x close

สัมภาษณ์พิเศษ พล.ต.อ.วิเชียร คืนความยุติธรรมให้แก่ผม

พล.ต.อ.วิเชียร พจน์โพธิ์ศรี

พล.ต.อ.วิเชียร พจน์โพธิ์ศรี



สัมภาษณ์พิเศษ พล.ต.อ.วิเชียร พจน์โพธิ์ศรี คืนความยุติธรรมให้แก่ผม (คมชัดลึก)

ทีมข่าวความมั่นคง

          แม้จะมีเวลาเพียงแค่ 10 วันในการทำหน้าที่รักษาราชการแทน ผบ.ตร. แต่ดูเหมือนว่า เรื่องร้อนๆ ที่วิ่งเข้าหา พล.ต.อ.วิเชียร นั้น ล้วนแต่หนักหนาสาหัส แต่มุมมองของนายตำรวจผู้นี้กลับยิ้มรับ เพราะเขารู้สึกว่านี่คือการคืนความยุติธรรม ที่โหยหามานาน

          มีคนบอกว่า ตำแหน่ง ผบ.ตร.นั้นเพียงแค่วันเดียว ก็มีคนพร้อมที่จะเป็น แต่สำหรับตำแหน่งรักษาราชการแทน ผบ.ตร. กลับดูจะยุ่งยากปั่นป่วน เนื่องจากการแต่งตั้งมีขึ้นท่ามกลางความสับสนทางการเมือง และการปรับย้ายนายตำรวจเพื่อรองรับโครงสร้างใหม่ แต่สำหรับ พล.ต.อ.วิเชียร พจน์โพธิ์ศรี รรท.ผบ.ตร. เปิดใจกับ "คม ชัด ลึก" ว่า แม้จะยุ่งยากน่าหนักใจ แต่นี่คือ การคืนความยุติธรรมให้แก่เขา

          เริ่มแรกก่อนที่นายกรัฐมนตรีจะเซ็นคำสั่งแต่งตั้งให้ผมปฏิบัติราชการแทนในตำแหน่งผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติ แทน พล.ต.อ.พัชรวาท วงษ์สุวรรณ ที่ต้องเดินทางไปต่างประเทศ คือ ท่านนิพนธ์ พร้อมพันธุ์ เลขาธิการนายกรัฐมนตรี ได้โทรศัพท์ติดต่อมาหาผมเวลา 15.00 น. แจ้งว่าให้เดินทางไปพบนายกรัฐมนตรีที่ทำเนียบรัฐบาล ในเวลา 17.30 น. แต่ระหว่างที่ผมจะเดินทางจากสำนักงานตำรวจแห่งชาติเพื่อไปพบนายกฯ ก็ได้รับทราบข่าวในเวลา 16.30 น. ว่าท่านนายกฯ ได้เซ็นคำสั่งให้รักษาการในตำแหน่งผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติแล้ว

  ได้มีโอกาสการพบปะหรือพบเจอพูดคุยกับนายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ นายกรัฐมนตรี หรือไม่ โดยเฉพาะเรื่องการวางตัวในตำแหน่งนี้

          พล.ต.อ.วิเชียร : ไม่เคยพูดคุยกับนายกรัฐมนตรีเลย แต่มีโอกาสได้เจอนายกรัฐมนตรี และพูดคุยตอนที่มีการประชุมรัฐมนตรีต่างประเทศอาเซียน ที่ จ.ภูเก็ต ซึ่งผมเดินทางไปรับนายกรัฐมนตรี แทน พล.ต.อ.พัชรวาท ที่ไม่ได้ไปในวันนั้น จึงได้มีโอกาสพูดคุยกัน แต่ก็ไม่มาก เจอกันวันนั้นก็มี ผบ.เหล่าทัพนั่งร่วมประชุมด้วย ถือเป็นครั้งแรกได้เจอกัน

  มีข่าวว่า นายกรัฐมนตรีเคยเจอท่าน 2-3 ครั้ง ก่อนที่จะเซ็นคำสั่ง

          พล.ต.อ.วิเชียร : ไม่เคย แต่ยอมรับว่าในพรรคประชาธิปัตย์มีผู้ใหญ่หลายคนที่เคยเห็นผมทำงานก็สนับสนุน แม้แต่ท่านชวน หลีกภัย อดีตนายกรัฐมนตรี ผมก็เคยมีโอกาสได้พบท่าน โดยท่านไปบรรยายที่สถาบันพระปกเกล้า ผมเป็นประธานรุ่น ท่านก็กำชับว่าอย่ายอมให้มีการซื้อสิทธิ์ขายเสียง ก็มีการแลกเปลี่ยนความคิดเห็นกัน เพราะท่านรู้ว่าผมเคยดูแลเรื่องการเลือกตั้งครั้งที่ผ่านมา

  การทำงานที่ผ่านมาเป็นอย่างไร

          พล.ต.อ.วิเชียร : ตอนเมษายน ปี 2550 ถือว่าดังมาก เพราะเป็นช่วงเทศกาลสงกรานต์ที่ประชาชนเดินทางออกนอกกรุงเทพฯ หมด และมีกลุ่มแนวร่วมประชาธิปไตยต่อต้านเผด็จการแห่งชาติ (นปช.) เดินทางเข้ามาฟังการพิจารณาอ่านคำวินิจฉัยยุบพรรคไทยรักไทย ทุกคนก็หวั่นวิตกว่าจะเกิดความรุนแรง เพราะคนในพื้นที่ต่างจังหวัดจะเข้ามา ทางรัฐบาลก็กลัวจะเกิดปัญหา ผมก็ให้ความเห็นเกี่ยวกับการดูแลความสงบเรียบร้อย โดยทั้งวันมีสื่อทีวีนำข้อความที่ผมให้สัมภาษณ์ไว้ไปออกเป็นตัววิ่ง รวมถึงไอเดียที่บอกว่าในพื้นที่ต่างจังหวัดทางกระทรวงมหาดไทยน่าจะเป็นฝ่ายกำชับดูแลการเดินทางเข้ามาของประชาชน

