

หมายเหตุ : รูปภาพผู้เสียชีวิตที่ทางเว็บและสื่อนำเสนอ ไม่ได้มีเจตนาอย่างอื่น เพียงแต่เจ้าหน้าที่ตำรวจต้องการให้เผยแพร่ เพื่อให้ญาติหรือคนรู้จักมาติดต่อ ระบุตัวผู้เสียชีวิต เพื่อเป็นประโยชน์ต่อการสืบสวน และการติดตามคดีของเจ้าหน้าที่ตำรวจต่อไปค่ะ
"จงรัก" แถลงผลตรวจ "ฝรั่งหัวขาด" ให้น้ำหนักไปที่การ "ฆ่าตัวตาย" พร้อมสรุปสำนวนใน 30 วัน (มติชนออนไลน์)
พยานหลักฐานชี้เป็นการฆ่าตัวตาย
เมื่อเวลา 14.00 น. วันที่ 24 กุมภาพันธ์ ที่สำนักงานตำรวจแห่งชาติ (ตร.) พล.ต.อ.จงรัก จุฑานนท์ รองผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติ (ผบ.ตร.) ได้ประชุมพนักงานสืบสวนสอบสวน สน.บวรมงคล บก.น.7 ตำรวจกองบังคับการปราบปราม ตำรวจท่องเที่ยว เพื่อติดตามความคืบหน้าคดีพบศรีษะชายชาวต่างชาติแขวนบนสะพานพระราม8
พล.ต.อ.จงรัก กล่าวว่า จากเหตุที่เกิดขึ้นไม่มีพยานเห็นเหตุการณ์ จึงทำให้มีการคาดเดาว่าเป็นการฆ่าตัวตาย หรือฆาตกรรม แต่จากการรวบรวมพยานหลักฐานในขณะนี้จากการยืนยันของแพทย์โรงพยาบาลศิริราช ที่ได้ตรวจพิสูจน์จากส่วนศรีษะและร่างกายของผู้ตายแล้ว มีความเห็นว่า เป็นบุคคลเดียวกันและเป็นการฆ่าตัวตาย โดยแผลที่คอขาดเป็นขอบไม่เรียบและถลอก รอบแนวบาดแผลรอบคอด้านหลังสูงกว่าด้านหน้า ลักษณะเป็นแนวรอยจากการถูกแขวนคอไม่ได้ถูกตัดคอด้วยของแข็งมีคม เพราะหากถูกของแข็งมีคมแผลจะต้องเป็นขอบเรียบ รวมทั้งตามร่างกายไม่พบบาดแผลถูกทำร้ายอื่น อีกทั้งจากการตรวจสอบการตกกระจายของเลือดบนสะพานพระราม 8 พบว่าเป็นเลือดที่พุ่งมาจากหลอดเลือดแดงใหญ่ที่คอ ซึ่งเกิดขาดจากกระดูกสันหลังจากการกระโดดสะพานแล้วกระตุกแขวนคอ
พร้อมสรุปสำนวนใน 30 วันส่งผู้ว่าฯ กทม.
