
ระวัง! แก๊งขายไตแพร่เน็ต แพทย์-ตำรวจเตือน ผิดกฎหมาย
ในโลกอินเทอร์เน็ตไม่มีอะไรที่เป็นไปไม่ได้ แม้แต่การโกหกหลอกลวง แสวงหาประโยชน์โดยพวกทุจริตชน เพียงแต่ว่าใครจะเท่าทัน และรู้วิธีหลบหลีกไม่ให้ตกเป็นเหยื่อได้อย่างไร !?!
ข้อความในกระดานสนทนา หรือเว็บบอร์ดเว็บไซต์ซื่อดังหลายแห่ง ปรากฏข้อความประกาศขายไต โดยให้เหตุผลประกอบหลากหลายออกไป แต่ส่วนใหญ่พบว่า มีเนื้อหาให้ชวนสงสาร หรือน่าเห็นใจและคล้อยตาม
"ต้องการขายไตด่วน ราคา 5 แสนบาท เป็นหญิงอายุ 45 ปี ไม่เคยดื่มเหล้า สูบบุหรี่ ไม่มีโรคประจำตัว สนใจติดต่อคุณแนน 085-353-xxxx ไม่ได้ล้อเล่นแต่อย่างใด ต้องการนำเงินไปรักษาแม่ที่ป่วยหนัก"
"ผมต้องการขายไต 1 ข้างเพื่อช่วยแฟนผม ด่วนเพศชาย อายุ 21 ปี เลือดกรุ๊ปเอบี สุขภาพแข็งแรง ในราคา 5 แสนบาท ท่านใดต้องการไตโปรดติดต่อ 084-013-xxxx 083-561-xxxx ขายจริงนะครับ โปรดช่วยเหลือคนที่ผมรักที่สุดด้วย"
"ต้องการขายไตด่วน! หาเงินไปรักษายาย ตอนนี้ยายอยู่โรงพยาบาลไม่มีเงินค่ารักษา ต้องผ่าตัดด่วน ยายป่วยเป็นโรคเบาหวาน ความดัน หัวใจ เพศชายอายุ 29 สุขภาพแข็งแรง สมบูรณ์ เลือดกรุ๊ปบี ไม่มีโรคใดๆ ทั้งสิ้น ติดต่อได้นะครับ เบอร์ติดต่อ 084-699-xxxx แมน"
หรือรูปแบบล่าสุด ยื่นข้อเสนอด้วยการจดทะเบียนสมรสหลีกเลี่ยงข้อกฎหมายสำหรับคนที่ไม่รู้
"ขายไต 1 ข้าง ด่วนมากค่ะ ยินดีจดทะเบียนสมรสและหย่าหลังจากผ่าตัดเสร็จเรียบร้อย" ฯลฯ
ข้อความเหล่านี้ทำให้ "คม ชัด ลึก" ต้องหยุดมองด้วยความสนใจ จึงทดลองโทรศัพท์ไปตามเบอร์ที่ปรากฏหลายเบอร์ แต่จนแล้วจนรอดก็ไม่สามารถติดต่อได้ จึงติดต่อกลับไปทางอีเมลแอดเดรสที่ผู้ประกาศขายไตกว่า 10 รายทิ้งเอาไว้ให้ติดต่อกลับ พร้อมกับเฝ้าสังเกตพฤติกรรมของผู้ประกาศขายไตผ่านอินเทอร์เน็ตตามเว็บไซต์ต่างๆ อยู่นานกว่าสัปดาห์ พบว่า มีรายชื่อใหม่ๆ แวะเวียนเข้ามาประกาศขายไตเกือบทุกวัน
ในที่สุด "คม ชัด ลึก" ก็ได้รับการตอบรับจาก "สุนีย์" หญิงสาววัย 28 ปี ที่ประกาศขายไตในราคา 4 แสนบาท และยินดีจะจดทะเบียนสมรสกับผู้ซื้อ เพื่อหลีกเลี่ยงข้อกฎหมายเกี่ยวกับการขายอวัยวะ ซึ่งถือเป็นสิ่งผิดกฎหมายในประเทศไทย โดยนัดให้สุนีย์มาพบที่ห้างสรรพสินค้าแห่งหนึ่ง พร้อมกับหลักฐานทางการแพทย์ยืนยันว่า มีสุขภาพร่างกายสมบูรณ์แข็งแรงดี
