x close

คลอดแล้วเรียนฟรี 15 ปี ให้ผู้ปกครองไปเบิกเงินช้อปปิ้ง 2 พัน

นักเรียน

คลอดแล้วเรียนฟรี 15 ปี ให้ผู้ปกครองไปเบิกเงินช้อปปิ้ง 2 พัน (คมชัดลึก)

         "จุรินทร์" สรุป เรียนฟรี15 ปีรัฐบาลโอนงบให้ร.ร.ให้ผู้ปกครองไปเบิกเงินมาช็อปปิ้งชุดนักเรียน อุปกรณ์การเรียนฟรีเองตามความพอใจ ส่วนตำราเรียนให้ ร.ร.ซื้อเอง จุรินทร์ แจงซับซ้อนน้อยสุดพร้อมสั่งหาวิธีสกัดผู้ปกครองนำเงินไปใช้เรื่องอื่น ส่วนเงินช่วยค่าครองชีพ 2,000 บาท กรอ.เตรียมสรุปวิธีจ่าย 18 ก.พ.นี้

         นายจุรินทร์ ลักษณวิศิษฏ์ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงศึกษาธิการ เปิดเผยภายหลังหารือกับผู้บริหารองค์กรหลักของกระทรวงศึกษาธิการ เพื่อหารือเรื่องนโยบายเรียนฟรี 15 ปีพร้อมสนับสนุนตำราเรียน อุปกรณ์การเรียน ชุดนักเรียน และกิจกรรมพัฒนาผู้เรียนให้นักเรียนด้วยว่า ที่ประชุมได้หารือเพื่อเลือกวิธีจัดซื้อและจัดสรรตำราเรียน อุปกรณ์การเรียน และชุดนักเรียนฟรี พร้อมกิจกรรมพัฒนาผู้เรียนที่เหมาะสมที่สุด และได้ข้อยุติว่า ในส่วนของชุดนักเรียน และอุปกรณ์การเรียนนั้น กระทรวงศึกษาธิการจะจัดสรรงบประมาณตรงไปยังโรงเรียน แล้วให้ผู้ปกครองเบิกเงินจากโรงเรียนเพื่อนำไปจัดซื้อชุดนักเรียนรายละ 2 ชุด

         ทั้งนี้ระดับก่อนประถมจะได้เงินค่าชุดนักเรียนรายละ 300 บาทประถมรายละ 360 บาทม.ต้นรายละ 450 บาทม.ปลายรายละ 500 บาท อาชีวะรายละ 1,000 บาท ส่วนค่าอุปกรณ์การเรียน ระดับก่อนประถมได้รายละ 200 บาท ประถมรายละ 390 บาท ม.ต้น รายละ 420 บาท ม.ปลาย รายละ 460 บาท โดยผู้ปกครองมีสิทธิจะเลือกซื้อชุดนักเรียนของร้านค้าใดก็ได้ หรือจะรวมกลุ่มกันจ้างกลุ่มแม่บ้านในชุมชนตัดเย็บให้ก็ได้ เช่นเดียวกันกับอุปกรณ์การเรียน ผู้ปกครองจะเลือกซื้ออุปกรณ์ประเภทใดก็ได้ ไม่มีการบังคับ กระทรวงแค่ให้แนวทาง โดยจัดทำรายการแนะนำอุปกรณ์ที่ควรซื้อ โดยจะแบ่งจ่าย 2 ครั้ง

         ส่วนตำราเรียนฟรีนั้น กระทรวงศึกษาธิการจะโอนเงินไปให้โรงเรียนดำเนินการจัดซื้อตำราเรียนเอง ตามวงเงินที่ได้รับ คือ ก่อนประถม 200 บาทต่อคน ประถม 433 บาท ม.ต้น 669 บาท ม.ปลาย 897 บาท รวมทั้งจะโอนงบประมาณกิจกรรมพัฒนาคุณภาพผู้เรียนในวงเงินหัวละ 430 บาท สำหรับระดับก่อนประถม หัวละ 480 บาท ม.ต้น 880 บาท และ ม.ปลาย 950 บาท เพื่อให้โรงเรียนไปดำเนินการจัดกิจกรรม 4 ประเภท คือ

