พิมพ์เพ็ญ เวชชาชีวะ หลังบ้านนายกรัฐมนตรีคนที่ 27

พิมพ์เพ็ญ เวชชาชีวะ

พิมพ์เพ็ญ เวชชาชีวะ

พิมพ์เพ็ญ เวชชาชีวะ



เรียบเรียงข้อมูลโดยกระปุกดอทคอม

          เรียกได้ว่าตลอดระยะเวลานับสิบปีบนเส้นทางสายการเมือง เรื่องส่วนตัวรวมไปถึงเรื่องเกี่ยวกับครอบครัวของ "มาร์ค-อภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ" หัวหน้าพรรคประชาธิปัตย์ และนายกรัฐมนตรี คนที่ 27 ของประเทศไทย ไม่เป็นที่เปิดเผยต่อสาธารณะมากนัก เพราะเขาเคยกล่าวว่า "ต้องการใช้ชีวิตครอบครัวด้วยความเป็นส่วนตัว"

          แต่ทันทีที่เขาได้สวมหมวกนายกรัฐมนตรี พร้อมๆ กับภาพภริยาที่ยืนเคียงคู่กันวันที่ได้รับตำแหน่ง ทำให้ใครหลายๆ คนอยากจะรู้จักกับสาวสวยที่มักจะหลบฉาก มองดูความสำเร็จของคู่ชีวิตอยู่ด้านหลังเงียบๆ วันนี้กระปุกดอทคอมจะพาทุกคนไปทำความรู้จักกับเธอคนนี้ ผู้ช่วยศาสตราจารย์ ดร.พิมพ์เพ็ญ เวชชาชีวะ ภริยา คุณอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ กันค่ะ...   

          ผู้ช่วยศาสตราจารย์ ดร.พิมพ์เพ็ญ หรือ แตงโม (แต่ส่วนใหญ่คนจะเรียกแตง) เวชชาชีวะ หรือนามสกุลเดิมคือ ศกุนตาภัย เกิดเมื่อวันที่ 5 สิงหาคม พ.ศ. 2507 ขณะนี้อายุ 44 ปี เป็นบุตรสาวของ ศาตราจารย์ (พิเศษ) พงษ์เพ็ญ ศกุนตาภัย กับ นางประพาพิมพ์ ศกุนตาภัย อดีตผู้ช่วยผู้ว่าการธนาคารแห่งประเทศไทย ปัจจุบันคุณแตงเป็นอาจารย์ประจำสาขาวิชาคณิตศาสตร์ คณะวิทยาศาสตร์ จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย ในตำแหน่งผู้ช่วยศาสตราจารย์ จบการศึกษาระดับประถมศึกษาจากโรงเรียนสาธิตจุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย, ปริญญาตรี จากคณะทันตแพทยศาสตร์ จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย ปริญญาโทและปริญญาเอกจาก สาขาวิชาคณิตศาสตร์ จากคณะวิทยาศาสตร์ จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย    

          คุณแตงรู้จักกับคุณอภิสิทธิ์ ตั้งแต่สมัยเป็นเพื่อนนักเรียนชั้นประถมศึกษา ที่โรงเรียนสาธิตจุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย แต่อยู่กันคนละห้อง จากนั้นพอจบชั้นประถมปีที่ 6 คุณอภิสิทธิ์ก็ไปเรียนต่อประเทศอังกฤษ ในขณะที่คุณแตงเรียนอยู่เมืองไทย  ซึ่งในช่วงที่คุณอภิสิทธิ์อายุ 18 ปี ประมาณปี 2526 ช่วงปิดเทอมคุณอภิสิทธิ์ได้กลับมาเยี่ยมบ้าน พอดีเพื่อนๆ สมัยเรียนที่สาธิตจุฬาฯ จัดงานวันเกิด คุณอภิสิทธิ์จึงได้พบกับคุณแตงโมอีกครั้ง 

