สเตฟาน ขึ้นโรงพัก เคลียร์คดีพ่อชนคนตาย

สเตฟาน สันติ



สเตฟาน ขึ้นโรงพัก เคลียร์คดีพ่อชนคนตาย (คมชัดลึก)

          "สเตฟาน" ดารานายแบบหนุ่มชื่อดังขึ้นโรงพักนนทบุรี เป็นพยานคดีพ่อขับ จยย.ชนคู่กรณีดับ ญาติผู้เสียหายเรียก 5 ล้านบาท เจ้าตัวยันพ่อไม่ได้หนีแค่ไปต่อวีซ่าที่อิตาลี

          เมื่อเวลา 16.00 น.วันที่ 29 เมษายน  นายสันติ วีระบุญชัย หรือ สเตฟาน ดารานายแบบหนุ่มชื่อดัง ได้เดินทางไปที่ สภ.เมืองนนทบุรี สาขาย่อยรัตนาธิเบศร์ พร้อมด้วยผู้ติดตามส่วนตัว เพื่อเข้าให้ปากคำกับ ร.ต.ท.สุทธิพงษ์ คำนาน พนักงานสอบสวน สภ.นนทบุรี ในคดีที่นาย Ivo Giansranco Salamone ชาวอิตาเลียน อยู่บ้านเลขที่ 12/40 ม.วิชั่นวิลเลจ 4 ซอยสามัคคี 34 ต.ท่าทราย อ.เมือง จ.นนทบุรี บิดา ซึ่งขับรถจักรยานยนต์ ยามาฮ่า ฟีโน่ สีเหลือง หมายเลขทะเบียน รตธ 511 กทม. เชี่ยวชนนายวิทยา โสมานันท์ อายุ 62 ปี ที่บริเวณหน้าตลาดสดประชานิเวศน์ 3 ซอยสามัคคี ต.ท่าทราย อ.เมือง จ.นนทบุรี ตั้งแต่เมื่อคืนวันที่ 8 ก.พ.2552 ทีผ่านมา  ส่งผลให้นายวิทยา ซึ่งเป็นอัมพาตและเสียชีวิตลงในวันที่ 28 กุมภาพันธ์ 2552

          ต่อมาพนักงานสอบสวนได้ออกหมายเรียกให้บิดาของนายสันติมาให้ปากคำ แต่ปรากฏว่าบิดาของนายสันติได้เดินทางกลับไปประเทศอิตาลีเพื่อวีซ่า และยังไม่ได้เดินทางกลับมาประเทศไทยเพื่อให้ปากคำในคดีที่เกิดขึ้น ทำให้พนักงานสอบสวนต้องออกหมายเรียกนายสันติซึ่งมีชื่อเป็นผู้ครอบครองรถจักรยานยนต์คันที่เกิดเหตุมาเข้าให้ปากคำกับพนักงานสอบสวนในวันนี้ (29 เมษายน) แทน

          ขณะเดียวกันทางฝ่ายลูกของนายวิทยาได้เดินทางไปยังโรงพักด้วย เพื่อเข้าให้ปากคำเพิ่มเติม และติดตามความคืบหน้าของคดีหลังจากที่มีความล่าช้าและยังไม่ได้รับความช่วยเหลือจากทางครอบครัวของนายสันติด้วยเช่นกัน

          น.ส.ธนพร โสมานันท์ อายุ 37 ปี บุตรสาวคนเล็กของนายวิทยา กล่าวว่า นับตั้งแต่เกิดเหตุการณ์เมื่อคืนวันที่ 8 ก.พ.มาจนถึงวันนี้ ทางพนักงานสอบสวนยังไม่สามารถเรียกตัวผู้ก่อเหตุมาทำการสอบสวนได้เลย  นอกจากนี้ทางครอบครัวของตนเองได้รับการติดต่อจากทางทนายความส่วนตัวของนางวิจิตรา วีระบุญชัย มารดาของ นายสันติเพียงครั้งเดียว ในตอนที่เดินทางมาร่วมงานศพบิดาตน และใส่ซองช่วยเหลืองานเพียงแค่ 500 บาทเท่านั้น  และหลังจากนั้นทางครอบครัวก็ไม่ได้รับการติดต่อจากทางนางวิจิตราอีกเลย นอกจากจะมีทางทนายความของนางวิจิตรา เท่านั้นที่โทรศัพท์มาพูดคุย

