เส้นทางพลิกชีวิต "แพนเค้ก" เขมนิจ
หลังจากแจ้งเกิดในวงการนางแบบด้วยการคว้ารางวัล "ไทย ซูเปอร์โมเดล 2004" นอกจากนี้ยังคว้ารางวัล "ยอดนางแบบโลก โมเดล ออฟ เดอะ เวิลด์ 2004" ที่ประเทศจีน มาวันนี้ชื่อเสียงของนางแบบสาว "แพนเค้ก" เขมนิจ จามิกรณ์ กลายเป็นนางเอกชื่อดังของวิกหมอชิต แถมยังรั้งตำแหน่งลูกรักของเจ้าแม่วิก 7 สี "คุณแดง" สุรางค์ เปรมปรีดิ์ ด้วย
ฮอตขนาดนี้ "บันเทิง คม ชัด ลึก" ไม่พลาด คว้าตัวเธอมานั่งสนทนาอย่างหมดเปลือก ไม่ว่าจะเป็นเรื่อง งานและเรื่องราวความรัก ที่น่าสนใจไม่แพ้กัน
ชีวิตในวัยเรียน
มีเคล็ดลับอะไรในการเรียนหรือเปล่า
ก็ไม่ได้เรียนเก่งอะไร เราไม่ได้มีความหวังกับตรงนี้มาก ไม่ได้ซีเรียสขนาดนั้น แต่ทำให้ดีที่สุดก็พอแล้ว แต่แพนโชคดีที่มีพี่ๆ แนะนำเยอะ จริงๆ แพนว่าไลฟ์สไตล์ของแต่ละคน ก็ไม่เหมือนกัน แต่ละคนคงมีวิธีการอ่านหนังสือของตัวเอง เอาเป็นว่าขอให้ตั้งใจเรียนแล้วกัน
ชีวิตวัยเรียนมัธยมแตกต่างกับตอนที่เรียนมหาวิทยาลัยอย่างไรบ้าง
ช่วงมัธยมเรียนเป็นเวลา เข้าเช้าออกบ่าย ทุกอย่างค่อนข้างอยู่ในกฎระเบียบ อย่างมหาวิทยาลัยเรียนแค่ชั่วโมงหรือสองชั่วโมงก็กลับบ้าน มันค่อนข้างฟรีมากๆ ฉะนั้นเราต้องดูแลตัวเอง แต่แพนว่ามันก็ดีไปคนละแบบนะ
ด้วยความเป็นดาราเวลาเรียนมักจะถูกมองว่ามีสิทธิพิเศษเหนือกว่าคนอื่น เพื่อนๆ ในชั้นเรียนมีแอบหมั่นไส้บ้างหรือเปล่า
อันนี้ไม่ทราบเลย แต่เพื่อนๆ ที่เรียนด้วยกันที่มหาวิทยาลัยเกษตรศาสตร์ 30 กว่าคน เขาก็น่ารักมาก เขาไม่คิดว่าแพนจะเป็นคนแบบนี้ คือตอนแรกคิดว่าเราต้องหยิ่ง หรือว่าเป็นคนเงียบๆ แต่พออยู่ในกลุ่ม เราก็เป็นนิสิตคนหนึ่งที่เข้ามาเรียนเหมือนกัน แพนก็อยากให้เพื่อนคิดว่าเป็นแพนนะ ไม่ใช่ดารา เพราะแพนก็เป็นคนปกติธรรมดาคนหนึ่ง
เรื่องงานในวงการบันเทิง
ตอนนี้ฮอตมีงานละครถึง 2 เรื่อง
ตอนนี้มีละครเรื่อง "สายน้ำสามชีวิต" ที่ถ่ายเสร็จแล้ว แล้วก็มีเรื่อง "มหึมามหาเศรษฐี" ที่กำลังถ่ายอยู่ จริงๆ พอแพนเข้ามาในวงการ การทำงานตรงนี้ก็ไม่รบกวนเวลาเรียนนะ เพราะแพนเป็นคนทำอะไรหลายๆ อย่างอยู่แล้ว มันแค่มีอีกเรื่องที่มีขึ้นมาเท่านั้น เพียงแต่เราต้องจัดเวลาเท่านั้นเอง
ถือว่าหนักกว่าคนอื่นไหม เพราะทั้งเรียนทั้งทำงานด้วย