          นับจากนั้นคุณอภิสิทธิ์ก็ติดต่อกับคุณแตงเรื่อยมา แม้ทั้งสองจะอยู่กันคนละทวีป แต่นั่นก็ไม่ใช่อุปสรรค โดยส่วนใหญ่จะติดต่อกันทางจดหมาย นานๆ จึงจะใช้โทรศัพท์สักหนหนึ่ง นานนับ 6 ปี จนกลายมาเป็นคนรู้ใจ ครั้นปี 2529 คุณอภิสิทธิ์เรียนจบกลับมา และไปสอนหนังสือที่โรงเรียนนายร้อยพระจุลจอมเกล้า (จปร.) ความสัมพันธ์แบบคนรู้ใจ ก็เพิ่มทวีขึ้นทีละขั้นจนทั้งคู่ตัดสินใจแต่งงานกัน 


อภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ - พิมพ์เพ็ญ เวชชาชีวะ



          ทั้งนี้คุณแตงได้กล่าวถึงคุณอภิสิทธิ์ว่า ในวันเกิดเพื่อนที่เจอยังไม่เคยคุยเลย เพราะยังไม่รู้จักกัน ได้แต่มองหน้า แต่เราจำได้ว่าคนนี้เป็นคนเก่ง เพราะว่าตอนเรียนอยู่โรงเรียนสาธิตจุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย เขาได้ที่หนึ่งตลอด คือเขามีชื่อเป็นที่ฮือฮาของชั้นเรียน แล้วก็จำได้ว่าออกไปเรียนเมืองนอก ในตอนนั้นก็รู้สึกสนใจและชื่นชอบที่เขาเป็นผู้ชายเก่ง และพอรู้จักกัน ได้พูดคุยกัน ก็ชื่นชอบนิสัยใจคอเขาก็ดี น่ารัก แล้วเขามีความจริงใจกับเรามาก ความคิดความอ่านก็สอดคล้องกันเกือบทุกเรื่อง อย่างเรื่องการเมืองก็แนวเดียวกัน คือถ้าคนละเรื่องก็คงจะคบกันไม่ได้ (หัวเราะ) แล้วก็ไม่รู้ว่าเขาจะคบกับเราหรือเปล่า (หัวเราะ)

          "ส่วนจุดที่ชอบเขามากที่สุดคือ เขารักเราจริง คือเขามีความจริงใจมาก ประทับใจมาก ใหม่ๆ ยังไม่สนิทกัน แต่ตั้งแต่สนิทกันดูออกว่าเขาเป็นคนเปิดเผย แล้วเขาคิดอะไรเขาเป็นคนตรงไปตรงมา เสมอต้นเสมอปลายสำหรับจิตใจเขาเป็นอย่างไร ก็เป็นอย่างนั้นตลอด ตอนที่คบกันใหม่ๆ มาร์คเขาจะเขียนจดหมายมาคุยด้วย เฉลี่ยอาทิตย์ละฉบับ ตอนหลังๆ ก็ถี่เข้าเป็นวันเว้นวัน" คุณแตง กล่าว

          กระทั่งถึงยามที่รักสุกงอม เมื่อวันที่ 19 สิงหาคม 2531 หนุ่มอภิสิทธิ์กับคุณแตงได้เข้าเข้าพิธีสมรสพระราชทาน ซึ่งตอนนั้นทั้งคู่มีอายุ 24 ปี และหลังจากแต่งงานคุณอภิสิทธิ์ได้กลับไปเรียนปริญญาโทด้านเศรษฐศาสตร์ ที่มหาวิทยาลัยออกซ์ฟอร์ด เนื่องจากได้ทุนเรียนต่อ โดยมีคุณแตงบินตามไปเริ่มต้นชีวิตครอบครัวด้วย และเมื่อเรียนจบปริญญาโท พอดีกับที่คุณแตงตั้งครรภ์ลูกคนแรก ทั้งคู่เดินทางกลับมาถึงเมืองไทย ในปี 2533 (ทั้งคู่มีบุตร 2 คน คือ น้องมะปราง-ปราง เวชชาชีวะ (บุตรสาว) เกิดเมื่อวันที่ 28 พฤศจิกายน 2533 และ 3 ปีต่อมา น้องปัณณ์-ปัณณสิทธิ์ เวชชาชีวะ (บุตรชาย) ก็ถือกำเนิดขึ้น เมื่อวันที่ 9 สิงหาคม 2536

