เรียบเรียงข้อมูลโดยกระปุกดอทคอม
จู่ๆ ก็ลุกขึ้นมาควงแขนสามีสุดเลิฟ"ตู่-นพพล โกมารชุน" ผู้จัดละครและเจ้าของค่าย "เป่า จิน จง" โผไปซบอก "นายประวิทย์ มาลีนนท์" บอสใหญ่ช่อง 3 หลังจากที่เคยทำละครให้กับช่อง 7 สีมานานแสนนาน ต่อมา "ซ้อนุช-ปรียานุช ปานประดับ" ก็ทำเอาหลายๆ คนเกิดอาการอยากรู้อยากเห็นขึ้นมาอีกซะงั้น เพราะเล่นออกมาประกาศว่าได้ทำพินัยกรรมเตรียม "ตาย" ไว้แล้ว หลังโดนโรครุมเร้าไม่หยุดไม่หย่อน และเชื่อว่าหลายคนงงไปตามๆ กัน เพราะใครจะเชื่อว่าอดีตรองนางสาวไทยขวัญใจคนไทยคนไทยอย่างเธอ จะมีช่วงชีวิตที่ไม่น่าเชื่อว่าเธอจะเป็นโรคภัยไข้เจ็บได้มากมายเหลือเกิน
ไล่ยาวตั้งแต่เด็กๆ ก็เป็น โรคหอบหืด, ไมเกรน, ปวดประจำเดือน, เนื้องอกที่มดลูก, ช็อคโกแล็ตซีสที่หน้าอก, เป็นเนื้องอกที่ข้อมือ, เข่าเสื่อมแบบเฉียบพลัน, โรคข้อ, เนื้อเยื่ออักเสบทั่วตัว และหนักสุดถึงขั้นพิการเดินไม่ได้ ต้องนั่งอยู่บนรถเข็นนานเป็นปีๆ แถมยังอยู่ในภาวะใกล้ตาย เพราะการปวดของเนื้อเยื่อทำให้ระบบหายใจไม่ได้ เกือบจะหัวใจวายเฉียบพลันอยู่หลายหน
นั่นแน่!เริ่มอยากว่าเพราะอะไรทำไมเธอถึงรอดชีวิตมาถึงทุกวันนี้ พร้อมๆ กับอยากรู้จักเธอแบบละเอียดยิบๆ แล้วใช่ไหม เอาเป็นว่าเราไปทำความรู้จักกับ "ปรียานุช ปานประดับ" กันดีกว่า...
ปรียานุช ปานประดับ เกิดวันที่ 18 ธันวาคม พ.ศ. 2506 ปัจจุบันอายุ 45 ปี จบการศึกษาจากโรงเรียนสาธิตปทุมวัน ได้รับทุนไปศึกษาที่รัสเซีย 2 ปี และกลับมาจบปริญญาตรีนิติศาสตร์บัณฑิต ที่มหาวิทยาลัยศรีปทุม เข้าสู่วงการนางงามโดยการเข้าประกวด "มิสไทยแลนด์เวิลด์ 2529" แต่เข้าถึงเพียงรอบ 10 คนสุดท้าย ต่อมาปี 2531 ปรียานุชก็เข้าประกวดนางสาวไทยและเป็นม้ามืดคว้าตำแหน่งรองอันดับ 1 โดยประกวดปีเดียวกับ "ภรณ์ทิพย์ นาคหิรัญกนก" ที่ได้ตำแหน่งนางสาวไทยไปครอง
ถัดมาปรียานุชได้รับสิทธิ์เป็นผู้แทนสาวไทยไปประกวด "มิสเอเชียแปซิฟิก" (Miss Asia Pacific) ซึ่งในการเก็บตัวที่เธอสามารถคว้ารางวัลมาได้ 2 รางวัลคือ บุคลิกภาพและขวัญใจช่างภาพ และในการประกวดรอบสุดท้ายปรียานุชก็คว้ามงกุฎ "Miss Asia Pacific" มาครองได้สำเร็จ พร้อมๆ กับพ่วงตำแหน่ง "ชุดประจำชาติยอดเยี่ยม" มาได้ด้วย ซึ่งหลังจากหมดตำแหน่งปรียานุชก็หันหน้าเข้าสู่เส้นทางบันเทิง และได้กลายเป็นทั้ง นักแสดง ผู้จัดละคร และผู้เขียนบทโทรทัศน์ โดยใช้นามปากกาว่า นายพันดี ที่แต่เธอก็ครองตัวเป็นโสดตลอดมา จนกระทั่งได้คบหาดูใจกับ "ตู่-นพพล โกมารชุน" นักแสดงและผู้กำกับชื่อดังจนถึงปัจจุบัน
