สมบัติ-กาญจนา เมทะนี รักเราไม่เก่าเลย

สมบัติ-กาญจนา เมทะนี


          จากความประทับใจในวัยเด็ก ก่อร่างให้รักของ "คุณแอ๊ด-สมบัติ และ คุณตุ๊-กาญจนา เมทะนี" ผูกพันยาวนานจนย่างสู่ปีที่ 48 ทั้งคู่มีวิธีถนอมรักให้เพิ่มขึ้นด้วยความซื่อสัตย์ อดทน และให้เกียรติซึ่งกันและกัน จึงน่าจะเป็นแบบอย่างที่ดีสำหรับคู่รัก และครอบครัวทุกครอบครัว

          คุณแอ๊ด-สมบัติ ย้อนเล่าถึงครั้งแรกที่พบกับคุณตุ๊-กาญจนาว่า เราเจอกันตั้งแต่สมัยเป็นเด็ก เพราะเราเป็นคนในละแวกบ้านเดียวกัน ตรงบ้านพักข้าราชการกรมรถไฟหลวง (การรถไฟแห่งประเทศไทย แถวอุรุพงษ์ เดิมทีเขาเรียกว่า บ้านพักรถไฟสามเหลี่ยมจิตลดา สมัยก่อนตรงนั้นสวยมากมีทิวสนขึ้นสูงเรียงราย และตรงกลางเป็นสระน้ำขนาดใหญ่

          ระหว่างย้อนนึงถึงบรรยากาศในสถานที่เดิมๆ ที่ทั้งคู่ได้พบกัน คุณแอ๊ดถึงกับท่องบทรำฟัง รำพันจากวรรณกรรมเรื่องกามนิต-วาสิฏฐีขึ้นมา จนคุณตุ๊ที่นั่งอยู่ข้างๆ ยิ้มและเอ่ยปากชมถึงความช่างจำและเรื่องราวประทับใจที่ได้พบเห็นร่วมกันพร้อมเสริมว่า คุณพ่อของเราสองคนเป็นข้าราชการการรถไฟฯ และยังเป็นเพื่อนสนิทกันด้วย ส่วนเราเป็นเพื่อนสนิทและอยู่โรงเรียนเดียวกับน้องสาวของเขา ไปวิ่งเล่น สลับกันไปทานข้าวที่บ้านของแต่ละคนเหมือนกัน แต่ตอนนั้นยังเด็กต่างคนก็ยังไม่ได้คิดอะไร

          เมื่อทั้งคู่เข้าสู่วัยหนุ่มสาว ซึ่งตอนนั้นคุณแอ๊ดอายุได้ประมาณ 20 ปี ส่วนคุณตุ๊กำลังเข้าสู่วัยสาวเต็มตัว ก็มีเหตุการณ์ที่ทำให้คุณแอ๊ดรู้สึกประทับใจเห็นน้ำใจตัวคุณตุ๊ และจุดประกายให้เรื่องราวความรักของทั้งคู่เกิดขึ้นเหตุการณ์นี้คุณแอ๊ดจำได้ดี

          "วันเสาร์-อาทิตย์ผมต้องซักเสื้อผ้า มีอยู่วันหนึ่งผมซักผ้าตากแดดไว้ตั้งใจว่าจะมารีดตอนหลัง แต่ปรากฏว่าพอกลับมาเห็นว่าเสื้อผ้ารีดไว้เรียบร้อยแล้ว ถามน้องสาวว่าเขารีดให้ผมหรือเปล่า เขาก็บอกว่าเขาไม่ได้รีด พร้อมกับชี้บอกว่าคุณตุ๊เป็นคนรีดให้ ตอนนั้นคุณตุ๊เขาก็นั่งเขินอยู่ข้างๆ ผมก็เริ่มคิดว่าเขาเป็นเด็กมีน้ำใจ แต่ตอนนั้นก็ยังไม่ได้คิดอะไร" คุณแอ๊ด กล่าว

          คุณตุ๊รีบเสริมขึ้นมาทันทีว่า ไม่ได้นั่งเขิน แต่พอเห็นผู้ชายนั่งซักผ้า ทำงานบ้านแล้วรู้สึกขำ (หัวเราะ) เพราะเราเลี้ยงมาผิดกัน ที่บ้านลูกสาวทุกคนต้องเก่งงานบ้าน ส่วนผู้ชายไม่ต้องทำอะไร พอมาเห็นเขาทำเราก็รู้สึกตลก แต่ตอนนั้นเราก็ยังไม่ได้มีใจให้กับเขา