ก็อาจจะมีบ้าง แพนเป็นคนทำงานเยอะกว่าเพื่อนคนอื่นๆ ในขณะที่เพื่อนคนอื่นๆ ยังไม่ได้ทำอะไรเลย แต่เรามีประสบการณ์เยอะกว่า
วัยรุ่นที่ชื่อแพนเค้ก
ชีวิตช่วงวัยรุ่นหายไปบ้างไหม
หายนะ แต่เราได้อย่างก็ต้องเสียอย่าง คือทำงานเราก็แฮปปี้กับการทำงาน เจอคนโน้นคนนี้ อย่างเพื่อนในกลุ่ม ปกติก็จะไปทะเลด้วยกัน แต่พอเรามาทำงาน บางทีก็ไปไม่ได้กับเพื่อน เพื่อนก็จะบ่นว่า โอ๊ย ! ทำไมมาไม่ได้ จริงๆ มันเป็นโอกาสของเรา ทั้งที่เราเลือกที่จะไม่ไปทำงานก็ได้ แต่ก็คิดว่าเอาเถอะ มันเป็นสิ่งดีๆ ที่เราจะได้รับ เพื่อนก็น่าจะเข้าใจด้วย คิดว่าสิ่งที่เราได้ มันไม่ใช่ทุกคนจะทำได้
ถือว่าช่วงนี้เป็นช่วงหัวเลี้ยวหัวต่อของชีวิตด้วยใช่ไหม
จริงๆ ไม่ได้วิตกกังวลอะไรขนาดนั้น เราก็ยังดำเนินชีวิตเรื่อยๆ ต่อไป โดยมีคุณพ่อคุณแม่คอยอยู่ข้างๆ ซึ่งเขาก็ช่วยเหลือเราอยู่ เราก็ไม่ได้เดินไปคนเดียว หรืองงว่าจะเดินไปทางไหน
จากเด็กธรรมดามาเป็นดารา
เข้ามาอยู่ในวงการนี้ชีวิตเปลี่ยนไปเยอะไหม
ก่อนหน้านี้ไม่มีใครรู้จักเราเลย แต่ตอนนี้เราก็เป็นคนคนหนึ่งที่มีคนรู้จัก มีคนให้ความสนใจ การที่เข้ามาตรงนี้มีหน้าที่การงานที่ต้องรับผิดชอบ หลายๆ อย่างที่มันหนักขึ้น ซึ่งมันก็จะแตกต่างกัน ฉะนั้นเวลาเราจะทำอะไรก็ตาม ต้องคิดให้รอบครอบว่าจะทำดีมั้ย ภาพออกมาจะเป็นแบบอย่างที่ดีหรือเปล่า เมื่อก่อนอาจจะไม่ต้องมาดูแลหรือสนใจเรื่องนี้เท่าไร
คิดว่าความโด่งดังมาถึงตัวเองเร็วไหม
จริงๆ ก็ไม่ได้เร็วเกินไปนะ เพราะยังมีเพื่อนนักแสดงหลายๆ คน ที่ค่อนข้างเข้ามาเร็วเหมือนกัน เขาก็เรียนไปด้วยทำงานไปด้วย แพนเองมาจากการประกวดไทยซูเปอร์ โมเดล มันค่อยๆ มาเรื่อยๆ เริ่มจากประกวด แล้วก็มาเดินแบบ ต่อมาก็ถ่ายหนังสือ และก็ได้มาเล่นละคร ซึ่งคิดว่าเราก็มาเรื่อยๆ แต่อาจจะเป็นระยะสั้นๆ เท่านั้นเอง
งานเข้ามาค่อนข้างเยอะ ตั้งรับกับตรงนี้อย่างไรบ้าง
จริงๆ จะเป็นคุณแม่กับพี่เหน่ง (ประชาสัมพันธ์ ช่อง 7) มากกว่าที่จะคอยดูแลคิวให้ บางทีแพนยังไม่รู้เลยว่าต้องทำอะไรบ้าง เราก็มีหน้าที่เดินหน้าทำต่อไป
บางคนบอกว่าการที่มีชื่อเสียงแล้ว มักจะหลงระเริงไปกับแสงสี แพนกลัวใจตัวเองบ้างหรือเปล่า