อย่างไรก็ตาม ปรียานุช ได้เปิดใจถึงอาการป่วยว่าตอนแรกป่วยเป็นช็อกโกแลตซีสมดลูก ก็ต้องตัดมดลูกทิ้ง ทำให้มีผลข้างเคียงคือหันซ้าย-ขวา แล้วมึนๆ เบลอๆ วันหนึ่งดื่มน้ำ 4 ลิตร เข้าห้องน้ำ 1 ชั่วโมง เหมือนร่างกายไม่เก็บน้ำ ผิวแห้ง ใจเต้น เล็บมือ-เท้า ดำ ถึงขั้นเล็บหลุด หมอบอกขาดฮอร์โมนให้กินยาไทรอยด์ กินแล้วตัวบวม จนต้องหยุดยา จากนั้นไปผ่าตัดเนื้องอกที่หน้าอกและข้อมือ อันนี้โรคแปลกมากคือมือบวม บิดลูกบิดไม่ได้ เมื่อย หมอบอกแคลเซียมที่อยู่ระหว่างเส้นเอ็นไหลจากปลายประสาท พอมาสะสมมากๆ ทำให้ปวด ชา ต้องผ่าตัดแคะแคลเซียมออก จากนั้นข้อมืออักเสบ กายภาพบำบัด 6 เดือน มือข้างขวาใช้การไม่ได้ ต่อมาก็เจ็บเข่าหมอบอกเส้นเอ็นใกล้ขาด กระดูกอ่อนหุ้มลูกสะบ้าบางทำให้เป็นแผล หมอให้นั่งรถเข็น ต้องเปลี่ยนเข่าโดยใช้โลหะเทียมเคลือบไว้
"ตอนที่ปวดเข่าหมอเสนอให้ฉีดยาซึ่งเดินได้แค่ 3 เดือน ครบ 3 เดือน ปวดเข่า งอไม่ได้ มือเท้าชา แขนขาลีบ นิ้วมือจีบเข้าหากันคล้ายกับคนที่เป็นอัมพฤกษ์ เพราะแขนซ้ายไม่มีแรง ระยะทางการเดินสั้นลง 20 ก้าวเท่านั้น ต่อมาปวดข้อ เจ็บตามตัว หมอบอกภาวะเส้นเอ็นบางมาก ช่วงหลังมีหมอดูแล 5 คน คือ หมอดูแลกระดูก, เส้นเอ็น, มดลูก, ฝังเข็ม และหมอดูแลยานอนหลับ ตามมาด้วยอาการแพ้ยาอีก 7 ชนิด อวัยวะทุกส่วนปั่นป่วนไปหมด" ซ้อนุช กล่าว
อดีตนางเอกคนดัง เปิดใจต่อว่า ตอนที่เป็นหนักๆ ก็คิดว่าตายก็ดี คือไม่ได้กลัวตายนะ อยากตาย ถ้าเกิดการตายมันมีความสุข นุชคิดว่าคนตายต้องมีความสุข อาจจะกลัวความเจ็บปวดจากการใกล้ตายมากกว่า แต่เพราะนุชปวดทรมานมานานแล้ว ก็เตรียมตัวตายมีการทำพินัยกรรม ก็สั่งเสียต่างๆพี่ตู่ควรทำอย่างไร สั่งเสียจนพี่ตู่เขาเบื่อว่าเมื่อไหร่จะตายซะที (หัวเราะ) นุชรู้สึกว่าลมหายใจแต่ละลมหายใจมันสำคัญ ในระหว่างที่มีลมหายใจนุชจะทำแต่สิ่งที่มีความสุข แต่ตอนนี้โชคดีค่ะ อาการดีขึ้นตามลำดับ อาการต่างๆ ทุเลา เดินได้เองหลังจากที่เดินไม่ได้มาปีสองปี เพราะมีคนเข้ามาทักให้ไปฝังเข็ม ทานยาจีน ล่าสุดมาทานสมุนไพรไทย ก็ทานได้สักพักก็ดีขึ้น ไม่มีอาการปวด เหมือนเราเข้ามาสู่ธรรมชาติบำบัด ตอนนี้ก็เลยดีขึ้นเยอะ บางครั้งด้วยความที่หน้าตาไม่เหมือนคนป่วย บางคนจะไม่รู้เลยว่าเราเป็นอะไร
ขณะที่เฮียตู่-นพพล กล่าวถึงภรรยาสุดสวยว่า ตอนนี้เขาเป็นกี่โรคบอกไม่ถูก กระจุกกระจิก มีทั้งโรคกระดูกเสื่อม ข้อเข่าเสื่อม แคลเซียมไหลออกจากกระดูกมารวมตัวกัน เกาะเป็นก้อนต้องผ่าออก โรคที่หนึ่งในล้านคนจะเป็นกัน อีกทั้งยังมีโรค เอสแอลดี ที่หมอให้ไปตรวจ ไหนจะโรคเก่า วันนี้อยากมา แต่พอเช้าขึ้นเวียนหัว นี่กลางคืนวิ่งทำเองหมด น้ำสมุนไพรเอย อะไรเอย ตอนนี้อาการดีขึ้นมาก แต่หมอห้ามกระโดด ซึ่งท่าทางจะห้ามไม่ได้ เพราะปกติเธอจะเป็นคนแบบว่าโรคพลังงานเหลือเฟือไฮเปอร์มาก ก็อยากให้เขาหยุดทุกอย่าง ไม่ต้องทำอะไรทั้งสิ้น
ข้อมูลจาก
Jsl
ภาพประกอบจาก หนังสือพิมพ์คมชัดลึก