
สุภาพ สีแดง หรือ ภาพ 70 ไร่
ปิดฉาก ภาพ70ไร่ คุกตลอดชีวิต ฎีกาพิพากษากลับ (ไทยรัฐ)
ศาลฎีกา กลับคำพิพากษาศาลอุทธรณ์ สั่งจำคุกตลอดชีวิต "ภาพ 70 ไร่" เจ้าพ่อยาเสพติดรายใหญ่ ความผิดฐาน สมคบกันค้ายาบ้า ขณะเจ้าตัว อยู่เรือนจำจังหวัดพิษณุโลก
ที่ห้องพิจารณาคดี 711 ศาลอาญา เมื่อเวลา 10.00 น. วันนี้ (6 สิงหาคม) ศาลอ่านคำพิพากษาศาลฎีกาในคดี ย.5361 / 2546 ที่พนักงานอัยการสำนักงานคดียาเสพติด 3 เป็นโจทก์ฟ้อง นายสยาม ทรัพย์วรสิทธิ์ หรือ นายสุภาพ สีแดง หรือ "ภาพ 70 ไร่" อายุ 39 ปี เป็นจำเลยในความผิดฐานสมคบกัน ตั้งแต่ 2 คน ขึ้นไป เพื่อจำหน่ายยาเสพติดประเภท 1 (ยาบ้า) โดยฝ่าฝืนกฎหมาย และความผิดตาม พ.ร.บ.มาตรการปราบปรามผู้กระทำผิดเกี่ยวกับยาเสพติด พ.ศ.2534 โจทก์ฟ้องเมื่อวันที่ 18 เมษายน 2546
บรรยายความผิดจำเลย สรุปว่า วันที่ 1 - 28 มกราคม 2541 จำเลยกับนายสุชาติ หรือ หมู ปานทะโชติ และพวกที่ยังไม่ได้ตัวมาฟ้องตกลงกันจำหน่ายยาบ้าจำนวน 12,000 เม็ด โดย นายสุชาติ นำยาเสพติดมาจากจำเลย แล้วจำหน่ายให้ นายอุดร หรือ เปาะ มาบางครุ ไปจำหน่ายให้บุคคลอื่น ภายหลังนายอุดร ถูกจับกุมและศาลอาญากรุงเทพใต้พิพากษาจำคุก 33 ปี 4 เดือน
นอกจากนี้ ตั้งแต่วันที่ 1 - 15 มิถุนายน 2543 จำเลยสมคบกับพวกพวกตั้งแต่สองคนขึ้นไปจำหน่ายยาบ้าจำนวน 10,600 เม็ด โดยนายสุชาตินำยาบ้าดังกล่าวมาจากจำเลย แล้วร่วมกับนายชำนาญ ระรวยทรง และนายสมศักดิ์ แซ่ลิ้ม ครอบครอง เพื่อจำหน่าย และพยายาม จำหน่ายยาบ้าดังกล่าว อันเป็นการสมคบกันกระทำความผิด
ภายหลังนายสุชาติ นายชำนาญ และนายสมศักดิ์ ถูกจับกุมดำเนินคดี ศาลอาญากรุงเทพใต้พิพากษาจำคุก นายสุชาติ 33 ปี 4 เดือน พิพากษาจำคุกนายชำนาญ และ นายสมศักดิ์ คนละ 25 ปี ต่อมาเลขาธิการคณะกรรมการป้องกันและปราบปรามยาเสพติด (ปปส.) มีหนังสือแจ้งคำสั่งอนุมัติจับกุมผู้ต้องหา จำเลยให้การปฏิเสธอ้างว่าไม่เกี่ยวข้องกับยาเสพติด และมีอาชีพคุมวินรถจักรยานยนต์รับจ้าง รับซื้อ - ขาย สินค้ามือสองและสินค้าหนีภาษีจึงทำให้มีฐานะดี ทั้งยังรวมกับพ่อภรรยา รับเหมาก่อสร้าง และเปิดบ่อนพนันด้วย
