x close

พื้นที่ ของแม่ ... ความรู้สึกของลูกที่มีต่อแม่

i love mom



          ผมไม่ได้เจอหน้าแม่มานานมากแล้ว! หลังจากที่พ่อตัดสินใจขายบ้านในกรุงเทพฯ แม่กับน้องก็ติดตามพ่อไปลงหลักปักฐานอยู่ที่จังหวัดขอนแก่น ขณะที่ผมเลือกจะสนุกสนานอยู่กับแสงสีของเมืองใหญ่เพียงลำพัง ทันทีที่จัดการเรื่องเรียนของน้องทั้งสองคนเรียบร้อย แม่ก็เริ่มมาจัดการกับอาชีพใหม่ของตัวเองในเมืองดอกคูน แม่ได้รับการชักชวนจากอาม่าให้ไปเป็นผู้ช่วยของท่านในการปรุงและขายอาหาร  


          อาม่ามีร้านข้าวแกงเล็กๆ ตั้งอยู่ที่โรงอาหารของโรงเรียนประจำจังหวัด และด้วยอายุที่มากขึ้น ประกอบกับกำลังวังชาที่ถดถอยลง ท่านจึงกำลังจะตัดใจทิ้งร้านนี้เพื่อที่จะไปดูแลร้านรับถ่ายเอกสารในมหาวิทยาลัยขอนแก่น ซึ่งน่าจะเหมาะกับหญิงชราอย่างท่านมากกว่า


          หลังจากแม่เข้าไปเป็นลูกมือให้อาม่า ไม่นานลูกค้าเก่าของอาม่าก็หันมาติดใจฝีมือปรุงอาหารของแม่เป็นทิวแถว นั่นทำให้อาม่ายิ้มได้ และลดบทบาทของตัวเองลงมาเป็นแค่ผู้ให้คำปรึกษา ร้านข้าวแกง "ป้าเกียว" ของอาม่า จึงกลายเป็น ร้านข้าวแกง "น้าจิ๋ม" ของแม่ไปโดยปริยาย


          ช่วงนั้นครอบครัวเราจึงมีรายได้เข้ามาสองทาง จากงานศิลปะของพ่อ และร้านข้าวแกงของแม่ และที่น่ารักไปกว่านั้นก็คือ ในช่วงเย็นแม่ยังไปเปิดร้านหมูสะเต๊ะข้างทางอยู่แถวริมบึงแก่นนครอีกด้วย ทุกๆ เย็นคนแถวนั้นจึงเห็นภาพสามี-ภรรยาช่วยกันเสียบไม้และปิ๊งหมูสะเต๊ะกันอย่างชินตา รวมไปถึงลิงทโมนสองตัวที่เล่นซนไปเสิร์ฟหมูสะเต๊ะไปด้วยรอยยิ้มและเสียงหัวเราะ   


          ความสุขน่าจะกลับมาหาครอบครัวเราอีกครั้ง ถ้า "โรคร้าย" ไม่พรากพ่อจากเราไป...เราทุกคนจมอยู่กับความสูญเสียเมื่อพ่อไม่อยู่อีกแล้ว แม่เป็นคนแรกที่กัดฟันกลับคืนสู่สภาพปกติได้เร็วที่สุด ถึงกระนั้นร้านหมูสะเต๊ะก็ต้องปิดกิจการลง เพราะขาดลูกมือที่รู้ใจ แต่แม่ก็หันไปทำ "ขนมปั้นขลิบ" ส่งขายตามร้านเพื่อทดแทนรายได้ที่ขาดหายไป


          แม่ยังคงคิดถึงพ่ออยู่เสมอ ทุกคืนท่านนอนกอดเสื้อยืดเก่าๆ ของพ่อเป็นประจำ แต่หลังจากช่วงเวลานั้นภาพผู้หญิงอ่อนไหวนอนน้ำตาซึมกอดเสื้อของชายอันเป็นที่รัก ก็จะกลับกลายเป็นหญิงแกร่งที่ทำงานอย่างแข็งขัน โดยที่ไม่แสดงความรู้สึกเหน็ดเหนื่อยออกมาให้ใครเห็นเลยสักนิด


          อนาคตของลูกทั้งสามสั่งให้แม่ทำงานหนักเท่าที่แรงจะมี จากอดีต "นางงามบ้านโป่ง" ที่เลื่องลือในตอนนั้น กลับกลายเป็น "แม่บ้านโทรมๆ" ในตอนนี้ไปเสียแล้ว


          ครั้งล่าสุดที่ผมเจอแม่ ปลายจมูกของท่านมีแผลไหม้ปรากฏ "พอดีทอดไก่แล้วน้ำมันกระเด็นมาโดน" แม่เล่าถึงสาเหตุที่ทำให้ความสวยของท่านสร่างลง "ทำไมไม่หาครีมมาทาล่ะ เดี๋ยวก็เป็นแผลเป็นหรอก" สิ้นเสียงผม แม่ส่ายหน้าก่อนจะบอกว่า "ไม่ได้ใช้ครีมมาหลายปีแล้ว สิ้นเปลืองเปล่าๆ เดี๋ยวมันก็หาย แผลแค่นี้จะโวยวายไปทำไม" ผมเฉยๆ แล้วเฉไฉไปเรื่องอื่น เพราะดูทีท่าของแม่แล้ว ถ้าไม่เปลี่ยนเรื่องเราคงต้องคุยเรื่องนี้กันอีกยาว            


          กว่าสิบปีแล้วครับ ที่แม่เป็นเสาหลักของครอบครัวเราแทนพ่อ ทุกๆ วันแม่จะตื่นตั้งแต่ตีห้าเพื่อปรุงอาหาร ก่อนจะขนอาหารไปขายที่ร้าน แล้วกลับมาบ้านตอนสิบเอ็ดโมงเพื่อเตรียมอาหารเที่ยงไปขาย พอขายอาหารเที่ยงเป็นที่เรียบร้อยก็นั่งทำความสะอาดจาน ชาม และอุปกรณ์ในการทำครัวจนถึงสี่โมงเย็น จากนั้นก็กลับมาทำขนมปั้นขลิบไปขายและส่งตามร้านต่างๆ


          แม่ไม่เคยได้ไปเที่ยวไหนทั้งในหรือนอกประเทศ แม่ไม่เคยมีเสื้อผ้าใหม่ทันสมัยสวมใส่ รวมไปถึงเครื่องประทินผิวมีราคา ความรับผิดชอบต่อลูกทำให้ "พื้นที่ชีวิต" ของแม่ค่อยๆ หดแคบลงเรื่อยๆ แต่กับ "พื้นที่หัวใจ" กลับถูกขยายจนกว้างใหญ่เหลือคณาด้วย "รอยยิ้มของลูกพวกเรา"


           "ขอบคุณครับแม่"



ขอขอบคุณข้อมูลและภาพประกอบจาก
 

เรื่องที่คุณอาจสนใจ
พื้นที่ ของแม่ ... ความรู้สึกของลูกที่มีต่อแม่ อัปเดตล่าสุด 11 สิงหาคม 2551 เวลา 14:05:00 34,214 อ่าน
TOP