         กิจกรรมวิชาการ กิจกรรมพัฒนาคุณธรรม จริยธรรม เช่น ลูกเสือ-เนตรนารี ยุวกาชาด กิจกรรมทัศนศึกษานอกสถานศึกษา และกิจกรรมให้บริการไอซีทีและคอมพิวเตอร์แก่นักเรียน เพิ่มเติมจากหลักสูตรปกติไม่น้อยกว่า 40 ชั่วโมงต่อคนต่อปี อย่างไรก็ตาม การดำเนินการจัดซื้อตำราเรียนและจัดกิจกรรมพัฒนาคุณภาพผู้เรียนนั้น โรงเรียนต้องให้ภาคี 4 ฝ่ายคือ ผู้ปกครอง ครู คณะกรรมการนักเรียน ตัวแทนชุมชน มีส่วนในการตัดสินใจร่วมกับกรรมการสถานศึกษาด้วย 

         ที่ประชุมได้แลกเปลี่ยนข้อคิดเห็นกันและสุดท้ายตัดสินใจเลือกวิธีจัดงบตรงไปให้โรงเรียน แล้วให้ผู้ปกครองเบิกเงินไปซื้อชุดนักเรียน อุปกรณ์การเรียนเองตามความประสงค์ เพราะเห็นว่าวิธีนี้ซับซ้อนน้อยกว่าใช้ระบบคูปอง ส่วนที่กลัวว่า เมื่อผู้ปกครองรับเงินไปแล้วจะนำเงินไปใช้อย่างอื่น ไม่ซื้อชุดนักเรียน อุปกรณ์การเรียนให้เด็กนั้นจริงๆ แล้วไม่มีระบบอะไรที่สมบูรณ์แบบร้อยเปอร์เซ็นต์ ถึงให้คูปองผู้ปกครองก็อาจไปตกลงกับร้านค้าขอแลกเป็นเงินแทน โดยหักส่วนแบ่งให้ร้านค้าก็ได้ รมว.ศึกษาธิการกล่าว

         อย่างไรก็ตาม ได้มอบให้สำนักงานคณะกรรมการการศึกษาขั้นพื้นฐาน (สพฐ.) สำนักงานคณะกรรมการการอาชีวศึกษา(สอศ.) และสำนักงานคณะกรรมการการอุดมศึกษา(สกอ.) ไปคิดระบบป้องกันเรื่องนี้ โดยอาจกำหนดให้ผู้ปกครองต้องนำใบเสร็จ หรือชุดนักเรียนที่ซื้อมายืนยันกับโรงเรียน รวมทั้งให้คิดระบบติดตามตรวจสอบด้วย โดยอาศัยกลไกของสำนักงานเขตพื้นที่การศึกษา และผู้ตรวจราชการกระทรวงศึกษาธิการ 

          นอกจากนั้นจะให้มีการรณรงค์ให้นักเรียนที่สามารถช่วยตัวเองได้สละสิทธิ์ในการรับเงินค่าชุดนักเรียนและอุปกรณ์การเรียน โดยมีเป้าหมายว่า จะนำเงินที่เหลือจากการสละสิทธิ์ไปใช้พัฒนาโรงเรียนด้อยโอกาสยากจนทั่วประเทศ จากข้อมูลของ สพฐ.พบว่า มีโรงเรียนด้อยโอกาสทั่วประเทศ 600 แห่ง เพราะฉะนั้น ถ้านักเรียนคนใดสละสิทธิ์ก็เท่ากับมีส่วนช่วยพัฒนาโรงเรียนยากจนในชนบท ในส่วนนักเรียนโรงเรียนเอกชนจะได้รับสิทธิของฟรี 4 อย่างเช่นกัน และโรงเรียนเองจะได้รับเงินอุดหนุนรายหัวเพิ่มจาก 60% เป็น70% ในปีการศึกษา2552 ด้วย

