มหาอำนาจอเมริกาไม่เคยมีผู้นำประเทศผิวดำ แต่ครั้งนี้มีแล้ว ด้วยวาทะ "ใช่ เราทำได้" และคำขวัญ "เปลี่ยนแปลง"
ชื่อ "บารัก โอบามา" บุกทะลวงเข้าไปมัดใจอเมริกันชนรุ่นใหม่ได้อยู่หมัด ในจังหวะที่ความเบื่อหน่ายของชาวอเมริกัน ต่อประธานาธิบดี จอร์จ ดับเบิลยู. บุช "สุกงอม" เต็มที จากสงครามอิรักและอัฟกานิสถาน พ่วงด้วยภาวะเศรษฐกิจฟองสบู่แตก
วุฒิสมาชิกรัฐอิลลินอยส์ พรรคเดโมแครต วัย 47 ปี ผงาดขึ้นมาเป็นดาวเด่นระดับชาติ ตั้งแต่ปี 2548 เมื่อปราศรัย "ฉะ" ประธานาธิบดีบุชที่ก่อสงครามอิรัก ได้ถูกอกถูกใจชาวบ้าน
2 ปีต่อมาหยั่งเสียงได้ว่า "มีลุ้น" หากลงสมัครชิงตำแหน่งประธานาธิบดีสหรัฐ แม้ว่าจะต้องเจอคู่แข่งรุ่น "เฮฟวี่เวต" อย่าง ฮิลลารี คลินตัน นักการเมืองหญิงระดับแนวหน้าของสหรัฐ
ฮิลลารี วัย 61 ปี นอกจากมีชื่อเสียงเก่งกาจในการทำงานแล้ว ยังมีประสบการณ์ที่เหนือกว่าโอบามาหลายด้าน รวมถึงเคยอยู่ในทำเนียบขาว 8 ปี ในฐานะ "สตรีหมายเลขหนึ่ง"
แต่ภูมิหลังของโอบามาก็มีดีกรีน่าสนใจ โดยเฉพาะการเป็นประธานชมรมกฎหมายผิวดำคนแรก ระหว่างเรียนที่ฮาร์วาร์ด มหาวิทยาลัยชั้นนำของประเทศ
ส่วนประวัติครอบครัวก็ไม่มีด่างพร้อย ครบถ้วนคุณสมบัติ "แฟมิลี่แมน" ที่แสดงถึงความรักต่อนางมิเชล ภรรยา และลูกสาวทั้งสอง มาเลีย แอนน์ และ นาตาชา (ซาซ่า)
นอกจากนี้บุคลิกที่มีเสน่ห์ รอยยิ้มกว้าง กระตือรือร้น และพลัง คือใบเบิกทางสำคัญ
กระแส "โอบามา มาเนีย" ทำให้วุฒิสมาชิกโอบามากลับพลิกมาแซงฮิลลารีได้สำเร็จ โดยเฉพาะเมื่อมีแรงหนุนจาก โอพราห์ วินฟรีย์ เจ้าแม่ทอล์กโชว์ผิวสี ที่เป็นขวัญใจแม่บ้านอเมริกัน
กระทั่งในที่สุด ชาวอเมริกันในฝั่งเดโมแครตตัดสินใจเลือก "ผู้นำผิวสีคนแรก" แทนที่จะเป็น "ผู้นำหญิงคนแรก" ของอเมริกา
เมื่อเจอศึกหนักสุดๆ มาแล้วในพรรคเดโมแครต เส้นทางต่อสู้ต่อมาของโอบามาจึงไม่ยากเย็นนัก
โอบามาเอาชนะ นายจอห์น แม็กเคน ส.ว.อริโซนา ตัวแทนพรรครีพับลิกันรุ่นคุณปู่ อย่างไม่มีข้อกังขา แม้จะถูกกล่าวหาด้วยข้อหาตั้งแต่ร้ายแรงไปจนเบาะๆ เช่น ถูกโยงว่าเป็นมุสลิม เพราะเคยไปใช้ชีวิตวัยเด็กที่อินโดนีเซีย กับแม่และพ่อเลี้ยงนาน 4 ปี ถูกล้อเลียนเป็นพวกผู้ก่อการร้าย เป็นพวกต่อต้านยิว และเป็นภัยคุกคามต่ออิสราเอล ถูกกล่าวหาว่ามีเพื่อนอยู่ในขบวนการใต้ดิน ซึ่งเป็นกลุ่มหัวรุนแรงที่เคยเคลื่อนไหวต่อต้านรัฐบาลด้วยวิธีการรุนแรง โดนซัดว่ากีดกันทางเพศ เพราะโจมตี นางซาราห์ เพลิน อดีตผู้ว่าการรัฐอลาสกา คู่หูชิงตำแหน่งรองประธานาธิบดีของนายแม็กเคนว่าเป็น "หมูทาลิปสติก"
แต่การโจมตีเหล่านี้ไม่มีแรงสะเทือนต่อคะแนนนิยมของโอบามา โดยเฉพาะในฝั่งผู้เป็นเสรีนิยมที่ใช้เหตุใช้ผลกลั่นกรองข้อมูล เหตุการณ์เหนือความหมายมีเพียงช่วงเดียวที่โอบามาต้องพักการหาเสียงก่อนถึงวันเลือกตั้ง 11 วัน คือการรีบรุดกลับไปดูใจยายที่กำลังป่วยหนักที่รัฐฮาวาย
หลังจากที่ นางเมเดลีน ดันแฮม วัย 85 ปี เคยเลี้ยงนายโอบามาตั้งแต่เด็ก เป็นคนที่ทำให้โอบามาตระหนักถึงความแข็งแกร่งของสตรีในการเป็นผู้นำ
หลังคว้าชัยชนะ โอบามาคัดเลือกผู้หญิงหลายคนร่วมคณะรัฐบาลชุดใหม่ ในที่นี้รวมถึงนางฮิลลารี ที่จะมาคุมกระทรวงการต่างประเทศ
ทั้งหมดจะได้ร่วมงาน หลังจากโอบามาเข้าพิธีสาบานตนเข้ารับตำแหน่งอย่างเป็นทางการในวันที่ 20 มกราคม 2552
ขอขอบคุณข้อมูลและภาพประกอบจาก