          อย่างไรก็ตามจุดที่ทำให้ชีวิตของคุณอภิสิทธิ์ พลิกผลันจากนักวิชาการหนุ่มในคณะเศรษฐศาสตร์ มหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์ เริ่มมีบทบาททางการเมือง เนื่องจากเหตุการณ์ รสช. ยึดอำนาจ ระหว่างที่สอนอยู่ที่ธรรมศาสตร์ได้ปีกว่า และเมื่อมีการเลือกตั้งเดือนมีนาคม พ.ศ. 2535 ตอนนั้นอายุย่างเข้า 27 ปี เขาก็ได้ตัดสินใจสวมเสื้อประชาธิปัตย์มาจวบจนถึงปัจจุบัน ในช่วงเวลาการหาเสียง เขามักมีเวลาให้กับครอบครัวน้อยลง ด้วยภารกิจหน้าที่ที่เปลี่ยนแปลงไปจากเดิม แต่การดูแลภรรยาและลูก ก็ยังถือเป็นสิ่งสำคัญที่เขาปฏิบัติอย่างสม่ำเสมอ

          คุณแตง กล่าวอีกว่า ระหว่างหาเสียงเขาจะกลับมาตอนช่วง 4-5 ทุ่ม ซึ่งน้องปราง-ลูกสาว ก็จะตื่นพอดี พ่อกับลูกก็จะเล่นกันไปจนถึงตี 1 ตี 2 จึงพากันหลับไปทั้งคู่ ก่อนหน้านี้เขาจะใช้เวลาที่เหลือจากงานสอนหนังสือในมหาวิทยาลัยมาอยู่บ้าน ตามนิสัยคนรักครอบครัว สมัยก่อนไม่มีสาวคนไหนมากรี๊ด ไม่มีเลย ตอนที่เขาสอนนักเรียนนายร้อย ก็ไม่มีสาวๆ มากรี๊ด เพราะมีแต่นักเรียนทหาร เพิ่งเริ่มตอนที่เขาสอนธรรมศาสตร์ ที่คนอื่นชอบมาเล่าให้ฟัง คนที่รู้จักเราก็ชอบมาเล่าว่าเป็นที่ฮือฮา นักเรียนสาวชอบ เคยถามเขา เขาก็บอกว่าไม่รู้เรื่องเลย ไม่รู้ไก๋หรือเปล่า (หัวเราะ) แต่เขาเคยเอาการ์ดวาเลนไทน์ที่ได้รับจากลูกศิษย์สาวๆ มาให้ดู คือเขามีอะไร เขาไม่ปิดบังเรา แต่ระยะหลังๆ นี้ไม่มีอีกแล้ว 

พิมพ์เพ็ญ เวชชาชีวะ



          "เขาเป็นคนโรแมนติกพอสมควร อย่างวันเกิดเรา เขาก็จะสั่งดอกไม้มาให้ คือไม่ให้เราเอง ให้คนมาส่งทั้งที่อยู่บ้านเดียวกัน แต่ก็ไม่ใช่คนชอบพูดหวาน เป็นคนชอบพูดตรงไปตรงมา แต่เขาไม่มีนิสัยเจ้าชู้ ไม่มีเลย (หัวเราะ) นี่เป็นเหตุผลที่เบาใจอย่างหนึ่ง ไม่อย่างนั้นคงแย่แล้ว ไม่อย่างนั้นคงมีปัญหา ที่สำคัญเขาค่อนข้างเป็นคนรักเดียวใจเดียว (หัวเราะ) ก็รู้จักเขาดี เลยไม่หนักใจเท่าไร" คุณแตง กล่าวถึงคู่ชีวิต 