         ส่วนปัญหาข้อขัดแย้งการให้เงินช่วยค่าครองชีพจำนวน 2,000 บาท นั้นในวันที่ 18 กุมภาพันธ์นี้จะมีความชัดเจนขึ้น โดยนายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ นายกรัฐมนตรี กล่าวว่า วันที่ 18 กุมภาพันธ์จะมีการประชุมคณะกรรมการร่วมระหว่างภาครัฐและเอกชน (กรอ.) ซึ่งจะหยิบยกประเด็นเงินช่วยค่าครองชีพจำนวน 2,000 บาท เข้าหารือว่าจะจ่ายด้วยวิธีการใด ส่วนมาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจในลักษณะนี้จะดำเนินการตลอดทั้งปี คาดว่าเงินงบประมาณจะเข้าสู่ระบบได้ตั้งแต่เดือนมีนาคมเป็นต้นไป เริ่มจากเงินอาสาสมัครประจำหมู่บ้าน (อสม.) ส่วนเงิน 2,000 บาท และเงินช่วยเหลือผู้สูงอายุจะดำเนินการได้ในเดือนเมษายน 

         นายกอร์ปศักดิ์ สภาวสุ รองนายกรัฐมนตรี กล่าวว่า การแจกเงิน 2,000 บาท ให้ผู้มีรายได้ต่ำกว่า 1.5 หมื่นบาทต่อเดือน จะช่วยเหลือบรรเทาค่าครองชีพผลกระทบจากเศรษฐกิจได้ถึง 8-9 ล้านคน ซึ่งถือเป็นคนส่วนใหญ่ที่มีรายได้น้อย 7-8 พันบาท ส่วนที่มีเงินมากกว่านี้ถึง 1.5 หมื่นบาท มีประมาณ 1 ล้านคนเท่านั้น จะใช้วิธีจ่ายเงินแบบไหนจะสรุปวันที่ 18 กุมภาพันธ์นี้ ขณะนี้อยู่ระหว่างหารือกับภาคเอกชนให้สนับสนุนและรับเช็คดังกล่าวแทนเงินสดทั้งในร้านค้าโชห่วย โรงแรม ห้างสรรพสินค้า รวมทั้งการช่วยเพิ่มมูลค่าเช็ค โดยการให้ส่วนลด เช่น อาจทำให้มูลค่าเช็คเงินสดกลายเป็น 2,200 บาท ซึ่งแนวทางดังกล่าวน่าจะเหมาะสมกว่าการให้เป็นคูปองเหมือนไต้หวัน เพราะอาจปลอมแปลงง่ายและเอกชนที่รับคูปองไปไม่สามารถนำไปเข้าแบงค์ได้  

         นายกรณ์ จาติกวณิช รมว.คลัง กล่าวว่า การจ่ายเงิน 2,000 บาท ให้ประชาชนนั้น ยืนยันว่า เงินต้องถึงประชาชนเต็มเม็ดเต็มหน่วย และสามารถนำไปใช้ซื้ออะไรก็ได้ หากต้องจ่ายเป็นเช็คก็ขอให้เอกชนให้ความร่วมมือในการรับแทนเงินสดและให้ส่วนลดมากที่สุดด้วย



ขอขอบคุณข้อมูลจาก

ภาพประกอบทางอินเทอร์เน็ต
เรื่องที่คุณอาจสนใจ
คลอดแล้วเรียนฟรี 15 ปี ให้ผู้ปกครองไปเบิกเงินช้อปปิ้ง 2 พัน อัปเดตล่าสุด 15 มิถุนายน 2559 เวลา 15:56:57 48,620 อ่าน
TOP