x close

สธ. เตือน! ฉีดซิลิโคนเสริมเต้า อันตราย

นมเด้ง

 
          สธ.เตือนฉีดซิลิโคนเสริมเต้าอันตราย เสี่ยงติดเชื้อ แพทย์จริงคงไม่ทำ เว้นแต่หมอเถื่อน แฉ นอกจากฉีดเต้าแล้วยังมีการฉีดจมูกให้โด่งด้วย ชี้ ประชาชนบางส่วนอาจไม่รู้อันตราย และเห็นว่าราคาถูกจึงตกเป็นเหยื่อ

          ที่กระทรวงสาธารณสุข เมื่อเวลา 11.00 น. วันที่ 24 ธันวาคม นพ.เรวัต วิศรุตเวช อธิบดีกรมการแพทย์ กระทรวงสาธารณสุข กล่าวถึง กรณีที่นางธัญญ์ธรัส นาราช อายุ 35 ปี ประกอบอาชีพขายรถมือสอง เสียชีวิตจากการฉีดเสริมเต้านมว่า สาเหตุการตายที่แท้จริงคงต้องรอผลการชันสูตร แต่จากการตรวจสอบกรณีนี้ สารที่ฉีดเต้านมน่าจะเป็นฉีดซิลิโคน ซึ่งการฉีดซิลิโคนที่อวัยวะไม่ว่าส่วนใดถือว่าไม่เป็นมาตรฐาน และไม่ได้รับการยอมรับ เป็นอันตรายมาก เพราะโดยหลักการเสริมเต้านมจะต้องมีการผ่าตัดและใส่ถุงซิลิโคนเข้าไป หากมีปัญหาจะได้เอาออกได้ 

          "ขอเตือนประชาชนว่าอย่าฉีดซิลิโคนเพื่อทำศัลยกรรมอย่างเด็ดขาด เพราะซิลิโคนที่ฉีดเข้าไปจะไปปนกับเนื้อเยื่อของร่างกาย ถ้ามีปัญหาไม่สามารถเอาออกได้ อีกทั้งการฉีดสิ่งแปลกปลอมเข้าไป เครื่องมือไม่สะอาด หมอเถื่อนเป็นคนทำ อาจทำให้เสียชีวิตได้"  นพ.เรวัต กล่าวและว่า ถ้าเป็นแพทย์ที่มีใบประกอบโรคศิลปะจะไม่ทำศัลยกรรมด้วยวิธีการฉีดซิลิโคนเด็ดขาด ดังนั้นขอเตือนไปยังประชาชนว่า หากมีการให้บริการในลักษณะนี้ขอให้แจ้งมายังกระทรวงสาธารณสุขเพื่อดำเนินการตามกฎหมายได้ทันที 

          นพ.เรวัต กล่าวว่า ปัจจุบันยังพบว่า ประชาชนหลายคนยังถูกหลอก เพราะทราบว่ามีการให้บริการฉีดจมูกให้โด่งด้วย ทั้ง ๆ ที่การเสริมจมูกจะต้องใส่แท่งซิลิโคนเข้าไป หากบิดเบี้ยว ก็สามารถเอาออกได้ สาเหตุที่ประชาชนยังหลงเชื่อ ส่วนหนึ่งคงเป็นเพราะไม่ทราบคำเตือนว่าเป็นอันตราย และคงเห็นว่าราคาถูก ดังนั้นจึงขอย้ำว่า อย่าทำเด็ดขาด 

          ด้าน นพ.ธารา ชินะกาญจน์ ผอ.กองการประกอบโรคศิลปะ กรมสนับสนุนบริการสุขภาพ กระทรวงสาธารณสุข กล่าวว่า การฉีดซิลิโคนหรือฉีดสารใด ๆ เพื่อเสริมเต้านมถือว่าไม่เป็นมาตรฐาน และไม่เป็นที่ยอมรับ หากผู้ให้บริการเป็นหมอเถื่อน จะต้องระหว่างโทษจำคุกไม่เกิน 3 ปี ปรับไม่เกิน 3 หมื่นบาทหรือทั้งจำทั้งปรับ ถ้าเป็นคลินิกเถื่อน ระวางโทษจำคุก 3 ปี ปรับไม่เกิน 6 หมื่นบาท หรือทั้งจำทั้งปรับ กรณีนี้มีการเสียชีวิตด้วยจะถูกดำเนินคดีอย่างเด็ดขาด

