
ม.3 แทง ม.5 รุ่นพี่โรงเรียนดังฉะเชิงเทราดับสยอง หลังทั้งสองเกิดเขม่นกลางโรงเรียน เกิดชกต่อยกัน ม.3 สู้ไม่ได้ ชักมีดกระหน่ำแทงลำคอ ช่องท้อง หน้าอก และหลัง รวม 7 แผลจนล้มลง น้องฝาแฝดพร้อมเพื่อนเห็นรีบแจ้งอาจารย์ นำส่งโรงพยาบาล ทนพิษบาดแผลไม่ไหว สิ้นใจในห้องไอซียู หลังก่อเหตุมือมีดวิ่งซ้อนท้ายจักรยานยนต์ ที่เพื่อนติดเครื่องรออยู่หลบหนี แฉทั้งสองเคยมีเรื่องกันมาก่อน แม่ร่ำไห้ปิ่มใจจะขาด เผยลูกชายเป็นคนดี ไม่เกเร ขยันเรียน เป็นนักฟุตบอลของโรงเรียน
เมื่อเวลา 12.10 น. วันที่ 1 สิงหาคม ร.ต.ท.ธงชัย วงศ์บุดดา ร้อยเวรสอบสวน สภ.เมืองฉะเชิงเทรา รับแจ้งว่ามีเหตุนักเรียนทะเลาะวิวาทชกต่อยและใช้มีดคัตเตอร์ทำร้ายกันได้รับบาดเจ็บ ที่โรงเรียนเบญจมราชรังสฤษฎิ์ 2 (ดอนทอง) หมู่ที่ 12 ต.บางตีนเป็ด อ.เมือง ฉะเชิงเทรา หลังรับแจ้งจึงรุดไปสอบสวน
ในที่เกิดเหตุพบรอยเลือดหยดเป็นทางจากบันไดทางขึ้นตึกกลางไปจนถึงชั้นที่ 3 ที่บริเวณหน้าห้อง 234 มีเลือดกองใหญ่ ส่วนผู้ได้รับบาดเจ็บทราบว่าคณะครูอาจารย์และเพื่อนนักเรียนนำส่งโรงพยาบาลโสธราเวช ก่อนหน้าแล้ว ทราบชื่อ นายวิทธวัส หรือ โจ แดงสำราญ อายุ 17 ปี นักเรียนชั้น ม.5/3 มีบาดแผลถูกแทงด้วยมีดคัตเตอร์เข้าที่ลำคอด้านซ้าย 1 แผล ช่องท้อง 2 แผล หน้าอกซ้ายและขวา และด้านหลัง รวม 7 แผล และเสียชีวิตในห้องฉุกเฉินของโรงพยาบาล โดยที่หน้าอกซ้ายเป็นแผลฉกรรจ์ลึกถึงขั้วหัวใจ ส่วนผู้ที่ก่อเหตุคือ นายเอ (นามสมมติ) อายุ 15 ปี นักเรียนชั้น ม.3/7 โรงเรียนเดียวกัน หลังก่อเหตุหลบหนีไป
นายวรพงศ์ ตัณฑ์เจริญรัตน์ รองผู้อำนวยการโรงเรียนเบญจมราชรังสฤษฎิ์ 2 กล่าวว่า รับทราบเรื่องดังกล่าว และโทรศัพท์รายงานให้ นางสาลี เกษมรัติ ผู้อำนวยการโรงเรียนเบญจมราชรังสฤษฎิ์ 2 ทราบแล้ว ต่อมาได้รับรายงานจากแพทย์ว่าผู้บาดเจ็บเสียชีวิตแล้ว จึงรายงานให้ ผู้นวยการสำนักงานเขตพื้นที่การศึกษาฉะเชิงเทรา เขต 1 รับทราบเรียบร้อยแล้ว
ต่อมา นางสาลี พร้อมครูฝ่ายปกครองและเพื่อนนักเรียนจำนวนหนึ่งเดินทางไปที่ โรงพยาบาลโสธราเวช เพื่อรับศพ ทุกคนต่างเศร้าโศกเสียใจกับเหตุการณ์ที่เกิดขึ้น โดยเฉพาะนางสำเริง แดงสำราญ อายุ 51 ปี อยู่บ้านเลขที่ 50 หมู่ที่ 3 ต.คลองประเวศ อ.บ้านโพธิ์ จ.ฉะเชิงเทรา มารดาของนายวิทธวัสร่ำไห้กอดศพลูกชายอย่างน่าเวทนา โดยมีญาติพี่น้องต้องช่วยกันปลอบ
