สรุปประเด็นข่าวโดยกระปุกดอทคอม
ขอขอบคุณภาพประกอบจากหนังสือพิมพ์คมชัดลึก
ที่พรรคเพื่อไทย มีความเคลื่อนไหวที่น่าสนใจ เมื่อนายสุรพงษ์ โตวิจักษณ์ชัยกุล ส.ส.เชียงใหม่ พูดถึงการเดินทางไปเข้าพบ พ.ต.ท.ทักษิณ ชินวัตร อดีตนายกรัฐมนตรี เมื่อวันที่ 14 กรกฎาคม ที่ผ่านมา เพื่อนำของขวัญวันเกิดครบรอบอายุปีที่ 60 ปี โดยนายสุรพงษ์ได้นำคำถามจากผู้สื่อข่าวหนังสือพิมพ์ฉบับละคำถาม รวม 12 คำถาม ไปถาม พ.ต.ท.ทักษิณ ซึ่ง พ.ต.ท.ทักษิณ ตอบคำถามโดยมีการบันทึกเทปแล้วนำกลับมาให้ผู้สื่อข่าวฟัง สำหรับคำถามแรกคือ...
จะกลับมาเล่นการเมืองอีกหรือไม่ ทักษิณ : อยู่ที่ใครให้ผมกลับ คนที่ให้ผมกลับก็มีสิทธิ์ในตัวผมเต็มที่ว่าจะให้ผมทำอะไร ก็เต็มใจที่จะทำ เพราะถือว่าการได้กลับบ้านเป็นเรื่องที่ยิ่งใหญ่ในชีวิต เพราะฉะนั้นผู้ที่มีบุญคุณในการนำผมกลับเมืองไทยได้ ก็คือผู้ที่จะบอกว่าจะให้อยู่เฉยๆ หรือให้รับใช้ประชาชน ประเทศชาติก็แล้วแต่
จะให้คนนามสกุลชินวัตรเป็นหัวหน้าพรรคเพื่อไทยหรือไม่ ทักษิณ : ตอนนี้ผมก็ช้ำมาเยอะแล้วจากทุ่มเททำงานให้กับบ้านเมือง แล้วสิ่งที่ได้รับในวันนี้ก็เป็นอะไรที่โหดเหี้ยมทารุณมาก ดังนั้น คงไม่อยากให้ใคร โดยเฉพาะคนที่มีนามสกุลชินวัตร ไปเป็นเป้าหมายอะไรทางการเมืองอีก คิดว่าในวันนี้ยังไม่คิด
ร่วมเป็นรัฐบาลกับพรรคประชาธิปัตย์ได้ภายใต้เงื่อนไขอะไร ทักษิณ : เพื่อเกิดความปรองดองและร่วมกันในระยะๆ สั้นก็น่าจะเป็นไปได้ แต่ต้องด้วยเหตุผลให้เกิดความปรองดองแห่งชาติ เพราะว่าโดยอุดมการณ์แล้วเป็นคนละแนวทางกัน
เป้าหมายการโฟนอินคืออะไรทักษิณ : ให้สื่อมวลชนลองไปถามประชาชนดูว่าวันนี้เขาว้าเหว่ วันนี้เขาหมดความหวังในการดำรงชีวิต เพราะว่าสิ่งที่เกิดขึ้นจากปัญหาทางการเมืองบ้านเราในวันนี้ ทำให้ประชาชนคนที่อยู่ห่างไกลก็ดี คนที่ต่อสู้ คนหาเช้ากินค่ำมันรู้สึกว่าว้าเหว่ การที่ตนโทรไป เขามีความสุขที่ได้คุยได้พูดกับตน แล้วบางที่เขาก็โทรมาฟ้องเรื่องนั้นเรื่องนี้ อย่าไปมองว่าเป็นการเคลื่อนไหวทางการเมืองอย่างเดียว แต่อย่างน้อยๆ เป็นการให้ความอบอุ่นใจ ให้ความหวังกับพี่น้องคนไทย โดยเฉพาะอย่างยิ่งคนหาเช้ากินค่ำ คนที่อยู่ในภาคอีสาน ภาคเหนือ ภาคกลางบางส่วน และเป็นเรื่องที่จะต้องทำต่อไป เพราะไม่ได้เป็นเรื่องการเคลื่อนไหวทางการเมืองเท่านั้น วัตถุประสงค์ไม่มีอะไรครับ ต้องการให้กำลังใจ กับคนที่เขารู้สึกจะหมดความหวังกับรัฐบาลนี้เขารู้สึกว่าเริ่มจะไม่ค่อยมี ความหวังอะไร จากเดิมที่เขาเคยมีความสุขและมีความหวังมาก่อน
ถ้ามีโอกาสเข้าเฝ้าฯ ในหลวง จะกราบบังคมทูลอะไรพระองค์ท่านทักษิณ : กราบบังคมทูลท่านด้วยความจงรักภักดีว่า ผมเป็นผู้ที่มีรักและห่วงใยในบ้าน เมือง จงรักภักดีต่อสถาบัน และพร้อมจะถวายงานเพื่อสถาบัน เพื่อชาติบ้านเมืองตามพระราชประสงค์ทุกประการ