          "ทีผ่านมาเรารับทราบว่า มีหมอเถื่อนให้บริการฉีดซิลิโคน เช่น การฉีดจมูก แต่เนื่องจากการให้บริการในลักษณะนี้เป็นการลักลอบดำเนินการ เหมือนกับลักลอบขายยาบ้า หากประชาชนที่ไปใช้บริการไม่แจ้งเบาะแส เราไม่สามารถไปจับกุมได้ ดังนั้นขอฝากไปยังผู้เคยใช้บริการหมอเถื่อนแจ้งมาที่กองการประกอบโรคศิลปะ เราพร้อมที่จะไปล่อซื้อ และจับกุมหมอเถื่อนทันที" นพ.ธารา กล่าว

ส่งศพสาวเสริมอึ๋มผ่าพิสูจน์ที่สถาบันนิติเวช

          ส่วนความคืบหน้ากรณีนางประหยัด สุนทรารักษ์ เข้าแจ้งความกับ พ.ต.ท.วีรยุทธ กุระนาม สารวัตรเวร สภ.เมือง จ.อุบลราชธานี เพื่อให้ตรวจสอบการเสียชีวิตของบุตรสาวคือ น.ส.ธัญญ์รภัส นาราช อายุ 29 ปี พนักงานขายรถยนต์มือสอง ที่มีอาการคลื่นไส้ อาเจียน มีน้ำใสๆ ไหลจากหัวนม หลังไปทำศัลยกรรมเต้านมที่คลินิคเถื่อนแห่งหนึ่งย่านถนนชยางกูร เขตเทศบาลนครอุบลราชธานี โดยมีอาการไม่กี่วันก็เสียชีวิต แพทย์ระบุว่าปอดติดเชื้อ แต่ญาติเชื่อว่าสาเหตุการเสียชีวิตน่าจะเกิดจากการไปเสริมเต้านมมา 

          หลังรับแจ้งตำรวจได้เข้าตรวจค้นบ้านเลขที่ 88 ถ.ชยางกูร ต.ในเมือง อ.เมือง จ.อุบลราชธานี ที่เพื่อนผู้ตายให้การว่า เป็นสถานที่รับทำศัลยกรรม โดยมี "หมอหลิน" จาก กทม. จะเดินทางมาทำศัลยกรรมให้ลูกค้าทุกวันเสาร์-อาทิตย์ การตรวจค้นพบอุปกรณ์ครีมหนีบจมูก ยาชา ถุงมือ ผ้าปิดจมูก สมุดบัญชีรายชื่อลูกค้าที่มาทำศัลยกรรม โดยเจ้าของบ้านคือนางจูมจี นนท์วงศ์ แจ้งว่าของทั้งหมดเป็นของลูกสะใภ้ที่อยู่ต่างจังหวัด และไม่สามารถติดต่อได้ 

          ล่าสุด วันที่ 24 ธันวาคม 51 พ.ต.ท.ศรัญ นิลวรรณ รอง ผกก.สส.สภ.เมือง จ.อุบลราชธานี กล่าวถึงความคืบหน้าว่า ได้จัดรถส่งศพ น.ส.ธัญญ์รภัส ไปที่สถาบันนิติเวชวิทยา โรงพยาบาลตำรวจ เพื่อผ่าพิสูจน์หาสาเหตุการเสียชีวิตที่แน่ชัดอีกครั้ง เพราะโรงพยาบาลสรรพสิทธิประสงค์ อุบลราชธานีไม่มีเครื่องมือเพียงพอในการผ่าพิสูจน์ศพ  

          ดังนั้น การดำเนินการทางคดีกับผู้ถูกกล่าวหา จึงทำไม่ได้ เนื่องจากยังขาดพยานหลักฐาน เบื้องต้นได้สอบปากคำพยานแวดล้อมไว้ทั้งหมด 4 ปาก และจะเชิญผู้ที่มีชื่ออยู่ในบัญชีลูกค้าที่ตรวจยึดได้ มาให้ปากคำเพื่อเชื่อมโยงหาหลักฐานว่า บ้านหลังดังกล่าวเปิดให้บริการเสริมความงามจริง เพื่อให้เข้าข่ายเปิดให้บริการโดยไม่มีใบประกอบโรคศิลปะ เพราะหลักฐานที่พบ อาทิ ครีมหนีบจมูก ยาชา ถุงมือ ผ้าปิดจมูก ไม่ใช่สิ่งของผิดกฎหมายที่จะใช้แจ้งข้อกล่าวหาได้ 

