค่อนข้างจริง
ค. มีส่วนจริงอยู่บ้าง
ง. ไม่ค่อยจริง
จ. ไม่จริงเลย
5. ฉันว่าเขาควรรู้ว่าฉันต้องการอะไรโดยไม่ต้องบอกหรือขอให้เขาทำให้
ก. จริงที่สุด
ข. ค่อนข้างจริง
ค. มีส่วนจริงอยู่บ้าง
ง. ไม่ค่อยจริง
จ. ไม่จริงเลย
6. ฉันมีความคาดหวังว่า เขาต้องมองเห็นคุณค่าและความหมายในชีวิตเช่นเดียวกับฉัน และมีส่วนร่วมไปกับฉันด้วย
ก. จริงที่สุด
ข. ค่อนข้างจริง
ค. มีส่วนจริงอยู่บ้าง
ง. ไม่ค่อยจริง
จ. ไม่จริงเลย
7. ฉันคาดหวังให้เขายังรักหรือยังรู้สึกดีต่อฉัน เขาไม่ควรมีเรื่องมาโกรธฉัน แล้วฉันก็เชื่อว่าเขาควรจะดีกับฉันมากกว่าที่เป็นอยู่
ก. จริงที่สุด
ข. ค่อนข้างจริง
ค. มีส่วนจริงอยู่บ้าง
ง. ไม่ค่อยจริง
จ. ไม่จริงเลย
8. เพื่อนของฉันสำคัญต่อฉัน ฉันว่าเขาควรจะชอบเพื่อนๆ ฉันด้วย
ก. จริงที่สุด
ข. ค่อนข้างจริง
ค. มีส่วนจริงอยู่บ้าง
ง. ไม่ค่อยจริง
จ. ไม่จริงเลย
9. เมื่อฉันต้องการให้เขาช่วยเหลือ ฉันก็หวังว่าเขาจะต้องช่วยได้ หรือใส่ใจในความต้องการของฉัน ไม่ว่าเขาจะมีเวลาหรือสามารถทำตามคำขอของฉันได้ไหม
ก. จริงที่สุด
ข. ค่อนข้างจริง
ค. มีส่วนจริงอยู่บ้าง
ง. ไม่ค่อยจริง
จ. ไม่จริงเลย
10. ผู้หญิงกับผู้ชายต่างกัน ฉันหวังว่าเขาจะมีความเชื่อเหมือนๆ กับฉันในเรื่องความแตกต่างระหว่างเพศ ระหว่างบทบาทและภาระหน้าที่
ก. จริงที่สุด
ข. ค่อนข้างจริง
ค. มีส่วนจริงอยู่บ้าง
ง. ไม่ค่อยจริง
จ. ไม่จริงเลย
เอาละถึงเวลาให้คะแนนตัวเองแล้ว ดูซิว่าคุณมีความคาดหวังแบบเพ้อฝันลมๆ แล้งๆ มากไปหรือเปล่า
เลือกข้อ ก หรือ ข ได้ 3 คะแนน
เลือกข้อ ค หรือ ง ได้ 1 คะแนน
เลือกข้อ จ ได้ 2 คะแนน
24-30 คะแนน
คุณคาดหวังจากเขาสูงมาก สูงแบบไม่อยู่บนพื้นฐานของความเป็นจริงเลยละ ถ้าเผลอทำไปแล้วล่ะก็คุณรู้ไหมว่านึกถึงแต่ตัวเองมากไปหน่อย แล้วคุณคาดหวังกับตัวเองในระดับนี้หรือเปล่าล่ะคะ ถ้าใช่แสดงว่าคุณก็เรียกร้องทั้งตัวเองและคู่ครองของคุณสูงไป หวังให้ทุกอย่างเพอร์เฟ็กท์ ไม่งั้นไม่เป็นสุข...เหนื่อยนา
16-23 คะแนน
คุณจัดอยู่ในประเภทตั้งตัวเองเป็นศูนย์กลาง ถ้าคุณได้คะแนนใกล้ 23 มาก คุณอาจจะต้องชวนเขามาลองแบบทดสอบนี้ด้วยกัน ถ้าเขาไม่ได้มีปัญหากับความคาดหวังของคุณที่มีต่อเขา ก็สบายไป ถ้าไม่ใช่แล้วละก็ อาจถึงเวลาที่คุณต้องลดระดับความคาดหวังลงมาเสียแล้วล่ะค่ะ
