x close

เปิดศูนย์เฝ้าระวัง 7วันอันตราย รับมือปีใหม่


เดินทาง เทศกาล


          มหาดไทยวางมาตรการรับมือ "7 วันอันตราย" 30 ธันวาคม -5 มกราคม 2552 ต้องมียอดอุบัติเหตุลดลงจากปีใหม่"51 ไม่มีการตั้งตัวเลขในปีนี้แต่อย่างใด เผย ปี"51 เกิดอุบัติเหตุ 4,475 ครั้ง บาดเจ็บ 4,903 คน ตาย 401 ราย ประสานทุกจังหวัดตั้งจุดตรวจทั่วประเทศไม่ต่ำกว่า 2,800 จุดในทุกวัน เตรียมเปิดศูนย์ป้องกันอุบัติเหตุทางถนนช่วงปีใหม่อย่างเป็นทางการ 29 ธันวาคมนี้ ทางด้านสสส.ระบุ อุบัติเหตุช่วงปีใหม่ปีก่อน สาเหตุมาจากเมาขับถึง 40%

          เมื่อวันที่ 18 มกราคม นายอนุชา โมกขะเวส อธิบดีกรมป้องกันและบรรเทาสาธารณภัย กล่าวถึงมาตรการเตรียมความพร้อมของศูนย์ป้องกันอุบัติภัยทางถนนในช่วงเทศกาลปีใหม่ว่า ทางกรมป้องกันฯ ทำหน้าที่เป็นฝ่ายเลขานุการของศูนย์ป้องกันอุบัติภัยทางถนนอยู่แล้ว ซึ่งก็ได้เตรียมการป้องกัน โดยจะใช้มาตรการเดิมที่เคยทำทุกปีคือ จะจัดช่วง "7 วันระวังอันตราย" ตั้งแต่วันที่ 30 ธันวาคม 51-5 มกราคม 52 ซึ่งจะเป็นช่วงที่ประชาชนจะสัญจรไปท่องเที่ยวหรือเดินทางกลับบ้านในช่วงเทศกาลปีใหม่ ทั้งนี้ในปีนี้ศูนย์ไม่ได้ตั้งเป้าหมายว่าจะมีผู้เสียชีวิตหรือบาดเจ็บเท่าใด เพียงแต่ได้มอบนโยบายไปแล้วว่าขอให้เฝ้าระวังให้ยอดอุบัติเหตุ ยอดผู้บาดเจ็บ และผู้เสียชีวิตลดน้อยลงกว่าเทศกาลปีใหม่"51 ที่มีอุบัติเหตุเกิดขึ้น 4,475 ครั้ง มีผู้บาดเจ็บ 4,903 คน และมีผู้เสียชีวิต 401 คน

          นายอนุชา กล่าวว่า เพื่อเตรียมความพร้อมช่วงเทศกาลปีใหม่ กระทรวงมหาดไทยมีหนังสือแจ้งให้ ผู้ว่าราชการทุกจังหวัดจัดตั้งศูนย์ปฏิบัติการร่วมระดับจังหวัด 75 จังหวัด ระดับอำเภอ 877 อำเภอ พร้อมทั้งประสานกับกองบัญชาการตำรวจนครบาล โดยมีจุดตรวจหลักทั่วประเทศไม่ต่ำกว่า 2,800 จุดต่อวัน ซึ่งจะเปิดศูนย์ปฏิบัติการร่วมป้องกันและลดอุบัติเหตุทางถนนช่วงปีใหม่ 2552 ในวันที่ 29 ธันวาคมนี้ พร้อมทั้งรายงานสถานการณ์อุบัติเหตุตลอด