          น.ส.ธนพร กล่าวอีกว่า ในวันที่เกิดเหตุนั้นหลังจากที่พ่อของตนถูกรถจักรยานยนต์ของนาย Ivo Giansranco Salamone พุ่งชนขณะที่กำลังออกไปซื้อของกินที่หน้าตลาดแล้ว ทางเจ้าหน้าที่มูลนิธิได้ช่วยกันนำตัวบิดาตนส่งโรงพยาบาลพระนั่งเกล้าในทันที แต่ต่อมาทางโรงพยาบาลพระนั่งเกล้าได้ส่งตัวพ่อของตนกลับมารักษาต่อที่โรงพยาบาลชลประทาน เนื่องจากมีบัตร 30 บาท อยู่ที่นี่

          ระหว่างนั้นทางครอบครัวได้ติดต่อให้นาย Ivo Giansranco Salamone และนางวิจิตรา พ่อแม่ของนายสันติเดินทางมาดูอาการพ่อของตนที่โรงพยาบาล เนื่องจากแพทย์ของทางโรงพยาบาลระบุว่า จะต้องทำการผ่าตัดรักษาเลือดคั่งที่สมอง ทางครอบครัวตนจึงได้พยายามเจรจากับนางวิจิตรา เพื่อขอให้ย้ายที่รักษาจากโรงพยาบาลชลประทานไปผ่าตัดรักษาที่โรงพยาบาลนนทเวชแทน  แต่นางวิจิตรากับอ้างว่า ครอบครัวยากจนไม่มีเงิน และในตอนนั้นทั้งทางนางวิจิตราและนาย Ivo Giansranco Salamone ไม่ได้บอกว่า เป็นบิดามารดาของนายสเตฟาน  ทำให้ทางครอบครัวตนต้องจำใจรักษา และผ่าตัดบิดาที่โรงพยาบาลชลประทาน

          "กระทั่งต่อมาภายหลังการผ่าตัด พ่อของตนกลายเป็นอัมพาตไปครึ่งตัว และมาเสียชีวิตลงในวันที่ 28 กุมภาพันธ์ที่ผ่านมา โดยทางครอบครัวได้รับเงินช่วยเหลือจากนาย Ivo Giansranco Salamone คู่กรณีซึ่งให้นางวิจิตรามาร่วมงานศพเพียง 500 บาทเท่านั้น"
น.ส.ธนพร กล่าวและว่า

          นับตั้งแต่เกิดเรื่องมาจนกระทั่งพ่อของตนถูกส่งเข้าโรงพยาบาลไปผ่าตัดรักษาและเสียชีวิตลง จนกระทั่งทางครอบครัวต้องนำศพไปฌาปนกิจเสร็จ และเวลาล่วงเลยมาจนถึงวันนี้ ยังไม่ได้รับความช่วยเหลือใดๆ จากคู่กรณี จนกระทั่งต่อมาทางครอบครัวตนเองสงสัยในนามสกุลของนางวิจิตรา จึงไปทำการสืบสวนมา และทราบว่านางวิจิตราเป็นแม่ของนายสันติ 

          นอกจากนี้ยังมาทราบในตอนหลังว่าอีกด้วยว่า นาย Ivo Giansranco Salamone บิดาของนายสันติได้เดินทางไปยังประเทศอิตาลีแล้ว จึงไม่สามารถเดินทางกลับมาให้ปากคำกับทางพนักงานสอบสวนได้ จนต่อมาทางพนักงานสอบสวนต้องออกหมายเรียกผู้ครอบครองรถจักรยายนต์คันดังกล่าว ซึ่งเป็นชื่อของนายสันติมาให้ปากคำกับพนักงานสอบสวนในวันนี้แทน

          "วันนี้ (29 เมษายน) นับเป็นวันแรกที่ทางครอบครัวจะได้พบกับนายสันติ เพื่อทวงขอความยุติธรรมให้กับพ่อ  หลังจากที่ก่อนหน้านี้เมื่อวันที่ 14 มีนาคม ทางทนายความส่วนตัวของนางวิจิตรา ได้เข้ามาตกลงเจรจากับครอบครัวต่อหน้าพนักงานสอบสวนว่า ในเรื่องค่าชดเชยความเสียหายได้เรียกไป 1 ล้านบาท แต่ทางทนายความขอต่อรองราคา ซึ่งทางดิฉันได้ตอบกลับไปว่าจะลดให้แค่ 500 บาท เป็นค่าที่มาช่วยงานศพเท่านั้น หลังจากนั้นเรื่องก็เงียบหายไป และไม่ได้รับการติดต่อมาอีกเลย"  น.ส.ธนพร กล่าวและว่า