8-15 คะแนน
คุณค่อนข้างจะตั้งความหวังที่เป็นจริงจับต้องได้หน่อย คุณยอมรับได้ว่า เขาไม่ได้เป็นคน ประเภทเดียวกับคุณ แม้ความแตกต่างระหว่างคุณสองคนจะทำให้เจ็บปวดใจในบางเวลา แต่คุณก็ยังคงสามารถหลีกเลี่ยงที่จะไม่คาดหวังกับเขาในเรื่องที่ไม่ควรจะไปคาดหวังกับเขา
0-7 คะแนน
คะแนนน้อยนิดเช่นนี้ แสดงว่าคุณไม่ได้นึกถึงแต่ตัวเอง ยอมรับเขาได้ว่าเขาเป็นอย่างนี้ หรืออาจ แปลได้อีกอย่างว่า คุณไม่แคร์เขาเลยแม้แต่น้อย ก็เลยไม่คาดหวัง ถ้าคุณไม่เข้าข่ายประเภทหลัง ก็พอตีความได้ว่า คุณให้เขาเป็นตัวของตัวเองเต็มที่ คุณไม่ล้อมกรอบเขา โดยที่ตัวคุณเป็นศูนย์กลางแห่งความต้องการ คุณยังดูแลให้สิ่งที่คุณต้องการ เป็นภาระของตัวเองโดยไม่ต้องตกไปเป็นของเขาแต่เพียงผู้เดียว ดีใจด้วยค่ะ
ความคาดหวังในตัวของคู่ครอง ทำให้ใครๆ รู้สึกไม่เป็นสุขอย่างที่ควรจะเป็น ก็เพราะมักจะไปไม่ถึงฝั่งฝันเสียที แม้เรารู้ว่าความเปลี่ยนแปลงเป็นนิรันดร์ ก็ยังยากอยู่ดี ที่จะไม่ยึดติดกับเขาคนดีคนเดิมที่เรารัก เพราะเราหวังว่าเขาอาจเป็นข้อยกเว้น ความจริงก็คือเขาเปลี่ยนไปตามกาลเวลาเหมือนๆ กับเรานั่นแหละ
แล้วเราก็มีความเชื่อเป็นสูตรว่า คนที่แสดงออกว่ารักเรามากแปลว่ารักเรามาก แต่จริงๆ แล้วเขา ไม่ใช่คนที่ชอบแสดงออกนักหนา หรือตอนนี้เขาเป็นผู้ใหญ่ขึ้น จริงจังขึ้น การแสดงออกว่า รักคุณ ก็เปลี่ยนไป นิ่งๆ นั่งด้วยกันเงียบๆ สองคนก็มีความสุข อะไรทำนองนี้ละ เมื่อใช้ชีวิตอยู่ด้วยกัน ต้องมองเห็นความจริงข้อหนึ่งว่า บางเวลาเราต่างก็ให้ความสุขแก่กัน บางเวลาก็ทำเรื่องทุกข์ใจให้กัน อย่ามัวตั้งตาคอยให้เขาบันดาลสุขให้ ทำให้เขามีความสุขจะดีกว่า
ส่วนเรื่องบนเตียงก็ทำให้หลายคู่เตียงหักมาแล้ว เพราะการที่เราหรือเขาต้องการกุ๊กกิ๊ก แต่อีกฝ่ายไม่เห็นชอบด้วย การถูกปฏิเสธในเรื่องเพศสัมพันธ์ทำให้รู้สึกจ๋อย เพราะมันเหมือนบอกกันว่าฉันไม่ต้องการเธอ อันที่จริงความต้องการทางเพศบางครั้งก็ไม่ตรงกันทั้งเวลา อารมณ์ และรสนิยม ต้องฟลุคจัดถึงจะตรงกันเป๊ะไปทุกอณู เพราะฉะนั้นปรุงรสชาติ ที่เขาชอบบ้างเราชอบบ้าง ถ้อยทีถ้อยอาศัยกันดีกว่าค่ะ