          พล.ต.ต.วัฒนา กฤติยะโชติ ผู้บังคับการกองพัฒนาการจราจรและบริการประชาชน(กพจ.) สำนัก งานตำรวจแห่งชาติ กล่าวว่า มาตรการป้องกันและลดอุบัติเหตุช่วงปีใหม่ 2552 ตลอดช่วง 7 วัน 30 ธันวาคม-5 มกราคม 2552 ได้เตรียมความพร้อมเจ้าหน้าที่ตำรวจ ตั้งด่านตรวจเข้มทั้งประเทศ ทั้งคน สภาพถนน รถและสัญญาณไฟ เครื่องหมายสัญญาณจราจร ตั้งแต่วันที่ 15 ธันวาคมที่ผ่านมา และขอความร่วมมือเจ้าของกิจการให้งดการนำรถบรรทุก 6 ล้อขึ้นไปมาวิ่งในช่วงเทศกาล ซึ่งจะจัดตำรวจอำนวยความสะดวกประจำจุดทางร่วม ทางแยก ทางโค้ง บริเวณที่มีปัญหาการจราจร และคุมเข้มมาตรการ 3 ม 2 ข 1 ร อาทิ ห้ามขับจักรยาน ยนต์หากไม่สวมหมวกนิรภัย ห้ามขับรถขณะเมาสุรา ห้ามขับเร็วกว่ากฎหมายกำหนด

          "จะมีการตั้งจุดตรวจในพื้นที่ และชุดตระเวนตรวจจับผู้ที่ฝ่าฝืนกฎหมาย และให้ความสำคัญกับเรื่องเครื่องดื่มแอลกอฮอล์ ไม่ใช่แค่การตรวจจับผู้เมาแล้วขับ เพราะเหล้าเป็นปัจจัยหลักที่ทำให้เกิดอุบัติเหตุ โดยจะประสานกับสรรพสามิตในพื้นที่ ดูแลไม่ให้จำหน่ายเครื่องดื่มแอลกอฮอล์นอกเวลาที่กำหนด ห้ามจำหน่ายให้เด็กอายุต่ำกว่า 18 ปี ห้ามจำหน่ายในสถานีบริการน้ำมัน สถานศึกษา ศาสนสถาน ตลอดช่วง 7 วัน" พล.ต.ต.วัฒนา กล่าว

          พล.ต.ต.เจษฎา อินทรสถิตย์ ผู้บังคับการกองบินตำรวจ สำนักงานตำรวจแห่งชาติ กล่าวว่า กองบินตำรวจได้เตรียมความพร้อมช่วยชีวิตผู้ประสบอุบัติเหตุช่วงปีใหม่ โดยร่วมมือกับโรงพยาบาลตำรวจ จัดเฮลิคอปเตอร์ 2 ลำ พร้อมอุปกรณ์ทางการแพทย์ และมีแพทย์ประจำตลอด 24 ชั่วโมง ในพื้นที่ 2 จุดสำคัญ คือ 1.นครราชสีมา ดูแลพื้นที่จากกรุงเทพฯ ถึงขอนแก่น 2.นครสวรรค์ ดูแลพื้นที่จากกรุงเทพฯ ถึงพิษณุโลก เนื่องจากทั้ง 2 จุด เป็นพื้นที่ที่มีปัญหาการจราจรติดขัด ทั้งจากการเดินทางที่หนาแน่น และสภาพเส้นทางที่มีทั้งภูเขาและทางลาดชัน การมีเฮลิคอปเตอร์ที่จะนำผู้ประสบอุบัติเหตุสาหัสไปถึงสถานพยาบาล หรือส่งต่อไปยังโรงพยาบาลที่มีศักยภาพในการรักษา จะรักษาชีวิตของผู้ประสบเหตุไว้ได้ ซึ่งจะเริ่มประจำการตั้งแต่ 25 ธันวาคม-5 มกราคม 2552 การติดต่อจัดส่งผู้ประสบเหตุจะผ่านทางศูนย์นเรนทร