มีคนบอกว่าให้ระวังนะ จะเป็นแบบนั้นจริงๆ แต่ในความรู้สึกก็คิดนะ ว่าตัวเองจะเป็นแบบนั้นหรือเปล่า แต่โชคดีที่มีคุณแม่อยู่ข้างๆ เสมอ แล้วคุณแม่จะคอยบอกคอยเตือน ว่าเราเป็นยังไง ทำแบบนี้ดีมั้ย จะแก้ไขยังไง ก็จะได้คำแนะนำตักเตือนไปพร้อมๆ กัน และจะได้หันกลับมามองตัวเองด้วยว่า เราเป็นอย่างนั้นจริงหรือเปล่า ส่วนเรื่องไปเที่ยวเนี่ย ยังไม่รู้สึกที่จะไปทำอะไรอย่างนั้น แค่ไปทำงานเสร็จก็อยากกลับบ้าน
หลายคนบอกว่าความโด่งดังมาเร็วอาจจะไปเร็ว มีวิธีรักษาระดับตรงนี้อย่างไร
ขึ้นอยู่กับแต่ละคนมากกว่า ว่าแต่ละคนเข้ามาด้วยจุดประสงค์อะไร เพราะการที่อยู่ตรงนี้ การที่ไปข้างหน้าให้ได้มากน้อยแค่ไหน ขึ้นอยู่กับตัวเราด้วย จริงๆ มันก็ไม่มีกฎอะไรตายตัว คงแล้วแต่ละคนมากกว่า
ดังขนาดนี้เลยโดนขาเม้าท์ว่าแพนเค้กขึ้นค่าตัว
จริงๆ แพนก็ธรรมดา อาจจะก้ำกึ่งมากกว่า เวลาเราเป็นนางแบบ เราก็จะรับอีกอย่างหนึ่ง พอมาเป็นนักแสดงปุ๊บมันก็จะคนละแบบกัน ฉะนั้นเรื่องตรงนี้ แพนจะให้คุณแม่กับพี่เหน่งจัดการเรื่องนี้มากกว่า แต่อะไรที่เราช่วยได้ก็ช่วยกันไป มีงบประมาณเท่าไรก็คุยกันได้ จริงๆ แพนไม่ได้ซีเรียสอะไรกับตรงนี้ แต่คงเป็นไปตามขั้นตอนของมันมากกว่า
ลูกรักเจ้าแม่7สี
ถือว่าเป็นดาราที่ช่องคาดหวังไว้เยอะ
คงไม่หรอกมั้ง (หัวเราะ) แค่ได้หน้าที่ที่ทางผู้ใหญ่มอบหมายให้เท่านั้นเอง ผู้ใหญ่เชื่อว่าแพนทำได้ เราก็จะทำ
รู้สึกอย่างไรกับฉายาลูกรักของคุณแดง (สุรางค์ เปรมปรีดิ์)
อย่าเรียกอย่างนั้นดีกว่า เรียกว่าเราได้ทำตามสิ่งที่เขาให้มาดีกว่า เพราะว่าทุกคนก็เป็นลูกรักเหมือนกันหมดนั่นล่ะ เพียงแต่ว่าทุกคนมีสิ่งที่แตกต่างกัน ซึ่งแต่ละคนก็ทำงานไม่เหมือนกัน มีความแตกต่างไปในสิ่งที่แต่ละคนทำได้
กับงานเซ็กซี่
ช่วงนี้ดูแพนเค้กเซ็กซี่มากขึ้น เป็นเพราะต้องตามกระแสด้วยหรือเปล่า
เป็นปกติมากกว่า มันเป็นคอนเซ็ปต์ของงานมากกว่า นั่นคือการทำงาน เดินแบบเสร็จก็เป็นตัวเรา ก็ไม่ได้รู้สึกว่าตัวเองเซ็กซี่ขึ้น จริงๆ แพนก็ไม่ได้รับอะไรเยอะแยะ อาจจะรับถ่ายหนังสือตามคอนเซ็ปต์ของเขา เดินแบบเราก็ต้องมีเซ็กซี่บ้าง แต่พี่ๆ เขาก็จะรู้ว่าเราทำได้มากน้อยแค่ไหน ก็อยากทำงานให้ออกมาดีที่สุดเหมือนกัน ไม่ใช่ว่าคอนเซ็ปต์เป็นแบบนี้แล้วเราทำไม่ได้ เราก็ต้องทำเต็มที่
แล้วแพนเค้กมีขอบเขตอย่างไรในการรับงานเซ็กซี่
ก็คงไม่ถึงกับโนบรา เพราะพี่ๆ ก็จะเลือกสรรให้ระดับหนึ่งแล้ว แพนก็มีขอบเขตในการรับงานคือต้องไม่โป๊มากเกินไป เปิดได้บ้างนิดหน่อย ดูตามความเหมาะสม
