คลังถังแตก สี่เดือนรัฐขาดดุลเงินสด 2.5 แสนล้าน (เดลินิวส์)
สี่เดือนรัฐขาดดุลเงินสด 2.5 แสนล้าน ใช้เงินคงคลัง 1.9 แสนล้านบาท ส่งผลสิ้นเดือนม.ค.เหลือเงินคงคลัง 3.6 หมื่นล้านบาท
วันนี้ (17 กุมภาพันธ์) ผู้สื่อข่าวรายงานว่า นายสมชัย สัจจพงษ์ ผู้อำนวยการสำนักงานเศรษฐกิจการคลัง (สศค.) เปิดเผยว่า ฐานะการคลังของรัฐบาลตามระบบกระแสเงินสด ในเดือนมกราคมที่ผ่านมา ขาดดุลเงินงบประมาณ 101,665 ล้านบาท ส่งผลให้ในช่วง 4 เดือนแรกของปีงบประมาณ 52 (ตุลาคม51 มกราคม 52) นี้ รัฐบาลขาดดุลเงินงบประมาณรวม 229,348 ล้านบาท และเมื่อรวมกับดุลเงินนอกงบประมาณซึ่งขาดดุล 21,714 ล้านบาท ทำให้รัฐบาลขาดดุลเงินสดรวมทั้งสิ้น 251,062 ล้านบาท
ขณะที่ ฐานะการคลังในช่วง 4 เดือนแรก มีรายได้นำส่งคลัง 367,409 ล้านบาท ต่ำกว่าช่วงเดียวกันปีที่แล้ว 59,231 ล้านบาท หรือ 13.9% เนื่องจากการจัดเก็บภาษีสรรพสามิตน้ำมัน ภาษีมูลค่าเพิ่ม (แวต) และภาษีธุรกิจเฉพาะลดลง รวมทั้งการนำส่งรายได้ของรัฐวิสาหกิจที่ลดลง ขณะที่การคืนภาษีของกรมสรรพากรเพิ่มขึ้นมาก ส่วนการเบิกจ่ายงบประมาณของรัฐบาลมีทั้งสิ้น 596,757 ล้านบาท สูงกว่าช่วงเดียวกันปีก่อน 45,081 ล้านบาท หรือ 8.2% แบ่งเป็นรายจ่ายปีปัจจุบัน 540,320 ล้านบาท คิดเป็นอัตราการเบิกจ่าย 29.4% ของวงเงินงบประมาณ 1.835 ล้านล้านบาท และรายจ่ายปีก่อน 56,437 ล้านบาท
ส่งผลให้ดุลการคลังรัฐบาลตามกระแสเงินสด ขาดดุล 229,348 ล้านบาท และเมื่อรวมกับดุลเงินนอกงบประมาณที่ขาดดุล 21,714 ล้านบาท ส่วนหนึ่งเป็นผลจากการชำระคืนตั๋วเงินคลังสุทธิ 9,000 ล้านบาท รวมรัฐบาลขาดดุล 251,062ล้านบาท ทั้งนี้รัฐบาลชดเชยการขาดดุลดังกล่าวด้วยการออกพันธบัตร 59,000 ล้านบาท และใช้เงินคงคลัง 192,062 ล้านบาท มีผลให้เงินคงคลังจากต้นปีงบ 52 ที่มีอยู่ 229,060 ล้านบาท เหลือเพียง 36,998 ล้านบาท
สำหรับเดือนมกราคม รัฐบาลมีรายได้นำส่งคลัง 90,752 ล้านบาท ต่ำกว่าเดือนเดียวกันปีที่แล้ว 9,215 ล้านบาท หรือ 9.2% เนื่องจากการจัดเก็บภาษีของ 3 กรมหลักในสังกัดกระทรวงการคลัง จัดเก็บได้ลดลง โดยเฉพาะกรมสรรพสามิตจัดเก็บลดลง 8,012 ล้านบาท เป็นผลจากนโยบาย 6 มาตการ 6 เดือนฝ่าวิกฤติเพื่อคนไทย ที่ทำให้ภาษีสรรพสามิตน้ำมันจัดเก็บได้น้อยลง รวมถึงการคืนภาษีของกรมสรรพากร ที่อยู่ในระดับสูงกว่าปีที่แล้วมาก ส่งผลให้รายได้สุทธิของรัฐบาลลดลง
ขณะที่การเบิกจ่ายเงินงบประมาณทั้งสิ้น 192,417 ล้านบาท เพิ่มขึ้นจากเดือนเดียวกันปีก่อน 34,015 ล้านบาท หรือ 21.5% โดยเบิกจ่ายที่สำคัญ ได้แก่ รายจ่ายเงินอุดหนุนให้องค์กรปกครองส่วนท้องถิ่น (อปท.) และรายจ่ายให้แก่กองทุนหลักประกันสุขภาพแห่งชาติ โดยเป็นรายจ่ายประจำ 125,971 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 34.1% และรายจ่ายลงทุน 52,029 ล้านบาท ลดลง 1.8% เป็นต้น
ขอขอบคุณข้อมูลจาก
ขอขอบคุณภาพประกอบจาก หนังสือพิมพ์ไทยรัฐ