          ที่สำนักงานกองทุนสนับสนุนการสร้างเสริมสุขภาพ (สสส.) ในการแถลงข่าว "ท้องถิ่น ชุมชน ปลอดภัย ด้วยวินัยจราจร" ศ.น.พ.อุดมศิลป์ ศรีแสงนาม ที่ปรึกษา สสส. กล่าวว่า จากสถิติช่วงปีใหม่ 2551 ผู้ประสบอุบัติเหตุเกิดจากการดื่มแล้วขับมีจำนวนมากเป็นอันดับหนึ่ง คือ ร้อยละ 40.80 จากอุบัติเหตุเฉพาะช่วงปีใหม่มีเกือบ 4,500 ครั้ง มีผู้เสียชีวิต 401 ศพ บาดเจ็บเกือบ 5,000 คน สำนักอำนวยการความปลอดภัยทางถนน กรมทางหลวง ประเมินว่าอุบัติเหตุช่วงปีใหม่ 2550 แค่เพียง 7 วัน สร้างความสูญเสียถึง 11,000 กว่าล้านบาท เงินจำนวนนี้สามารถนำไปสร้างโรงพยาบาลที่มีเครื่องมือแพทย์ครบครัน ที่ใช้งบประมาณราว 250 ล้านบาทต่อแห่ง ได้ถึง 40 แห่ง 

          "ข้อมูลวิชาการระบุว่า เหล้าคือตัวอันตราย ผู้ที่ดื่มแล้วขับจะเสี่ยงต่อการเสียชีวิตมากกว่าผู้ที่ไม่ดื่มเกือบ 10 เท่า เสี่ยงต่อการบาดเจ็บเกือบ 7 เท่า ผู้ที่บาดเจ็บล้มตายในเทศกาลแห่งความสุขนั้น คือเด็กอายุต่ำกว่า 19 ปี ถึงร้อยละ 29.22 และเป็นวัยแรงงานถึงร้อยละ 57.88 โดยรถจักรยานยนต์ยังคงครองแชมป์พาคนไปสู่ความตายมากที่สุดถึงร้อยละ 84.57 ซึ่งการขับขี่จักรยานยนต์จะเสี่ยงต่ออุบัติเหตุที่รุนแรงถึงชีวิตมากกว่าการใช้รถประจำทางสูงถึง 750 เท่า" ศ.น.พ.อุดมศิลป์ กล่าว

          ศ.น.พ.อุดมศิลป์ กล่าวด้วยว่า ช่วงเทศกาลปีใหม่ 2552 สำนักงานเครือข่ายลดอุบัติเหตุ (สคอ.) ร่วมกับกรมป้องกันและบรรเทาสาธารณภัย สำนักงานตำรวจแห่งชาติ องค์กรปกครองส่วนท้องถิ่น รณรงค์ "ท้องถิ่น ชุมชนปลอดภัย ด้วยวินัยจราจร" และเยาวชนศูนย์เสมาส่งเสริมศีลธรรม 1,600 คน เป็นอาสาสมัครตลอด 7 วัน ในปั๊มน้ำมันถนนสายหลัก 8 จังหวัดเสี่ยง อาทิ เชียงใหม่ นครราชสีมา และเครือข่ายหมออนามัยทั่วประเทศ 11,771 คน จะรณรงค์ทุกจังหวัด
         
          ขณะที่เครือข่ายแท็กซี่สามล้อไทยปลอดภัยใสสะอาด และสามล้อเอื้ออาทรเพื่อคนจน จะจัดรถรณรงค์กว่า 200 คัน แห่ทั่วกทม. ติดสติ๊กเกอร์ "365 วัน ปลอดภัยด้วยวินัยจราจร" ในวันที่ 25 ธันวาคม และ 30 ธันวาคม พร้อมจัดรถสามล้อบริการรับส่งผู้โดยสารฟรี จากสถานีรถไฟฟ้าหมอชิต ถึงขนส่งหมอชิต เพื่อ "คนอีสาน ส่งพี่น้องกลับบ้านให้ปลอดภัย" แจกน้ำดื่ม ผ้าเย็น ตลอดงาน และ สคอ.จะจัดทีม 4 ภาค เพื่อสำรวจพฤติกรรมการขับขี่ และเป็นกำลังใจให้กับผู้ร่วมรณรงค์ทุกคน


ขอขอบคุณข้อมูลจาก

ภาพประกอบทางอินเทอร์เน็ต


เรื่องที่คุณอาจสนใจ
เปิดศูนย์เฝ้าระวัง 7วันอันตราย รับมือปีใหม่ อัปเดตล่าสุด 19 ธันวาคม 2551 เวลา 10:26:48 10,293 อ่าน
TOP