          ผู้ช่วยศาสตราจารย์ ดร.พิมพ์เพ็ญ กล่าวต่อว่า ตอนที่เขาคิดจะลงลงสมัคร ส.ส. ครั้งแรก เราก็คิดนะว่าจะมีเวลาว่างหรือเปล่า แต่ก็ยอม ก็เห็นว่าเป็นสิ่งที่เขาต้องการ เป็นสิ่งที่เขาใฝ่ฝัน คือคิดว่าเขาทำอย่างนี้แล้วประสบความสำเร็จ มันก็จะเป็นความสุขของเขา แล้วเราก็สุขไปด้วย ก็คงจะเป็นประโยชน์ขึ้นเยอะ ที่เขาจะได้ทำในสิ่งที่เขาคิดว่าเขาทำได้ดีที่สุด การที่เขาทำงานตรงนี้อาจทำให้เราห่างกันบ้าง แต่เราก็เข้าใจว่าเขาไปทำงานจริงๆ ไม่ใช่ไปที่ไหน คือไม่มีเวลาออกไปที่อื่นเลย มีแต่เวลางาน 

          "ภายนอกคนจะมองว่าเขาเป็นคนนิ่งๆ สุขุม แต่จริงๆ เขาเป็นไม่เงียบหรอกค่ะ คือดูภายนอกเป็นคนเงียบ สุขุม แต่จริงๆ เป็นคนพูดเก่ง ขี้เล่น รักเด็ก ชอบเล่น เป็นคนรักลูก เป็นคนสนุก ไม่ขรึมอย่างที่คิด ลูกบอกว่าพ่อใจเย็นทุกเรื่อง ยกเว้นติวลูก เรื่องการติว จะวิ่งหาแม่ทั้งคู่เลย เรื่องใจดี พ่อกับแม่พูดยากนะ บางทีแข่งกันประชานิยมทั้งคู่ แต่ว่าเราถือมากในเรื่องความรับผิดชอบ ความสุภาพ ความซื่อตรง เพราะฉะนั้นเราจะไม่เคี่ยวเข็ญว่าจะต้องเป็นอย่างนั้นอย่างนี้ สิ่งที่เขาทำกับครอบครัว คือไม่ใช่การทำอะไร แต่ว่าเขาให้ความเอาใจใส่มาก ให้ความรัก ความอบอุ่นมากคือเขาทุ่มเทเวลาให้กับเรามาก ไม่รู้ว่าอย่างนี้เรียกว่าหัวหน้าหรือเปล่า คือเขาเป็นคนรักครอบครัวมาก ให้ความสำคัญไม่แพ้งาน" คุณแตง กล่าว 

          คุณแตง กล่าวทิ้งท้ายว่า ในส่วนของการทำงานเขาไม่ค่อยบ่นให้ฟัง คงเป็นเพราะเขาสนุกกับงานตรงนี้ และเขาชอบอยู่แล้ว แต่เราต้องช่วยให้กำลังใจเขา คือพยายามไม่ให้เขาท้อถอย แต่ปกติเขาก็ไม่ท้อถอย คือไม่ว่าจะมีข่าวอะไรมาเขาจะเฉย ไม่รู้สึกท้อถอย เขาสู้ตลอด เราก็เลยรู้สึกไม่ค่อยลำบากใจ เราก็ไปช่วยบ้างแล้วแต่กรณี ณ ตอนนี้รู้สึกดีใจและภูมิใจในตัวเขา แต่ยอมรับว่าหนักใจ เพราะประเทศไทยมีปัญหายากลำบากในขณะนี้  อย่างไรก็ตาม ส่วนตัวจะทำหน้าที่ให้กำลังใจและให้คำปรึกษา ถึงแม้ว่าเขาจะมีเวลาให้กับครอบครัวน้อยลงก็ไม่เป็นไร และจะให้กำลังใจในการทำงานอย่างเต็มที่ และไม่มีเคล็ดลับดูแลนายกรัฐมนตรีเป็นพิเศษ นอกจากกำลังใจ


ขอขอบคุณข้อมูลและภาพประกอบจาก
-  nationweekend.com 
-  abhisit.org
-  news.mcot.net
-  sakulthai.com 
-  th.wikipedia.org

เรื่องที่คุณอาจสนใจ
พิมพ์เพ็ญ เวชชาชีวะ หลังบ้านนายกรัฐมนตรีคนที่ 27 อัปเดตล่าสุด 20 ธันวาคม 2551 เวลา 09:52:39 237,811 อ่าน
TOP
x close