          พ.ต.ท.ศรัญ กล่าวว่า สำหรับนางจูมจี  เจ้าของบ้าน เบื้องต้นยังให้การปฏิเสธ โดยยอมรับเพียงว่า เคยเปิดให้บริการเสริมความงามมาก่อน แต่ได้เลิกทำไปนานแล้ว เพราะถูกร้องเรียน ดังนั้น การจะดำเนินคดี หรือแจ้งข้อหากับผู้เกี่ยวข้อง จึงต้องรอผลการตรวจพิสูจน์ทางวิทยาศาสตร์ ขณะนี้ทำได้เพียงเรียกพยานแวดล้อมมาให้ปากคำเป็นพยานไว้เท่านั้น 

          ด้าน นพ.วุฒิไกร มุ่งหมาย สาธารณสุขจังหวัดอุบลราชธานี กล่าวถึงกรณีที่เกิดขึ้นว่า ได้ให้กลุ่มงานคุ้มครองผู้บริโภค และเภสัชสาธารณสุข จ.อุบลราชธานี ร่วมกับพนักงานสอบสวน เก็บข้อมูลจากนางประหยัด แม่ผู้เสียชีวิต รวมทั้งญาติใช้เป็นข้อมูลสำหรับดำเนินการกับผู้ให้บริการเสริมความงามเถื่อนรายนี้  พร้อมกำชับให้เข้าตรวจสอบตามคลินิกรับเสริมความงามที่เปิดให้บริการทุกแห่ง เพื่อตรวจสอบมีการให้แพทย์จากที่อื่นมาร่วมให้การรักษาด้วยหรือไม่ เพราะอาจเข้าข่ายผิดระเบียบการประกอบโรคศิลปะ ซึ่งขณะนี้อยู่ระหว่างการตรวจสอบ 

          ส่วนคลินิกเถื่อนที่ไม่มีใบประกอบโรคศิลปะ เท่าที่ตรวจสอบขณะนี้ยังไม่พบ จึงขอให้ชาวบ้านที่พบเห็นการใช้อาคารพาณิชย์ หรือบ้านเปิดทำการรักษา ช่วยแจ้งข้อมูลให้เจ้าหน้าที่เข้าตรวจสอบ เพราะหากมีพฤติกรรมลักๆล่อๆ เช่นนี้ ผู้ทำน่าจะไม่ใช่แพทย์ที่ได้รับอนุญาตอย่างแน่นอน

          สาธารณสุขจังหวัดอุบลฯ กล่าวว่า ปัจจุบันเป็นยุคที่วิทยาศาสตร์การแพทย์เจริญก้าวหน้าไปมาก จึงมีผู้ไปทำศัลยกรรมกันเป็นจำนวนมากมาย ดังนั้น จึงขอเตือนผู้ใช้บริการว่า ผู้ที่มีปัญหาเรื่องความงาม และต้องการทำศัลยกรรม จะต้องศึกษาหาข้อมูลในการเลือกร้าน หรือคลินิกที่จะทำ ว่ามีใบประกอบกิจการที่ถูกต้องหรือไม่ ต้องเลือกทำกับแพทย์ที่มีความชำนาญ และเชี่ยวชาญโดยเฉพาะ เพื่อความปลอดภัยในชีวิต ซึ่งปัญหาส่วนใหญ่ที่พบในปัจจุบัน ผู้ใช้บริการจะเลือกใช้บริการโดยไม่ได้คำนึงถึงความปลอดภัย โดยไปตามคำชักชวนเท่านั้น จึงอาจเกิดอันตรายถึงแก่ชีวิตได้




ขอขอบคุณข้อมูลจาก

ภาพประกอบทางอินเทอร์เน็ต ไม่เกี่ยวข้องกับข้อมูล
เรื่องที่คุณอาจสนใจ
สธ. เตือน! ฉีดซิลิโคนเสริมเต้า อันตราย อัปเดตล่าสุด 25 ธันวาคม 2551 เวลา 13:24:51 17,432 อ่าน
TOP