


ชาม - ไอยวริญท์ หลงเสน่ห์ลูกครึ่ง (เดลินิวส์)
สวยมีตำแหน่งอย่าง ชาม-ไอยวริญท์ โอสถานนท์ เพิ่งจะได้มีโอกาสแจ้งเกิดในผลงานละคร "พลิกฟ้าล่าตะวัน" ซะที หลังจากที่รอคอยมานาน เพราะละครเรื่องแรก "ฟ้าให้เรามารักกัน" นั้น ถูกดองเค็มไม่ได้ออกอากาศซะที ทำให้ความหวังการเป็นนักแสดงของน้องชามดูท่าจะริบหรี่ แต่สุดท้ายฟ้าก็เข้าข้าง วันนี้ชามเลยหน้าบานกับผลตอบรับที่ได้ และได้ค้นหาตัวเองได้เจอซะทีว่าเป็นคนชอบการแสดง วันนี้ชามเคลียร์คิวมาเยือน "ดาวต่างมุม" ทั้งทีเลยต้องคุยกับแบบหมดเปลือกกันหน่อย
ละครที่ผ่านมาเป็นยังไงบ้าง?
ชาม : ความจริงมันเป็นละครเรื่องที่ 2 ของชาม แต่เป็นเรื่องแรกที่ออกอากาศ ดีใจมากเลย ที่ได้เห็นผลงานตัวเอง เรียกว่าเห่อละครพอสมควร ตอนวันแรกที่จะออกอากาศนี่นอนไม่หลับเลย เพราะงานมันอั้นมาตั้งแต่ "ฟ้าให้เรามารักกัน" เรื่องนั้นทุ่มเทเต็มที่แต่ไม่ได้ออกอากาศ ดีใจที่เรื่องนี้ได้ออกอากาศ แค่วันแรกก็มีคนจำได้แล้ว แฟนละครก็มีทุกกลุ่มเลย โดยเฉพาะเด็กๆ จะชอบดู
รู้สึกอย่างไรที่ละครเรื่องแรกยังไม่ออกอากาศซะที?
ชาม : ก็ดีใจที่เรื่องนี้ยังได้ออกอากาศ ความจริงชามชอบเรื่องนั้นด้วย เพราะชามชอบหนังรัก โรแมนติก คอมเมดี้ วิวสวยๆ และเรื่องนั้นชื่อก็บอกอยู่แล้ว "ฟ้าให้เรามารักกัน" แต่ก็ไม่ได้ออกซะที ก็เสียใจนะ เวลาโดนถามชามก็มักจะบอกว่าไม่เป็นไร แต่ว่าจริงๆ ก็ไม่ใช่ไม่เป็นไร แต่อยากให้ออก เพราะมันเป็นผลงานเรื่องแรกของเรา


ได้เห็นตัวเองในมุมนักแสดงเป็นอย่างไรบ้าง?
ชาม : ก็แฮปปี้ แต่ก็จะมีที่แบบเราน่าจะเล่นได้ดีกว่านี้อีก ชามจะวิ่งไปดูมอนิเตอร์ทุกครั้ง เช็กว่าตัวเองเล่นเป็นยังไง ดีไหม แล้วก็ให้พี่ๆ ที่เข้าวงการมาก่อนว่ามีอะไรช่วยแนะนำชามได้เลย แล้วก็จะปรับปรุงไปเรื่อยๆ ก็หวังว่า คนดูจะชอบเรา และอยากเห็นเราเล่นอีก เพราะเวลาเล่นละครมันก็มีความสุข ทีมงานก็เหมือนครอบครัวเดียวกัน เวลาตื่นมาทำงานก็รู้สึกเหมือนไม่ได้มาทำงาน เหมือนมาเล่นกันในกองมาก กว่า
เล่าประสบการณ์ที่ได้จากการเล่นละครหน่อย?
ชาม : อย่างแรกที่ได้คือ ความอดทน หลังจากที่ได้ฝึกจากการเป็นนางงามมาแล้ว บางทีก็ไม่ได้นอนเลย เพราะเป็นละครบู๊ ถ่ายเอฟเฟกต์ยาก ต้องมีสติตลอดเวลา เราเล่นกับเอฟเฟกต์ ระเบิดจริง ปืนจริง ถึงแม้จะลูกกระสุนปลอมก็ตาม ได้ความเชื่อมั่นในตัวเอง ฝึกเล่นให้เป็นธรรมชาติที่สุด อย่างตอนนี้ก็ร้องไห้เองได้แล้ว ชีวิตจริงชามไม่ค่อยร้องไห้ เวลาเล่นละครมันยากมาก แต่ตอนนี้เริ่มได้แล้ว เริ่มมาแล้ว (หัวเราะ)
นอกจากงานละครแล้ว ยังมีงานอะไรอีกบ้าง?