พล.ต.อ.จงรัก กล่าวว่า จากหลักฐานทางการแพทย์ที่ปรากฏ ก็น่าจะเป็นการฆ่าตัวตาย ไม่ใช่อาชญากรข้ามชาติ เพราะที่ผ่านมาขีดความสามารถของคนร้ายข้ามชาติในเรื่องอาชญากรรมในประเทศไทย ยังไม่รุนแรงถึงขนาดนี้ ดังนั้น ขออย่าให้ประชาชนอย่าตื่นตระหนกว่าเป็นการฆาตกรรมโหดเหี้ยม แต่อย่างไรก็ตาม หากประชาชนมีข้อมูลเพิ่มเติมว่า เป็นการฆาตกรรมสามารถแจ้งพนักงานสืบสวนสอบสวนเพิ่มเติมได้ โดยพนักงานสอบสวนจะใช้เวลาสอบพยานหลักฐานภายใน 30 วัน หากไม่พบหลักฐานอื่นที่บ่งชี้ว่าเป็นการฆาตกรรมก็จะสรุปสำนวนว่า เป็นการฆ่าตัวตายส่งให้ผู้ว่าราชการกรุงเทพมหานครต่อไป
สันนิษฐานว่าเป็นชาวอิตาลีชื่อ "เกียต้า จิโอวานี"
สำหรับความคืบหน้าในการสืบหาตัวผู้ตาย พล.ต.อ.จงรัก กล่าวว่า จากการตรวจสอบเสื้อผ้าผู้ตายพบว่า ใช้ยี่ห้อพูม่า ซึ่งผลิตในประเทศอิตาลี รวมทั้งถุงที่ติดอยู่กับศพผู้ตายก็มีข้อความที่แสดงว่า นำมาจากโรงแรมในประเทศอิตาลี จึงคาดว่าผู้ตายน่าจะเป็นชาวอิตาลี จึงทำการตรวจสอบชาวอิตาลีที่เดินทางเข้ามาในประเทศไทยช่วงนี้ พบว่าผู้ที่มีรูปพรรณสัณฐานใกล้เคียงกับผู้ตาย คือ นายเกียต้า จิโอวานี (Jaeta Jiovani) ชาวอิตาลี อายุ 49 ปี ที่เดินทางเข้ามาในประเทศไทย เมื่อวันที่ 18 กุมภาพันธ์ที่ผ่านมา และเข้าพักในโรงแรมเล็กซ์โฮเต็ล ย่านสุขุมวิท โดยหายตัวไปในช่วงเวลาที่เกิดเหตุ ซึ่งเพิ่งได้รับข้อมูล ส่วนจะเกี่ยวข้องหรือไม่ต้องรอผลการสืบสวนพยานหลักฐานต่อไป
สบ. 3 รอผลดีเอ็นเอชี้ชัด
พ.ต.ท.อัชรัตน์ เหมทานนท์ พนักงานสอบสวน (สบ.3) สน.บวรมงคล เปิดเผยว่า หลังจากที่มีการพบศพซึ่งมีแต่ลำตัวไร้ศีรษะลอยตามน้ำมา เมื่อวานนี้ (23 กุมภาพันธ์) ตนคาดว่าทั้งลำตัวและศีรษะของผู้เสียชีวิตน่าจะเป็นของคนเดียวกัน จากการตรวจสอบในเบื้องต้นศพดังกล่าว ไม่มีร่องรอยหรือบาดแผลการถูกทำร้าย ส่วนเสื้อและกางเกงที่สวมใส่ก็เป็นยี่ห้อแบรนด์เนมของประเทศอิตาลี อย่างไรก็ตาม ต้องรอผลการพิสูจน์ดีเอ็นเอจากแพทย์ออกมายืนยันเสียก่อนว่า ลำตัวกับศีรษะที่พบใช่ของคนคนเดียวกันหรือไม่
นิติเวช ศิริราช ให้น้ำหนักที่การฆ่าตัวตายมากสุด