นางสำเริง กล่าวทั้งน้ำตาว่า มีลูกชาย 3 คน นายวิทธวัส หรือ โจ เป็นฝาแฝดกับ นายณัฐวุฒิ หรือ เจ แดงสำราญ อายุ 17 ปี ทั้งสองคนเรียนอยู่ชั้น ม.5/3 โรงเรียนเบญจมราชรังสฤษฎิ์ นอกจากนี้ ยังมี ด.ช.วุฒิพงศ์ หรือ เจมส์ แดงสำราญ อายุ 13 ปี เรียนอยู่ชั้น ม.2/4 โรงเรียนเดียวกัน ตนมีอาชีพค้าขายอยู่ที่โรงงานรอยัลโอห์ม ใกล้กองพลทหารราบที่ 11 ค่ายพระนั่งเกล้า ส่วนลูกทั้ง 3 คนให้พักอยู่กับอาที่หมู่บ้านวงศกร ด้านหลังห้างสรรพสินค้าคอมเพล็กซ์ ขณะขายอยู่นายเจโทรศัพท์ไปบอกว่าโจถูกทำร้าย ขณะนี้อยู่ที่โรงพยาบาลโสธราเวช จึงรีบไปดูลูก เมื่อไปถึง ทราบว่าลูกชายเสียชีวิตแล้ว ปกติลูกชายไม่เคยเป็นคนเกเร ตั้งใจเรียนหนังสือ ชอบเล่นกีฬาฟุตบอลมากที่สุด เป็นกองหน้าของทีมฟุตบอลโรงเรียนด้วย ไม่น่าอายุสั้นเลย
ด้าน นายณัฐวุฒิ เล่าว่า ก่อนเกิดเหตุหลังพักรับประทานอาหารกลางวัน ตนพร้อมด้วยพี่ชายและเพื่อนประมาณ 6 คน ซึ่งเป็นนักกีฬาฟุตบอลของโรงเรียน กำลังเดินไปที่ห้องเรียนชั้นที่ 3 เพื่อเก็บของเตรียมตัวไปแข่งฟุตบอลที่สนามโรงเรียนพุทธโสธร ขณะเดินผ่านหน้าห้อง 234 ชั้น 3 พบกับนายเอ นักเรียนชั้น ม.3/7 ซึ่งไม่ค่อยจะถูกกับพี่ชายยืนอยู่ที่หน้าห้อง เกิดการเขม่นและท้าทายกัน จนกลายเป็นเรื่องชกต่อยกัน ตนและเพื่อนเห็นว่าควรปล่อยให้ต่อยกันตัวต่อตัว แต่นายเอสู้ไม่ได้ ชักมีดคัตเตอร์ที่พกติดตัวมากระหน่ำแทงพี่ชายหลายครั้งจนล้มลง เมื่อเข้าไปดูกลับพบว่าถูกแทงเข้าที่ลำตัวหลายแผล เลือดไหลนองพื้น จึงวิ่งตามมือมีดรุ่นน้องไป เมื่อไปถึงประตูโรงเรียน พบว่ามีเพื่อนของผู้ก่อเหตุ ขี่รถจักรยานยนต์ ติดเครื่องรออยู่แล้วและซ้อนท้ายกันขับขี่หลบหนีไปอย่างรวดเร็ว ส่วนสาเหตุทราบว่าผู้ตายเคยมีเรื่องเขม่นกันมาก่อน จากนั้นตนจึงแจ้งให้ครูทราบและพากันนำส่งโรงพยาบาล แต่พี่ชายก็มาเสียชีวิต สำหรับนายเอชอบทำตัวเป็นขาใหญ่ มีเรื่องกับนักเรียนเกือบทั้งโรงเรียน
นางสาลี กล่าวว่า รู้สึกเสียใจกับเหตุการณ์ที่เกิดขึ้น ขณะเกิดเหตุช่วงพักกลางวัน ทราบว่ามีนักเรียนวิวาทชกต่อยกัน และมีการใช้มีดคัตเตอร์ทำร้ายกันด้วย ทำให้นักเรียนคนหนึ่งได้รับบาดเจ็บ และช่วยกันนำส่งโรงพยาบาล และเสียชีวิตในเวลาต่อมาเพราะบาดแผลฉกรรจ์ ถูกแทงเข้าบริเวณที่สำคัญ อย่างไรก็ตาม ตนรายงานเรื่องให้ผู้อำนวยการสำนักงานเขตพื้นที่การศึกษา เขต 1 และหน่วยงานที่เกี่ยวข้องทราบแล้ว
ขอขอบคุณข้อมูลและภาพประกอบจาก