ชาม : ก็มีพิธีกรรายการ ทีวี ไกด์ ทางช่อง 9 เป็นรายการวาไรตี้ช่วงเช้า มีท่องเที่ยวบ้าง แต่ชามรู้สึกว่าเวลาที่ชามเล่นเป็นคนอื่นมันง่ายกว่าเป็นตัวเองอีก ไม่รู้ทำไม มีแต่คนบอกว่าเป็นพิธีกรก็เป็นตัวเองสิ แต่สำหรับชามรู้สึกว่ามันยาก รายการนี้ก็ทำมาตั้งแต่ต้นปีแล้ว แต่ก่อนหน้านี้ก็เคยเป็นพิธีกรรับเชิญมากกว่า อีกรายการเป็นรายการสอนภาษาอังกฤษ ของช่อง 7 ตอนเย็นวันพุธ อันนี้ใกล้ตัวหน่อย ไม่มีอะไรมากก็สอนภาษาอังกฤษไป อันนี้โอเค เพราะเป็นสคริปต์เป๊ะๆ ยากนะแต่ก็ดีใจที่เขาให้โอกาสเรา
คนตอบรับกับการเป็นพิธีกรอย่างไรบ้าง?
ชาม : ถ้าเป็นตามสคริปต์เนี่ย คนดูก็จะโอเค อย่างตอนที่เป็นพิธีกรไทยซูเปอร์โมเดล คอนเทสต์ ก็โอเค ฟีดแบ็กดี เพราะอันนั้นเป็นสคริปต์ อย่าให้คิดอะไรนอกเหนือจากนั้น คือเราจะตื่นเต้นไง กลัวใช้ภาษาไทยไม่ถูกด้วย เพราะอย่างช่วงแรกๆ ตอนที่ชามได้ตำแหน่งใหม่ๆ ก็จะไม่รู้ว่าคำนี้ใช้ได้ไหม ฟังแล้วรู้สึกอย่างไร เราไม่มั่นใจตรงนั้น เหมือนการเต้นเลย ตอนที่ไปประกวดมิสยูนิเวิร์สเขาให้เต้นก็ได้ท่าถูกจังหวะเป๊ะ แต่จะให้เพิ่มลีลาของตัวเองไปเนี่ยอย่าให้คิดเอง (หัวเราะ)


ผ่านเวทีประกวดมาลุคส์ของนางงามจะต้องเรียบร้อยน่ารัก ต่างกับภาพของดารา?
ชาม : ใช่สิ ชามเบื่ออันนั้นมากเลย เพราะการเป็นนางงามเนี่ย เลยมีแต่คนคิดว่าชามเรียบร้อย แรกๆ เราก็รู้สึกว่าเอ๊ะ ภาพเราออกมาเป็นอย่างนั้นเหรอ และพอนานๆ เข้า คนจะคิดว่าชามเรียบร้อยมาก แต่ในชีวิตจริงมันก็ไม่ใช่ ก็เลยรู้สึกว่าเมื่อไหร่ฉันจะเปลี่ยนภาพนั้นได้สักที ตัวจริงชามเหมือน "ทอรุ้ง" ในละครเลย แต่ไม่โหดขนาดนั้น ชามจะห้าวมากกว่า ไม่เอาแล้วนางงามเป็นนักแสดงดีกว่า
แสดงว่าชอบงานแสดงมาก?
ชาม : ก็ดีค่ะ มันทำให้ชามได้มีโอกาสลองงานอื่นในวงการบันเทิง และก็ทำให้ชามรู้ว่าชามชอบการเป็นนักแสดง 3 ปีที่ผ่านมาในวงการบันเทิงก็ถือว่าแฮปปี้ เรียนไปด้วยทำงานไปด้วย บางช่วงก็สะอึกอยู่เหมือนกัน ยิ่งช่วงแรกๆ ถามว่าการเป็นนางงามนี่เหนื่อยไหม ไม่เหนื่อยนะถ้าไม่หวัง ถ้าไปแบบล่องลอย แฮปปี้จะตาย เขาพาไปเที่ยวอ่ะ แต่ถ้าสมมุติว่าหวังต้องการอะไร หวังตำแหน่ง มันจะเหนื่อยที่สุด แล้วพอมาได้เล่นละคร มันก็ล้าแหละ แต่มันก็ไม่ได้เท่าตอนที่ชามประกวด คือชามผ่านจุดที่เหนื่อยอึดมาแล้ว 3 ปีที่ผ่านมา ชีวิตเปลี่ยนไปเยอะค่ะ ช่วงที่ได้ตำแหน่งใหม่ๆ อายุ 18 เหมือนงงชีวิต แต่ก็ดีใจที่ทุกอย่างมันเกิดขึ้นนะคะ และก็โชคดีที่มีคนสนับสนุนเราดีทั้งครอบครัว เพื่อนๆ ก็ดีด้วย เพื่อนจะคอยช่วยเรื่องการเรียนว่าตามอันนี้ให้ทันนะ เพราะเราอาจจะต้องมีขาดเรียนไปบ้าง
ตอนนี้เรียนอยู่ปีอะไรแล้ว?