สุนีย์เป็นหญิงสาวรูปร่างเล็กผิวสองสี สวมเสื้อยืด กางเกงยีน มากับเพื่อนชายอีกคน เธอบอกว่าต้องการนำเงินไปรักษาน้องชายที่ป่วยอยู่ แต่ไม่บอกว่า เป็นโรคอะไรถึงต้องใช้เงินมากขนาดนั้น นอกจากนี้ยังจะนำไปใช้หนี้บัตรเครดิตด้วย โดยเบื้องต้นผู้ซื้อจะต้องวางเงินมัดจำก้อนแรกเป็นเงิน 4 หมื่นบาท ค่าตรวจร่างกายอีก 5,000 บาท ซึ่งเธอจะไปตรวจร่างกายแล้วเอาใบรับรองแพทย์มาให้
"คม ชัด ลึก" ต่อรองที่จะเป็นคนพาสุนีย์ไปตรวจร่างกายที่โรงพยาบาลที่น่าเชื่อถือ หากกรุ๊ปเลือดและร่างกายสมบูรณ์ก็ยินดีจะจ่ายเงินงวดแรกให้ แต่เห็นได้ชัดว่า สุนีย์และเพื่อนชายมีสีหน้าท่าทางวิตกกังวลจนผิดสังเกต ก่อนจะบ่ายเบี่ยงนัดให้ไปเจอกันที่ รพ.รามาธิบดี ในอีก 2 วันข้างหน้า แล้วขอตัวกลับไปทันที หลังจากนั้นก็ไม่สามารถติดต่อเธอได้อีก และ 2 วันต่อมาก็ไม่ปรากฏตัวตามที่นัดหมายแต่อย่างใด
นอกจากสุนีย์แล้ว ยังโทรศัพท์ติอต่อไปยังผู้ประกาศขายไตอีก 2 ราย ซึ่งทั้งสองมีข้อแม้ว่าจะต้องให้โอนเงินผ่านธนาคาร เพื่อเป็นค่าเดินทางเป็นเงิน 1,000 บาท !?!
ด้วยพฤติกรรมอันน่าสงสัยเหล่านี้ จึงติดต่อไปยัง ศ.นพ.โสภณจิรสิริธรรม คณะแพทยศาสตร์ รพ.รามาธิบดี มหาวิทยาลัยมหิดล ในฐานะนายกสมาคมปลูกถ่ายอวัยวะแห่งประเทศไทย และนายกสมาคมศัลยศาสตร์แห่งเอเชีย เพื่อไขข้อข้องใจและแสวงหาคำตอบ ก็ได้รับการยืนยันว่า หากพบเห็นการโฆษณาขายไตในไทย ให้เชื่อไว้ก่อนได้เลยว่า เป็นกลุ่มมิจฉาชีพที่หากินกับผู้ป่วยโรคไต เนื่องจากประเทศไทยยังไม่มีกฎหมายรองรับการขายอวัยวะ อีกทั้งขั้นตอนการปลูกถ่ายไตมีขั้นตอนที่ละเอียดซับซ้อนมาก
ศ.นพ.โสภณอธิบายว่า ผู้ป่วยโรคไตระยะสุดท้ายจะเสียชีวิตภายในไม่กี่เดือน วิธีรักษามีด้วยกัน 3 วิธี คือ ฟอกเลือด ล้างไต และเปลี่ยนไต ซึ่งทางการแพทย์ระบุตรงกันว่าเป็นวิธีรักษาที่ดีที่สุด มีโอกาสเป็นปกติถึง 90% ตรงกันข้ามกับ 2 วิธีแรกที่ผู้ป่วยจะไม่สามารถใช้ชีวิตแบบคนปกติได้
การเปลี่ยนไตในประเทศไทยมี 2 ทาง คือ จากคนเป็นกับคนตาย ไตจากคนเป็นมาจากพ่อแม่บริจาคให้ลูก หรือลูกบริจาคให้พ่อแม่ ญาติให้ญาติ ซึ่งต้องพิสูจน์ความเป็นเครือญาติก่อน จากสามีให้ภรรยาหรือภรรยาให้สามี ในที่นี้จะต้องแต่งงานกันมานานกว่า 3 ปี หรือถ้าน้อยกว่านั้นจะต้องมีลูกด้วยกันเท่านั้น ส่วนไตจากคนตายได้มาจากการบริจาคร่างกายให้สภากาชาดไทย