          คุณแอ๊ดหัวเราะพร้อมพูดเชิงทีเล่นทีจริงว่า "ตอนนั้นเขาอาจจะคิดแล้วนะ" คุณตุ๊รีบพูดขึ้นมาบ้างว่า "โอ้ย...ยังๆ (หัวเราะ) ตอนนั้นแฟนเขาเยอะ"


          ไม่ใช่เพียงเหตุการณ์ครั้งนั้นที่ทำให้ทั้งคู่พูดคุยกัน เพราะนอกจากนั้นทั้งคู่ยังชอบฟังเพลงแบบเดียวกัน จึงคุยกันถูกคอ และทำให้สนิทสนมกันมากขึ้น

          "เราฟังเพลงมาด้วยกันทุกยุคทุกสมัย จนเริ่มใกล้ชิดกันมากขึ้นเรื่อยๆ ตอนนั้นผมอายุแค่ 21 ปี ส่วนคุณตุ๊อายุประมาณ 16 ปี ก็คบกันมาจนก่อเกิดเป็นความรัก พอผมเรียนจบทำงานเป็นพนักงานบริษัทเอกชนได้หนึ่งปีเราก็แต่งงานกัน ตอนนั้นเขาอายุ 17-18 เรียนจบพอดี" คุณแอ๊ด กล่าว

          คุณตุ๊เสริมต่อว่า ตอนนั้นไม่ได้คิดด้วยซ้ำว่าตัวเองจะแต่งงานเร็ว คิดว่าอย่างน้อยน่าจะจบปริญญาโทก่อน แต่ผู้ชายคนนี้ทำให้เราเปลี่ยนใจ ตอนนั้นคิดว่าความรู้สึกดีๆ มันคงค่อยๆ ซึมเข้ามา จนมาคุยถูกคอ รู้สึกว่าอยู่ใกล้เขาแล้วอบอุ่น เราคิดว่าถ้าเราเรียนไปแล้วเราจะเจอคนอื่นที่ดีเท่านี้ไหม อีกอย่างตอนนั้นเขาก็แต่งตัวแบบที่เราชอบเลย ใส่เสื้อเชิ้ตแขนยาวสีขาว สวมกางเกงยีนส์ เราชอบมาก

          ดูเหมือนชีวิตคู่ก็ราบรื่นเรื่อยมา จนกระทั่งต่อมาคุณแอ๊ดมีโอกาสได้เข้าสู่วงการบันเทิง และได้เป็นพระเอกละคร พระเอกหนัง มีผลงานการแสดงมากมาย มีชื่อเสียงโด่งดัง จนเป็นที่รู้จักของคนทั่วไป แต่กลับไปมีใครทราบว่าคุณแอ๊ดแต่งงานมีครอบครัวแล้ว เนื่องจากในอดีตจะต้องปิดเรื่องเหล่านี้ไว้เป็นความลับ

          คุณตุ๊ในฐานะคนสำคัญหลังบ้านที่ต้องเก็บตัวเงียบอยู่นานจึงพูดขึ้นว่า เราเป็นคนว่าง่าย ตอนที่ต้องปิดเป็นความลับอยู่ 13 ปี รู้สึกชอบมาก เพราะไม่มีใครรู้จักเรา อีกอย่างคือเราไม่ชอบบออกงาน และเราก็มั่นใจว่าเขารักเรา เราก็รักเขา และถ้าเราดีขนาดนี้แล้ว เราคงไม่ลำบาก

          คุณแอ๊ดเสริมขึ้นบ้างว่า ช่วงนั้นผมรู้สึกอึดอัดเหมือนกัน เพราะต้องโกหกตลอด มันก็ไม่บายใจ และคิดว่าเป็นความผิดมาก แต่เป็นสิ่งจำเป็น เพราะถ้าบอกว่าแต่งงานแล้ว งานจะไม่มีเข้ามาเลย สมัยก่อนคนดูเขายังยึดติดกับตัวดารามาก เขาก็ต้องยอมรับว่าเขาต้องอยู่กับบ้าน จะออกไปไหนด้วยกันก็ไม่ได้ มีงานตุ๊กตาทองอยู่ปีหนึ่งที่ไปด้วยกัน แต่ต่างคนต่างไป เขาไปกับเพื่อนของเขา ผมก็ไปกับเพื่อนของผม แล้วถึงไปสลับคู่เต้นรำกันงาน ซึ่งคนทั่วไปก็ไม่รู้
หลังจากปิดบังเรื่องครอบครัวมายาวนานถึง 13 ปี จนต่อมามีหนังสือดาราฉบับหนึ่ง ลงเรื่องคุณแอ๊ดมีครอบครัวแล้ว ทุกคนก็ฮือฮากันมาก จนคุณแอ๊ดคิดว่าคงต้องจบบทบาทในวงการแสดงไว้เพียงเท่านี้ ทั้งๆ ที่ตอนนั้นกำลังโด่งดังอย่างมาก แต่ผลกลับตรงกันข้าม