การกลับประเทศไทยจะกลับมาแบบสู้ตายหรือถ้อยทีถ้อยอาศัยทักษิณ : วันนี้ปัญหาคือว่าผมถูกรังแกด้วยข้อมูลอันเป็นเท็จ หลักฐานอันเป็นเท็จ ด้วยการกล่าวเท็จ ด้วยระบบกระบวนการยุติธรรมไม่ยุติธรรมตั้งแต่เริ่มต้น เริ่มตั้งแต่การ ตั้งผู้เป็นปฏิปักษ์ทางการเมืองของผมหลังการปฏิวัติเพื่อเล่นงานผมโดยตรง ซึ่งตรงนี้ความยุติธรรมไม่เกิด ผมต้องแสวงหาความยุติธรรม ผมจะแสวงหาความยุติธรรมจนเจอไม่ว่าจะด้วยวิธีการใด แต่วิธีการที่ดีที่สุดคือสู้ด้วยความจริง สู้ในสิ่งที่สันติ แต่เมื่อยังไม่สามารถพบความยุติธรรมได้ ผมก็ปวารณาว่าถ้าตายไปก็อย่าเพิ่งไปเกิด ขอให้วิญญาณตามหาความยุติธรรมจนเจอนะครับ นั่นคือสิ่งที่เป็นความใจในวันนี้ เพราะฉะนั้นเรื่องจะกลับบ้าน ไม่กลับบ้าน ถ้าถามว่าอยากกลับ อยากกลับแน่นอน แต่ต้องการกลับไปให้ได้ความยุติธรรม ไม่ใช่กลับไปในลักษณะของการที่ข่มเหงรังแกแบบนี้
ทักษิณ : คนเสื้อแดงประกอบด้วยคนรักผม ห่วงใยผม รู้ว่าผมทำงานให้เขาและผมถูกรังแก การที่จะบอกว่าผมเอาเสื้อแดงมาเคลื่อนไหวเพื่อตัวเองคงจะไม่เป็นธรรม แต่เป็นเรื่องของคนเสื้อแดงที่เกลียดความไม่ยุติธรรม เขาอยากเห็นประชาธิปไตยที่แท้จริง ไม่มีการแทรกแซงจากระบบใดๆ อยากเห็นบ้านเมืองมีกฎ กติกาที่ชัดเจน แล้วก็ออกมาเคลื่อนไหวกัน รวมทั้งผู้ที่รักผมด้วย ก็อยากให้ผมกลับเพราะรู้ว่าถูกรังแก ทั้งหมดเป็นเรื่องของความไม่ยุติธรรม วันนี้ผมอยากให้สื่อมวลชนมีความยุติธรรมด้วย ไม่ใช่ว่าพอเจอรัฐบาลหนึ่งที่ใจดีก็ด่าตลอด แต่รัฐบาลหนึ่งโหดหน่อย เอาเรื่องหน่อย ก็เกรงเขา กลัวเขา แล้วก็เขียนข่าวในลักษณะที่ไม่เป็นธรรม อยากฝากความเป็นธรรมให้กับสื่อมวลชนด้วยว่า สื่อมวลชนเองต้องมีใจเป็นธรรม สื่อมวลชนเองจะต้องมีความเป็นประชาธิปไตยที่มีกติกา
หลังเสร็จศึกเลือกตั้งซ่อม จ.สกลนคร และศรีสะเกษ นายเนวิน ชิดชอบ แกนนำพรรคภูมิใจไทย ประกาศว่าศึกวันนี้ยังไม่จบ จะสู้กับนายเนวินไหวหรือ ทักษิณ : เนวินไม่ใช่คู่ต่อสู้ผม เนวินเคยเป็นลูกพรรคเก่าผม เพราะฉะนั้นคงไม่ใช่คู่ต่อสู้ผม
หากทหารยังอุ้มพรรคประชาธิปัตย์ พรรคเพื่อไทยจะเป็นรัฐบาลได้อย่างไร ทักษิณ : ทำไมสื่อมวลชนถึงปล่อยให้ทหารอุ้ม สื่อมวลชนไม่เข้าใจประชาธิปไตยหรือ สื่อมวลชนต้องกล้าพูดความจริง ต้องอย่ากลัว สื่อมวลชนต้องกล้าพูดความจริง ทหารวันนี้ก็ต้องยอมรับว่าความเป็นทหารอาชีพ ความเป็นทหารที่มีฝีมือ มันหมดไปแล้ว ตอนนี้เป็นทหารชั้นผู้ใหญ่ออกมาเล่นการเมือง ทหารชั้นผู้น้อยก็รอรับสั่ง น่าเสียดาย
คิดถึงคุณหญิงพจมานมากขนาดไหน ทักษิณ : ถามว่าคิดถึงบ้างไหม คนเคยเป็นสามีภรรยากันมา เราไม่ได้เลิกกันเพราะว่าเราโกรธกัน แต่เราเลิกกันเพราะว่าเหตุผล ผมจำเป็นต้องต่อสู้ทางการเมือง แต่คุณหญิงไม่ชอบ เพราะฉะนั้นในแง่ความผูกพันความห่วงใยยังมีอยู่เต็มร้อย แต่ต้องเลิกกันไป แนวทางไปกันไม่ได้ การเมืองที่โหดเหี้ยมโหดร้าย ทารุณต่อครอบครัว นั่นคือปัญหา
อย่างไรก็ตาม หลังเสร็จสิ้นคำสัมภาษณ์ดังกล่าว นายสุรพงษ์ยืนยันว่าจะรวบรวมนำเรื่องราวต่างๆ รวมทั้งเสียงคำสัมภาษณ์ของ พ.ต.ท.ทักษิณ ครั้งนี้ไปจัดทำเป็นแผ่นซีดีจำนวน 3 ล้านแผ่น เพื่อแจกให้ประชาชน
ขอขอบคุณข้อมูลจาก