"มีหลายคนตั้งคำถามว่า เราสามารถขายไตได้ไหม ในประเทศไทยถือว่าผิดกฎหมาย ไทยและอีกหลายประเทศในโลกยังถือว่าผิดจริยธรรม จึงไม่ทำกัน แต่ถ้าถามว่าหมอไทยผ่าตัดได้ไหม ตอบตรงนี้เลยว่าเป็นเรื่องที่ยากมาก เพราะขั้นตอนเยอะมาก"
การผ่าตัดเปลี่ยนไตแต่ละครั้งจะต้องใช้แพทย์ศัลยกรรม 4 คน แพทย์ผู้เชี่ยวชาญด้านไต 2 คน พยาบาล 20 คน พยาบาลฟอกเลือด 2 คน รวมแล้วใช้บุคลากรทางการแพทย์เกือบ 30 คน นายกสมาคมปลูกถ่ายอวัยวะแห่งประเทศไทย บอกว่า ปัจจุบันนี้แพทย์ด้านไตที่เก่งๆ ในประเทศไทยมีอยู่ประมาณ 20 คน เชื่อว่าแต่ละคนคงไม่เสี่ยงทำเรื่องผิดกฎหมาย ที่สำคัญการไปซื้อไตมาเปลี่ยนนั้นไม่ใช่เรื่องง่ายๆ เพราะต้องดูกรุ๊ปเลือดและเนื้อเยื่อว่าสามารถเข้ากันได้หรือไม่
"ที่ผ่านมาเห็นข่าวประกาศขายไตหลอกเอาเงินมัดจำแล้วก็หายไปเยอะ ซึ่งก็ต้องเห็นใจผู้ป่วย เพราะอยากจะหาไตมาเปลี่ยนแลกกับความทรมาน"
แม้ว่าหลายประเทศในโลกใบนี้จะไม่เห็นด้วยกับการขายไต ทว่าก็ยังมีบางประเทศที่มีมุมมองเห็นต่างออกไป เช่น จีน อินเดีย และปากีสถาน ซึ่งเป็นสถานที่ที่ผู้ป่วยไตนิยมเดินทางไปผ่าตัดเปลี่ยนไตมากที่สุด โดยนำไตมาจากนักโทษประหาร ซึ่งมีค่อนข้างมากเมื่อเปรียบเทียบกับจำนวนประชากรของทั้งสามประเทศข้างต้น ในราคา 1-2 ล้านบาท อย่างไรก็ตาม จากการรวบรวมข้อมูลจากแหล่งต่างๆ ทำให้ทราบว่าการผ่าตัดเปลี่ยนไตในสามประเทศนี้ ไม่ค่อยได้มาตรฐาน 80% เกิดปัญหาและไม่สามารถเยียวยาได้
"การขายไตในประเทศไทยผิดกฎหมายตาม พ.ร.บ.การค้ามนุษย์ ซึ่งระบุไว้ชัดเจนว่า ผู้ใดก็ตามขายอวัยวะ บังคับขู่เข็ญ หรือหลอกลวงขายอวัยวะอะไรก็ตามถือว่ามีความผิด ไม่รวมถึงผู้สนับสนุนให้การมีขายอวัยวะด้วย เพราะฉะนั้น หากเจอการประกาศขายไตในอินเทอร์เน็ตให้เชื่อไว้ก่อนได้เลยว่า เป็นเรื่องหลอกลวงโดยกลุ่มมิจฉาชีพ มีโทษจำคุก 4-10 ปี ปรับ 8 หมื่นถึง 2 แสนบาท" พล.ต.ต.วิสุทธิ์วานิชบุตร ผู้บังคับการปราบปรามการกระทำผิดต่อเด็กเยาวชนและสตรี (ปดส.) ระบุ
ขอขอบคุณข้อมูลจาก
ภาพประกอบทางอินเทอร์เน็ต ไม่เกี่ยวข้องกับข้อมูล