          "กลายเป็นว่าคนเอ็นดูครอบครัวของเรา ชมว่าลูกๆ ของเราน่ารัก ตอนนั้นมี อั๋น กับ อั้ม แล้ว และผมก็ไม่เคยเจ้าชู้ หรือมีข่าวว่าไปกุ๊กกิ๊กกับใคร จนมีหนังสือพิมพ์บางฉบับบอกว่าผมเป็นเกย์ เป็นตุ๊ดหรือเปล่า (หัวเราะ)" คุณแอ๊ด กล่าว

          คุณตุ๊เองก็ได้รับความสนใจจากคนทั่วไปมากขึ้น เพราะคุณตุ๊เล่าว่า พอหนังสือพิมพ์ลงว่าเขามีลูก มีเมียแล้ว ก็มีคนมากดออดหน้าบ้านขอดูว่าหน้าตาเราเป็นอย่างไร บังเอิญว่าพอขายได้ (หัวเราะ)

          สำหรับครอบครัวเมทะนีคุณแอ๊ดเป็นคุณพ่อต้นแบบ สำหรับวงการบันเทิงคุณแอ๊ดเป็นพระเอกยอดนิยมตลอดกาล กับบทบาทล่าสุดในแวดวงการเมืองคุณแอ๊ดดำรงตำแหน่งเป็นสมาชิกสภานิติบัติญัติแห่งชาติ และแน่นอนว่าในความรู้สึกของครอบครัวหลายๆ ครอบครัว คุณแอ็ดเป็นโลโก้ของแฟมิลี่แมนตัวจริง

          "ผมคิดว่าการครองชีวิตคู่ให้ได้อย่างยาวนานนั้น ความรักเป็นต้นเหตุของทุกสิ่ง นอกจากนี้ยังต้องเอาใจใส่ ให้เกียรติซึ่งกันและกันไม่ปิดบังกัน รวมไปถึงเราต้องให้เกียรติไปถึงพ่อ-แม่ ญาติพี่น้องของแต่ละฝ่ายด้วย ทุกวันนี้ผมมักได้รับเชิญให้ไปพูดเรื่องวิธีถนอมความรัก การใช้ชีวิตอยู่เสมอ" คุณแอ๊ด กล่าว


          การครองชีวิตคู่ร่วมกันมาอย่างยาวนาน ทำให้ทุกวันนี้ต่างฝ่ายต่างพยายามดูแลเอาใจใส่ซึ่งกันและกันเป็นอย่างมาก นั่นเป็นเพราะต่างเข้าใจในหลักความแน่นอนคือความไม่แน่นอน ซึ่งคุณตุ๊เองก็บอกว่ายิ่งรักคุณแอ็ดเพิ่มขึ้นทุกวันๆ

          "เราดูแลกันตลอด จนหลังๆ นี้มีบกพร่องบ้างหรือเปล่าก็ไม่รู้ (เอียงหน้าเหมือนตั้งคำถามกับคุณแอ๊ด) ใจของเราสองคนตรงกัน อะไรก็ตามที่เขาอยากได้เราพยายามแสวงหา หรือถ้าเขารู้ว่าเราอยากได้อะไรเขาก็ไปแอบไปซื้อมาให้เรา ยิ่งช่วงนี้รู้ว่าเวลาที่เราจะอยู่ด้วยกันมันน้อยลงเรื่อยๆ เพราะว่าเราไม่รู้ว่าใครจะไปก่อนใคร" คุณตุ๊ กล่าว