ชาม : ปี 4 แล้ว ที่นิเทศฯจุฬาฯ อีกเทอมเดียวจะจบแล้ว แต่การเรียนที่ผ่านมาก็ทรหดมาก เราทำงานอยู่ ก็ต้องแวบไปเรียน อย่างถ่ายละครถึงเช้า พอ 9 โมงก็ไปเรียน เรียนเสร็จก็มาถ่ายละครต่อ โหดมันฮามาก ก็เหนื่อยพอสมควร บางครั้งต้องทำการบ้านในกองถ่าย
ทำงานเยอะอาจจะขี้เกียจไปเรียนได้ มีวิธีบอกกับตัวเองยังไง?
ชาม : คือมันเป็นสิ่งที่ต้องทำ ก็ทำซะให้เสร็จๆ ถ้ายังไงเราก็ต้องทำก็ไม่ต้องไปบ่นกับมัน เป็นสิ่งที่เราเลือกแล้ว ชามประหลาดอย่างหนึ่ง ตอนที่ไม่มีงาน เรียนอย่างเดียวเนี่ย คะแนนมันจะเฉยๆ แต่พอเวลาที่มีงานอัดเข้ามาแน่นๆ คะแนนชามพุ่งขึ้นอย่างเดียวเลยนะ ไม่รู้ทำไม เหมือนท้าทายว่า ลองดูสิฉันจะรับได้แค่ไหน ถ่ายละครเสร็จ ไม่ต้องนอน กลับมาทำรายงาน คะแนนพุ่ง ต่อไปนี้ชามเลยบอกแม่ว่า รับงานให้เยอะๆ เลยแม่ เต็มที่ (หัวเราะ) แต่ช่วงไหนที่เรามีเวลา มันก็จะแบบเออเดี๋ยวค่อยทำก็ได้ ลั้นลาได้เลย
อยู่ในวงการบันเทิงหนีไม่พ้นข่าวคราว เคยมีท้อกับข่าวไหม?
ชาม : มีอยู่ข่าวหนึ่งที่ทำให้มันกระทบมาถึงชามทุกวันนี้ก็คือ ข่าวตอนที่ชามเป็นพิธีกรงานวันปิยะมหาราชของจุฬาฯ ตอนนั้นชามเพิ่งได้ตำแหน่งมาไม่เท่าไหร่ เขาให้เราเป็นพิธีกรแล้วก็มีสคริปต์มาให้ คำก็ยากเหลือเกิน เราก็นั่งท่องไป แล้วก็มีในสคริปต์ว่าให้แซวพี่บีม-กวี ตันจรารักษ์ คือพี่บีมจะบอกว่า ให้โทรฯ มาที่ไหนครับน้องชาม แล้วชามก็บอกว่า พี่บีมก็อ่านเองซิคะ แต่สีหน้าชามด้วยความที่มันตื่นเต้นสดอีกต่างหาก น้ำเสียงก็ดูจริงจัง คนก็เลยมองว่าทำไมไปว่าเขาอย่างนั้น คืออะไรที่เป็นประโยคเดียวกัน แต่น้ำเสียงคนละแบบ มันฟังเป็นอีกแบบได้เลย หลังจากนั้นในเว็บไซต์ทั้งหลายก็ต่อว่า ทั้งที่ตอนนั้นไม่ได้มีใครรู้สึกอะไรเลย ไม่งั้นผู้ใหญ่คงเข้ามา ทักเราแล้วว่าพูดได้ยังไง พี่บีมเองก็ไม่รู้ตัว จนกระทั่งข่าวออก แล้วมีคนมาสัมภาษณ์ชามก็งงว่ามีเรื่องอะไรกับพี่บีม หลังจากนั้นก็เลยไม่มั่นใจกับการเป็นพิธีกร ถ้าเป็นงานใหญ่ๆ อย่างนั้นอีกก็รู้สึกว่าไม่กล้าพูด แล้วก็เคยมีข่าวแบบโดนถ่ายรูปบนเวทีเสยขึ้นมา ก็ไม่เป็นไร เรียนรู้ไป ด้วยความที่เป็นคนห้าวตั้งแต่เด็ก ก็จะลุกนั่งไม่ระวัง แต่จะมีพี่ๆ มาสอน มาคอยบอกว่าไม่ได้ต้องนั่งดีๆ ช่วงนี้ก็ไม่ค่อยหลุด ที่ผ่านมาเราไม่ใช่ว่าจะเป็นผู้หญิ้ง ผู้หญิงซะทีเดียว
แล้วอย่างจะไปไหนกับใครต้องมีระวังเป็นพิเศษไหมเนี่ย?