          มาถึงวันนี้แล้วทางครอบครัวตนจะขอเรียกค่าเสียหายเป็นเงิน 5 ล้านบาท เป็นค่าที่ทางเขาไม่ให้ความสนใจช่วยเหลือครอบครัวตนจริงๆ ในตั้งแต่แรก

          ด้านนายสันติกล่าวภายหลังให้ปากคำว่า ตนเองเดินทางมาให้ปากคำในวันนี้ในฐานะพยานและเป็นผู้ครอบครองรถเท่านั้น ไม่ได้เป็นผู้ต้องหา เนื่องจากในตอนที่เกิดเหตุที่พ่อของตนขับรถไปชนนั้น ตนเองก็ไม่ได้อยู่ในเหตุการณ์ และมาทราบตอนหลังที่ทางพ่อโทรศัพท์มาหาเท่านั้น ซึ่งตนเองก็ทราบแค่ว่า พ่อขับรถจักรยานยนต์ไปชนคน และคนเจ็บก็ไม่ได้เป็นอะไรมาก รถจักรยานยนต์ก็ไม่เป็นอะไร คนเจ็บถูกนำตัวส่งโรงพยาบาลไปแล้ว และแม่ตนก็เดินทางไปเยี่ยมที่โรงพยาบาลด้วย

          นายสันติ กล่าวต่อว่า ส่วนเรื่องที่พ่อของตนให้ชื่อปลอมกับพนักงานสอบสวนในวันนั้น เป็นเพราะพ่อของตนพูดภาษาไทยไม่ได้ และจะต้องเดินทางกลับไปต่อวีซ่า ที่ประเทศอิตาลี จึงกลัวว่า ถ้ามีเรื่องแล้วจะไม่สามารถเดินทางกลับไปต่อวีซ่าได้ จึงต้องให้ชื่อปลอมไป ส่วนกรณีที่ไปต่างประเทศนั้น ไม่ได้ตั้งใจหลบหนี เพราะแม่ของตนก็ให้ชื่อจริง ให้ที่อยู่ และเบอร์โทรศัพท์ที่แท้จริง กับทางพนักงานสอบสวนไป เพื่อให้ผู้เสียหายสามารถติดต่อได้ จึงไม่ได้มีเจตนาหลบหนีความผิดอย่างที่เข้าใจ

          นายสเตฟาน กล่าวอีกว่า ส่วนเรื่องที่ทางครอบครัวตนเองไม่ได้เดินทางไปเยี่ยมอาการ หรือมาเข้าให้ปากคำนั้น ก็เนื่องจากพ่อของตนได้เดินทางกลับไปอิตาลี หลังเกิดเรื่องได้ไม่นาน และแม่ของตนเองก็เพิ่งเข้ารับการผ่าตัดรักษาทำบอลลูนหัวใจมาเมื่อไม่นานนี้เช่นกันทำให้ไม่สามารถเดินทางไปเยี่ยม หรือให้ปากคำกับพนักงานสอบสวนได้

          แต่ก็ได้หมอบหมายให้ทนายความส่วนตัว มาให้ปากคำและตกลงค่าเสียหายกับทางครอบครัวผู้เสียชีวิตแทน แต่ไม่สามารถตกลงกันได้ และเรื่องที่ไปช่วยเหลืองานศพเพียง 500 บาทนั้น ก็เนื่องจากทางแม่ของตนเองไม่มีเงินติดตัว และยังเป็นคนนับถือศาสนาคริสต์ จึงไม่รู้จักประเพณีแบบคนไทย ว่าควรจะไปช่วยเหลือเท่าไร จึงใส่ซองช่วยงานไปเพียง 500 บาท ตามที่ขอคำแนะนำจากเพื่อนข้างบ้าน

          นายสเตฟาน กล่าวด้วยว่า  ส่วนเรื่องค่าเสียหาย ที่ทางครอบครัวผู้ตายเรียกมาเป็นเงินจำนวนมากนั้น ทางตนเองขอปรึกษากับทางทนายความก่อน เนื่องจากค่าเสียหายที่เรียกมาเป็นเงินจำนวนมาก หากทนายความไม่สามารถตกลงเจรจาได้ ก็จะขอไปเจรจาในชั้นศาลแทน


ขอขอบคุณข้อมูลและภาพประกอบจาก

เรื่องน่าสนใจอื่นๆ
เรื่องที่คุณอาจสนใจ
สเตฟาน ขึ้นโรงพัก เคลียร์คดีพ่อชนคนตาย อัปเดตล่าสุด 30 เมษายน 2552 เวลา 13:56:46 23,266 อ่าน
TOP
x close