ด้าน พ.ต.ท.ธนดล พิพัฒน์สวัสดิ์ สว.กก.สืบสวน บก.น.7 กล่าวว่า ขณะนี้กำลังฝ่ายสืบสวนได้พยายามนำภาพถ่ายผู้ตายไปให้ประชาสัมพันธ์ตามแหล่งท่องเที่ยวอย่างต่อเนื่อง แต่ก็ยังไม่มีใครพบเบาะแสว่า ผู้ตายเป็นใคร ส่วนเรื่องที่มีการตั้งข้อสังเกตกันว่า ผู้ตายถูกฆาตกรรมหรือผูกคอตายเองนั้น คงต้องรอผลการตรวจสอบบาดแผลให้แน่ชัดเสียก่อนว่า รอยแผลที่ลำคอเป็นเพราะถูกของมีคมหรือสิ่งใดกันแน่ แต่ทางเจ้าหน้าที่ตำรวจก็ยังตั้งประเด็นการตายเอาไว้ 2 สาเหตุเหมือนเดิม คือ การถูกฆาตกรรมและการฆ่าตัวตาย
ขณะเดียวกันแพทย์นิติเวช โรงพยาบาลศิริราช ได้ให้ข้อมูลกับทางเจ้าหน้าที่ตำรวจว่า เหตุการณ์ในลักษณะนี้เคยเกิดขึ้นในต่างประเทศมาแล้ว โดยศัพท์ทางการแพทย์เรียกว่า "การฆ่าตัวตายด้วยการแขวนคออย่างสมบูรณ์" ซึ่งหลังจากที่ผู้ตายใช้เชือกผูกที่ลำคอแล้วทิ้งตัวลงสู่พื้นตามแรงโน้มถ่วงของโลก จะทำให้ศีรษะขาดออกจากลำตัวทันที สำหรับกรณีนี้ผู้ตายเป็นชาวต่างชาติซึ่งมีรูปร่างใหญ่ น้ำหนักตัวเยอะประกอบกับใช้เชือกที่มีความยาวถึง 6 เมตร ก็อาจเป็นไปได้ที่ผู้ตายผูกคอตายเอง แต่จังหวะที่ทิ้งตัวลงจากขอบสะพานทำให้ศีรษะขาดออกจากลำตัว จนเลือดสาดกระเซ็นไปเปื้อนผนังปูนใต้สะพานจำนวนมาก หากใครได้เห็นภาพจากหนังสือพิมพ์ก็จะยิ่งเห็นชัด แต่ทั้งนี้ก็ต้องขึ้นอยู่กับผลการสอบสวนของเจ้าหน้าที่ตำรวจด้วยว่า คดีนี้จะสรุปผลออกมาอย่างไร
เก็บหลักฐานที่สะพานพระราม 8
ต่อมาเวลา 11.00 น. เจ้าหน้าที่กองพิสูจน์หลักฐาน พร้อมด้วยเจ้าหน้าที่สำนักป้องกันและบรรเทาสาธารณภัย กทม. ได้ร่วมกันเดินทางไปตรวจหาหลักฐานในที่เกิดเหตุอีกครั้ง โดยใช้วิธีโรยตัวจากราวสะพานลงไปใช้กล้องถ่ายรูป เก็บภาพถ่ายรอยสาดกระเซ็นของเลือด เก็บตัวอย่างเลือด และถ่ายภาพลายมือของผู้ตายที่เขียนเอาไว้บนราวสะพาน เพื่อนำไปเก็บไว้เป็นหลักฐานเอาไว้ใช้เปรียบเทียบกับข้อมูลสำคัญ ที่เจ้าหน้าที่อาจได้มาจนสามารถยืนยันได้ว่าผู้ตายเป็นใครกันแน่
ชี้เขียนข้อความตัดพ้อคนรัก
ด้าน พ.ต.อ.สุธีร์ เณรกัณฐี รองผู้บังคับการตำรวจนครบาล 7 ( รอง ผบก.น.7 ) รับผิดชอบงานด้านการสืบสวน กล่าวว่า ได้รายงานความคืบหน้าการสืบสวนคลี่คลายคดี พบศรีษะชาวต่างชาติผูกเชือกแขวนสะพานพระราม 8 และพบลำตัวลอยแม่น้ำเจ้าพระยา ใกล้เคียงจุดที่พบศรีษะมายัง พล.ต.ท.