คดีนี้ศาลชั้นต้น มีคำพิพากษาเมื่อวันที่ 9 กันยายน 2547 ให้จำคุกจำเลยตลอดชีวิต เนื่องจาก เห็นว่าโจทก์ มีพยานเป็นเจ้าหน้าที่ตำรวจ คนในชุมชนและผู้ใกล้ชิดจำเลย มาเบิกความเจือสมถึงความผิด และอิทธิพลของจำเลยโดยพยานโจทก์ไม่เคยมีเหตุโกรธเคืองกับจำเลยมาก่อน จึงไม่มีเหตุระแวงสงสัยว่าจะมาเบิกความปรักปรำกลั่นแกล้ง ให้จำเลยต้องรับโทษ ส่วนจำเลยเป็นพยานเบิกความเพียงปากเดียวไม่มีน้ำหนัก รับฟังหักล้างพยานโจทก์ได้ ต่อมาจำเลยยื่นอุทธรณ์
ขณะที่ศาลอุทธรณ์มีคำพิพากษา เมื่อวันที่ 13 กันยายน 2548 ให้ยกฟ้อง แต่ให้ขังไว้ระหว่างฎีกา เนื่องจากเห็นว่า คำให้การในชั้นสอบสวนและชั้นศาล ของ นายสุชาติ พยานโจทก์ แตกต่างกันในสาระสำคัญ อีกทั้งไม่เคยพบประวัติว่าจำเลยกระทำผิดเกี่ยวกับยาเสพติดมาก่อน ทั้งที่โจทก์อ้างว่าจำเลยเกี่ยวข้องกับยาเสพติดมาตั้งแต่อายุ 13 ปี มีเพียงประวัติเปิดบ่อนการพนันเท่านั้น ศาลฎีกาประชุมปรึกษาหารือแล้ว เห็นว่า ที่ศาลอุทธรณ์พิพากษามานั้น ศาลฎีกาไม่เห็นพ้องด้วย พิพากษากลับว่า จำเลยกระทำความผิดฐาน สมคบกันตั้งแต่ 2 คนขึ้นไป เพื่อจำหน่ายยาเสพติดประเภท 1 (ยาบ้า) โดยฝ่าฝืนกฎหมาย ตาม พ.ร.บ.มาตรการปราบปรามผู้กระทำผิดเกี่ยวกับยาเสพติด พ.ศ.2534 จำนวน 2 กระทง ให้ลงโทษจำคุกตลอดชีวิตไว้สถานเดียว
ผู้สื่อข่าวรายงานว่า ก่อนหน้านี้ศาลฎีกาได้ส่งคำพิพากษาไปอ่านให้ ภาพ 70 ไร่ ฟัง ที่ศาลจังหวัดพิษณุโลกแล้ว เนื่องจาก ภาพ 70 ไร่ ถูกย้ายไปคุมขังไว้ที่เรือนจำจังหวัดพิษณุโลก โดยในวันนี้ เป็นการอ่านคำพิพากษาให้อัยการโจทก์ฟังเพื่อทราบ นอกจากคดีนี้ ภาพ 70 ไร่ ยังถูกศาลพิพากษาจำคุก เป็นเวลา 2 ปี ในความผิดฐานเป็นอั้งยี่ซ่องโจร และกรรโชกทรัพย์ เรียกเก็บดอกเบี้ยเกินกว่าที่กฎหมายกำหนด เมื่อวันที่ 13 พฤษภาคม 2548 และในคดีฟอกเงินที่ได้มาจากการค้ายาเสพติด ที่ศาลมีคำพิพากษาเมื่อวันที่ 27 ตุลาคม 2547 ให้ลงโทษจำคุก 20 ปี อีกด้วย
ขอขอบคุณข้อมูลและภาพประกอบจาก![]()