เหมือนความคิดโตเป็นผู้ใหญ่เกินตัว
ก็อาจจะมีบ้าง พอมาทำงานตรงนี้ ได้เจอ ได้คุยกับผู้ใหญ่ อาจจะเป็นเพราะแพนเองก็ชอบคุยกับผู้ใหญ่ด้วย เราจะได้ฟังสิ่งต่างๆ จากเขา แพนเลยซึมซับความเป็นผู้ใหญ่ตรงนั้นมาด้วยมั้ง
มุมหนึ่งมีความเป็นผู้ใหญ่ แต่อีกมุมหนึ่งก็เป็นเด็กที่ติดคุณแม่ จนถูกมองว่าเป็นลูกแหง่
จะเรียกว่าอย่างนั้นก็ได้ ถามว่าติดคุณแม่มั้ย แพนก็ติดนะ รู้สึกว่าเราอยู่กับคุณแม่ตลอด รู้สึกผูกพันกัน คุณแม่ไม่ได้ห่วง หรือคอยตาม จะเป็นแพนมากกว่าที่ถามว่าคุณแม่อยู่ไหน ไปด้วยกันมั้ย เพราะเรารู้สึกว่าเขาเป็นเพื่อน แต่ถ้าหากไปเที่ยวกับเพื่อน คุณแม่ก็ไม่ได้ไปด้วย เพราะเพื่อนแพนแต่ละคนไว้ใจได้
ตำแหน่งสาวเนื้อหอม
ชื่อเสียงของแพนเค้กมาพร้อมข่าวกับหนุ่มๆ จนกลายเป็นสาวเนื้อหอม
จริงๆ ที่เป็นข่าว มันเป็นแค่กระแสมากกว่า เรารู้ว่าเราทำอะไร พี่ๆ แต่ละคนก็ทราบเหมือนกัน ทุกคนก็ค่อนข้างสนิทกัน พี่ๆ แต่ละคนนิสัยดี น่ารัก เป็นกันเองหมด ข่าวก็ไม่มีอะไรเสียหาย ก็เลยไม่ได้ทำให้ดูร้ายแรง
อายุ 18 ปีแล้ว ถ้าจะมีแฟนก็มีได้นะ อย่างรุ่นน้องแพนยังมีแฟนเลย แต่ช่วงนี้ ยังมีโอกาสทำงาน แล้วก็อยู่กับครอบครัว ไปเที่ยวกับเพื่อน มันก็เป็นช่วงเวลาที่แฮปปี้อยู่แล้ว เราเลยรู้สึกว่าเป็นแบบนี้ก็โอเค
คุณแม่ห้ามไม่มีแฟนหรือเปล่า
คุณแม่ไม่ห้าม ให้อิสระมากเลย ยังบอกเลย ว่าช่วงนี้ก็ต้องมีบ้าง จะได้มีความรู้สึกแบบนี้ ก็เปิดรับในส่วนหนึ่ง แต่ส่วนหนึ่งเราอยู่กับคุณพ่อคุณแม่ก็โอเคแล้ว ถามว่าคุณแม่มีจัดหนุ่มๆ มาให้มั้ย อันนี้ไม่ค่อยนะ มีโอกาสได้คุยเองมากกว่า เพื่อนที่มหาวิทยาลัยก็ไม่มีมาจีบนะ
แล้วหนุ่มๆ ที่เป็นข่าว "วิน" ธาวิน "เวียร์" ศุกลวัฒน์ มีใครมาวินที่สุด
(หัวเราะ) ยังไม่มีเลย เพราะว่าเราไม่ได้โฟกัสเรื่องนี้ พี่ๆ ทุกคนก็บอกว่าน้องแพนไม่ใช่สเปคเลย แต่ละคนก็อยู่ในวัยเรียนตั้งใจเรียนกันทั้งนั้น เราก็มีในมุมในภาพที่เป็นเพื่อนที่สนิทกันมากกว่า
มีปรัชญาชีวิตของตัวเองหรือเปล่า
คือทำวันนี้ให้ดีที่สุด เพราะโอกาสที่เราได้ในแต่ละวัน มันมีไม่เหมือนกัน วันนี้เราได้รับมาแล้ว เราก็ต้องทำให้ดีที่สุด เพราะเราไม่สามารถแก้ไขอะไรได้อีก
เอ้า...หนุ่มๆ สบายใจได้ เพราะตอนนี้แพนเค้กหัวใจยังว่างจ้า...
ข้อมูลจาก
ภาพประกอบจาก อิน แม็กกาซีน