          คุณแอ๊ดแทรกขึ้นบ้างว่า "พยายามอยากจะไปก่อน (หัวเราะ)" แล้วคุณตุ๊ก็พูดขึ้นมาอีกครั้งว่า เกี่ยงกันไปก่อน ไม่อยากร้องไห้ อะไรที่เรายอมให้เขาได้เราก็ยอม และแสดงออกในสิ่งที่เรารู้สึกกับเขา เราไม่ได้นึกว่าเราอายุขนาดนี้แล้วเป็นสิ่งน่าเกลียดที่จะบอกรักสามี หรือสามีจะบอกรักภรรยา นี่คือยาชูกำลัง บางทีเขานั่งทำงานอยู่ เราก็มองแก้มเขา บอกว่าผู้ชายคนนี้น่ารักดี เดินไปหอมแก้มเขา แล้วบอกว่ารักพ่อนะ เราแนะนำให้คนอื่นทำด้วย เพราะว่ารูปโฉมเรามันเปลี่ยนไปแล้ว แต่สิ่งที่เราจะภูมิใจคือหัวใจของกันและกัน ซึ่งบางคนก็ไม่เห็นหัวใจของกันและกันอีก เราก็แสดงออกเลย แกล้งนั่งตักเขาบ้าง เขาจะบอกว่าตัวเราหนัก เราก็จะล้อว่าสมัยก่อนเวลาเราเดินผ่านดึงเรานั่งตัก แต่พอตอนนี้พอเรานั่งทำบ่น เราสองคนอยู่ด้วยกัน ใครหลับก่อนก็ตาม อีกคนจะต้องคลำหามือของอีกคนแล้วจับมือนอนหลับ ทำแบบนี้มาตลอด

          ในวาระและวันพิเศษต่างๆ ของทั้งคู่ ก็ยังคงมีเรื่องราวโรแมนติกกันอยูเสมอ คุณตุ๊บอกว่า โอ๊ย...วันพิเศษต่างๆ โรแมนติกกันน่าดู เขาแอบซื้อของกับลูกแล้วเอามาให้ หรือวันวาเลนไทน์ก็จะมีการ์ดส่งมาทางไปรษณีย์ ต่างคนต่างซื้อแล้วแอบส่งให้กัน ดอกกุหลาบดอกแรกที่เขาให้ก็ยังอยู่

          ทั้งคุณแอ๊ดและคุณตุ๊ถือเป็นต้นแบบที่ทุกครอบครัว และคู่รักหลายๆ คู่น่าจะยึดถือเป็นแบบอย่าง โดยเฉพาะคู่รักในวงการบันเทิงหลายๆ คู่ที่ตัดสินใจแต่งงานกันอย่างรวดเร็ว แล้วไม่นานชีวิตคู่ก็ไม่ประสบความสำเร็จ คุณแอ็ดมีข้อแนะนำว่า หนุ่ม-สาวที่แต่งงานแล้วแตกกันง่าย เป็นเพราะแต่ละฝ่ายต่างมีทิฐิ เรื่องนิดเดียวไม่เป็นเรื่อง ดังนั้น ถ้าโกรธกันอย่าให้เกินหนึ่งวัน เพราะถ้าเกินแล้วมันจะข้ามไปเรื่อยๆ 

          โดยคุณตุ๊เสริมปิดท้ายไว้เป็นข้อคิดพิเศษเฉพาะคนในวงการบันเทิงว่า น่าเสียดาย ถ้าเขาคิดให้นานกว่านี้เขาจะมีชีวิตที่มีความสุขมาก ทุกวันนี้ความอดทนของแต่ละคนจะน้อย นักแสดงเดี๋ยวนี้ทิฐิเยอะมาก ฉันหาเงินได้ เธอก็หาเงินได้ หลังๆ เวลาเด็กๆ แต่งงานกันเราไม่ค่อยอยากไป แต่งแล้ว 4-5 เดือนก็เลิกกัน

          อีกสองคำที่ทั้งคู่ฝากทิ้งท้ายไว้เป็นแง่คิดง่ายๆ คือ "อย่าทิ้งคำว่า ขอโทษ กับ ขอบคุณ" ทำผิดต้องขอโทษ หรือถ้าคนรักทำอะไรให้เราก็ขอบคุณให้กำลังใจเขา...เป็นสองคำที่ทำไม่ยาก แต่ก็เป็นสองคำที่ทำให้รักไม่เป็นรักมาแล้วเหมือนกัน


ข้อมูลและภาพประกอบจาก


เรื่องที่คุณอาจสนใจ
สมบัติ-กาญจนา เมทะนี รักเราไม่เก่าเลย อัปเดตล่าสุด 21 กรกฎาคม 2551 เวลา 14:40:33 32,562 อ่าน
TOP
x close