วรพงษ์ ชิวปรีชา ผู้บัญชาการตำรวจนครบาล รับทราบ โดยระบุแนวทางการสืบสวนว่า จากการประมวลเหตุการณ์ในเบื้องต้นหลังพบศรีษะถูกแขวนกลางสะพานพระราม 8 เจ้าหน้าที่ฝ่ายสืบสวนได้ตั้งประเด็นการตายว่า เกิดจากการฆาตกรรม แต่เมื่อพบหลักฐานที่เป็นข้อความเขียนด้วยลายนิ้วมือลักษณะตัดพ้อน้อยใจคนรัก จึงตั้งประเด็นฆ่าตัวตายควบคู่ไปด้วย
โดยผลผ่าพิสูจน์จากแพทย์ ภาควิชานิติเวชศาสตร์ โรงพยาบาลศิริราช ลงความเห็นว่า บาดแผลผู้ตายที่ลำคอมีลักษณะฉีกขาด ทั้งผิวหนังภายนอกและชิ้นเนื้อภายใน เส้นเลือดมีรอยถลอก ซึ่งไม่น่าจะเกิดจากของมีคมที่บาดแผลจะเรียบกว่า เนื่องจากจะถูกตัดขาดในทันที และพบว่าบริเวณกระดูกคอข้อต่อที่ 2 หลุด ไม่แตก ไม่หัก เกิดจากแรงกระชากอย่างรุนแรง โดยแพทย์ให้น้ำหนักไปที่ประเด็นฆ่าตัวตายมากกว่าถูกฆาตกรรม เจ้าหน้าที่ชุดสืบสวนจึงเชื่อมั่นประมาณ 80 เปอเซ็นต์ว่า เป็นการแขวนคอฆ่าตัวตาย แต่ก็ยังไม่ตัดประเด็นฆาตกรรมทิ้ง
พ.ต.อ.สุธีร์ กล่าวต่อว่า ตอนแรกชุดสืบสวนตั้งเป้าไปที่การฆาตกรรมและฆ่าตัวตาย กระทั่งผ่านไปนานกว่า 24 ชั่วโมง พบว่า การฆ่าตัวตายมีน้ำหนักมากกว่า จากหลักฐานที่ปรากฎประกอบกับผลสรุปของแพทย์ ประกอบกับการศึกษาคดีลักษณะเช่นนี้ในต่างประเทศเคยมีระบุไว้ว่า ก่อนหน้านี้เคยมีหลักฐานทางวิชาการนิติเวชวิทยา เกี่ยวกับการฆ่าตัวตายด้วยการผูกคอ แล้วกระโดดลงจากที่สูง ถึงกับคอขาด สาเหตุมาจากหลายปัจจัย เช่น น้ำหนักตัวของผู้ตาย การมัดเชือกอย่างแน่นหนา แรงกระโดดลงสู่ที่ต่ำตามแรงโน้มถ่วงโลก เมื่อเชือกกระตุกด้วยความคมของเชือกสามารถทำให้ศีรษะขาดจากลำตัวได้เช่นเดียวกัน โดยเกิดขึ้นบ่อยครั้ง แต่สำหรับประเทศไทยนั้น ยังไม่เคยเกิดเหตุลักษณะนี้มาก่อน นับเป็นคดีตัวอย่างที่ต้องศึกษาอย่างลึกซึ้ง
ส่วนการสืบสวนที่มาที่ไปของผู้ตายนั้น สั่งการให้ฝ่ายสืบสวนประสานไปยังสถานทูตประเทศในแถบอเมริกาและยุโรปแล้ว เชื่อว่าจะมีความชัดเจนมากขึ้นในเร็วๆ นี้ พร้อมประสานไปยังตำรวจสืบสวน กก.สส.น.5 ตำรวจสืบสวน สน.ชนะสงคราม และฝ่ายสืบสวน สน.ลุมพีนี สน.ที่มีชาวต่างชาติพักอาศัยอยู่ในการสืบสวนหาพยานที่เคยพบเห็นผู้ตายด้วย เป็นการฆ่าตัวตายหรือไม่
ขอขอบคุณข้อมูลจาก
ขอขอบคุณภาพประกอบจาก
- หนังสือพิมพ์ข่าวสด
- มติชนออนไลน์