คนเรามักจะเผลอตกหลุมรักในตัวเขาที่จะพัฒนาไปในอนาคต มากกว่าจะอยู่กับตัวจริงๆ ในปัจจุบัน ทำนองว่า ฉันรักคุณเพราะคุณเป็นคนที่ตรงสเป็กของฉันที่สุด ถ้า...คุณเลิกดื่มเหล้าแล้ว เอาจริงเอา จังกับอาชีพการงาน เลิกเจ้าชู้ ฯลฯ ทั้งๆ ที่เห็นทนโท่ว่า เจ้าประคุณเป็นแบบนี้ทั้งกายใจมาตลอด จะเปลี่ยนได้หรือเปล่ายังไม่รู้ แต่ก็หวังว่ามันจะเป็นไปได้ เรื่องนี้สำคัญสำหรับคุณมาก แต่เขาอาจรู้สึกว่าเล็กน้อยเท่านั้นเอง แล้วเขาอาจไม่ได้รู้เรื่องรู้ราวไปกับคุณด้วย ว่าเขาจำเป็นต้องพัฒนาตัวเองไปสู่คนที่คุณต้องการ จริงทีเดียวที่หากคู่ครองมองเห็นคุณค่าในเรื่องต่างๆ แบบเดียวกัน จะสร้างความสัมพันธ์ที่แข็งแรง และมีเหตุผลพอที่จะตั้งความคาดหวังจากอีกฝ่ายได้ แต่ต้องทบทวนด้วยว่าเป็นความเห็นพ้องต้องกันหรือบังคับให้อีกฝ่ายหนึ่งเห็นด้วยกันแน่
การบอกเขาว่าเราต้องการอะไร บางคนรู้สึกว่าความอิ่มเอมในสิ่งที่ได้รับไม่สุดๆ ไม่มีลุ้น "ฉันอยาก ได้กุหลาบ แต่อยากให้เขารู้ว่าฉันอยากได้โดยไม่ต้องมาถาม" ลองถ้าเชื่อแบบนี้เขาต้องมีอาชีพเป็นคนทรงเสียก่อนคุณถึงจะได้กุหลาบสมใจ แสดงออกให้เขารู้บ้างก็ได้ ใครจะทราบถ้าเรานิ่งเงียบอยู่ มัวลุ้นจนตัวโก่งไม่ได้ก็เก็บมาน้อยใจเป็นนาน สู้บอกไปตรงๆ แล้วได้ของถูกใจจะดีกว่าตั้งเยอะ ถ้าเขายังไม่ให้อีก ก็ถอนหายใจเฮือกนึงแล้วไปซื้อมาเองเถอะค่ะ สบายใจดี
เวลาทะเลาะกัน เรามักรู้สึกว่าเขาไม่น่าพูดหรือทำกับเราถึงขนาดนี้ เขาน่าจะดีกับเรามากกว่านี้ ไหนบอกว่ารักกันไง เวลาโกรธเรามักขาดความยั้งคิดสติหาย อาจทำเกินเลยไป (แบบซ้อมเช้าซ้อมเย็นไม่นับนะคะ) แต่ยังไงก็ยังรักกันอยู่น่ะแหละ ทำความเข้าใจในตัวเขาให้มากๆ อย่าตั้งความหวังไว้ว่าเวลาโกรธกันเขาต้องมาทะนุถนอมเราอยู่เหมือนในยามปกติ
อาจมีเรื่องอีกร้อยแปดที่เราคิดว่าเขาจะต้องเป็นเช่นดังหวัง หวังน้อยๆ ก็ผิดหวังน้อย สุขใจมากขึ้น แล้วในชีวิตแต่งงาน การสร้างครอบครัว ก็มีเรื่องอื่นให้น่าขบคิดอีกตั้งเยอะค่ะ
ป.ล. ยังไม่มีตอนจบของน้องชายมือใหม่หัดแต่งว่าจะแฮปปี้เอนดิ้งไหม ข่าวว่าหลังจากซึมไป ไม่กี่เดือน อาการดีขึ้นเป็นลำดับ ประมาณว่าต่างก็ปรับตัวปรับใจ และลดความคาดหวัง ของสาวเจ้าไปได้บ้าง
ข้อมูลจาก
ภาพประกอบทางอินเทอร์เน็ต
โดย : กองบรรณาธิการนิตยสาร life&family