ชาม : ระวังอยู่แล้ว แต่ตอนนี้ยังไม่มีโอกาสได้ไปไหนกับใครไง เพราะมันยังไม่มีจริงๆ ยังไม่มีคนที่ถูกใจ ก็มีคนเข้ามาจีบ แต่ว่ายังไม่ถูกใจ ชามก็เลยไม่อยากจะแบบว่า หลอกใคร หรือคุยไว้ก่อนแล้วค่อยว่ากันอีกที ไม่เอาอ่ะ ถ้ารู้ว่าไม่ใช่เราก็คงจะทำใจให้ชอบเขายาก ก็บอกปัดไปเลยดีกว่า เป็นเพื่อนกันดีกว่า ชามก็เลยไม่มีใครจนถึงทุกวันนี้ เฮ้อ เศร้า

ถ้ามีคนมาจีบปุ๊บ ตัดเลยเหรอ?
ชาม : ดูก่อนว่าใช่สเปกไหม คุยกับเรารู้เรื่องไหม แต่ที่ผ่านมามันยังไม่เจอไง ชามชอบลูกครึ่ง แต่ไม่เจอลูกครึ่งเลย ที่ชอบลูกครึ่งเนี่ยอาจจะเป็นเพราะเรียนอินเตอร์มั้งคะ ชอบที่มีความผสมผสานระหว่างความเป็นไทยแล้วก็ความเป็นอินเตอร์ แล้วลูกครึ่งส่วนใหญ่ก็หน้าตาน่ารักด้วยไง
ไม่รู้สึกเหงาใจบ้างเหรอ?
ชาม : ถ้าเหงานี่ คงเหงาตั้งแต่ก่อนเข้าวงการแล้วแหละ (หัวเราะ) ก็จริงๆ ก็เหงาอยู่เหมือนกันนะ แต่อย่างที่บอกไม่อยากไปหลอกใคร ถ้าไม่ใช่จริงๆ ก็ไม่ คือระวังตัวเอง ระวังเขาด้วย สงสารไม่อยากจะไปอะไรกับใคร ชามจะถูกเลี้ยงแบบผสมผสานระหว่างไทยกับอินเตอร์ อย่างเรื่องความรักที่บ้านก็จะใส่ความคิดแบบไทยโบราณมาก จะเป็นเพื่อนกันได้อยู่แล้ว ไม่มีใครห้าม แต่ถ้าจะอะไรมากกว่านั้น ก็ต้องรู้ลิมิตตัวเอง คือความรักมันไม่จำเป็นต้องมีเหตุผล แต่ก็ต้องอยู่ในกรอบและกฎเกณท์ของความถูกต้องด้วย
ส่วนตัวชามชอบความเป็นไทยหรืออินเตอร์?
ชาม : คิดว่าต้องผสมกันไป อย่างที่บอกว่าชามชอบลูกครึ่ง เพราะเขาผสมอยู่แล้ว มีไทย มีอินเตอร์ ขอให้คุยกันรู้เรื่อง ที่สำคัญขอให้หาเจอด้วย ไม่แน่นะลงคอลัมน์นี้ไปอาจจะมีมาให้เลือกก็ได้ (หัวเราะ) มีแต่คนบอกว่าชามเรื่องมากเรื่องนี้เลยไม่มีสักที ซึ่งชามไม่เห็นด้วยเลยนะ แต่พอโสดติดกันมาหลายปี และตั้งแต่เข้าวงการมายังไม่มีจริงจังซะที ก็โอเค เราอาจจะเรื่องมากจริงๆ แล้วชามเป็นคนรักบ้านด้วย ทำงานไปด้วยเรียนไปด้วยก็หนักแล้ว เวลาพักนี่อยากนอนบ้านอย่างเดียวเลย ไม่อยากไปไหน เพื่อนก็บอกให้ไปเปิดโอกาสตัวเองบ้าง ทำงานเสร็จเขาก็ไปลั้นลาต่อ แต่ชามนี่ไม่เอาจะกลับบ้านท่าเดียว พอกลับไปถึงบ้านมานั่งคิด มิน่าฉันถึงยังไม่มีแฟน เพราะเป็นคนอยู่แต่บ้าน
แย้มสเปกกันซะขนาดนี้ หนุ่มไทยก็อย่างเพิ่งอกหักซะก่อนล่ะ เพราะหากหาลูกครึ่งไม่เจอ สาวชามอาจจะหันมามองหนุ่มไทยบ้างก็ได้นะ หุหุ
ขอขอบคุณข้อมูลและภาพประกอบจาก
เรื่อง คนกลาง
ภาพ สุรเชษฏ์ วัชรวิศิษฏ