          ผมทำงานกับเรื่องม็อบที่เดินทางมาชุมนุมในพื้นที่กรุงเทพฯ ประมาณปีครึ่ง ทำให้ชื่อของผมมีคนรู้จักมากขึ้น เรื่องม็อบผู้ใหญ่ในสำนักงานตำรวจแห่งชาติไม่ค่อยจะลงไปเล่นกัน รวมถึงเรื่องการเลือกตั้งด้วย แต่การที่ผมลงไปทำเหมือนกับเป็นการเรียนรู้งาน โดยเฉพาะการดูแลเรื่องม็อบที่ชุมนุมกันที่บริเวณทำเนียบรัฐบาล ผมก็ไปอยู่ที่กองบัญชาการตำรวจนครบาล (บช.น.) ทุกวัน ตอนนั้นนายกรัฐมนตรีสั่งให้สลายการชุมนุมของกลุ่มพันธมิตรประชาชนเพื่อประชาธิปไตย ตอนนั้นผมสั่งการให้สลายตอน 20.30 น. ซึ่งตอนนั้นนายพล 16 คนไม่ไปสักคน แต่เมื่อผมเดินทางไป และไปอยู่บริเวณกลางสะพานมัฆวานฯ ก็มีนายพลตามมาบ้าง

  นายกรัฐมนตรีได้สั่งการกำชับให้ดูแลปัญหาอะไรเป็นพิเศษหรือไม่

          พล.ต.อ.วิเชียร : นายกรัฐมนตรีได้กำชับให้ดูแลปัญหาความไม่สงบในพื้นที่ 3 จังหวัดชายแดนภาคใต้ และคดีลอบยิงนายสนธิ ลิ้มทองกุล แกนนำกลุ่มพันธมิตรประชาชนเพื่อประชาธิปไตย ซึ่งถือเป็นคดีที่เร่งด่วน และเป็นคดีที่อยู่ในความสนใจของประชาชน รวมถึงการดูแลการพิจารณาแต่งตั้งโยกย้ายข้าราชการตำรวจ 152 นายพล ให้ทันเดือนสิงหาคมนี้ เมื่อนายกรัฐมนตรีมอบงานให้ ก็ถามผมว่าหนักใจหรือไม่ ผมก็บอกว่าไม่หนักใจ แต่ขออนุญาตกราบเรียนในใจว่า อยากได้รักษาการผู้ที่ท่านได้เลือกแล้วเป็น ผบ.ตร. เพราะจะได้ทำงานต่อเนื่อง ซึ่งท่านก็บอกว่าทราบความในใจผม และนายกรัฐมนตรีก็บอกว่า ท่านบอกไม่ได้ว่าจะให้ใครขึ้นมาเป็น ผบ.ตร. เพราะปัญหามีมาก

          ที่ผ่านมา มีหลายคนพยายามใส่ความผมว่าควรจะได้ขึ้นตำแหน่ง รอง ผบ.ตร. หรือไม่ และมีการเบรกผมอยู่ตลอดเวลาโดยเฉพาะนำเรื่องเก่าๆ มาโจมตีผม และมีหลายคนก็บอกว่า ทำไมผมไม่พูดบ้าง ไม่ชี้แจงบ้าง แต่ตอนหลังผู้ใหญ่ก็รู้ว่าผมเป็นคนไม่ตอบโต้ และยิ่งเมื่อผมได้มาเป็นรักษาการ ผบ.ตร. และนายกรัฐมนตรีออกมารับรองผมขนาดนี้ ผู้ใหญ่ที่ปล่อยเรื่องโจมตีผมมา เรื่องก็ตีกลับไปหาเขา ตอนนี้ผมลุกขึ้นมานั่งได้ สิ่งที่เขาใส่ร้ายผมก็กลับไปหาเขาทั้งหมด ตอนนี้ผมก็ไม่กลัวอะไรแล้วเพราะมันเป็นเรื่องไม่จริง เพราะมีคนทำหนังสือไปสอบถามสำนักราชฯ เกี่ยวกับคุณสมบัติของผมมาแล้ว ซึ่งก็ได้ความเป็นที่ยุติไปแล้ว

  มีโอกาสได้เจอนายกรัฐมนตรีอีกหรือไม่ หลังจากได้รับคำสั่งแต่งตั้งแล้ว

          พล.ต.อ.วิเชียร : เมื่อวันที่ 7 สิงหาคม ที่ผ่านมา ได้เข้าพบนายกรัฐมนตรี ท่านกำชับเร่งรัดคดีให้เดินไปได้ ส่วนเรื่องการเมืองอย่าให้เกิดแบ่งฝักแบ่งฝ่าย และสุดท้ายเรื่องการแต่งตั้งโยกย้าย ที่นายกรัฐมนตรีเห็นว่ามีเรื่องผิดปกติอยู่ 2 เรื่อง คือเรื่องการปรับตำแหน่งที่ปรึกษา ที่เป็นตำแหน่งชั่วคราวให้ถูกกฎหมาย และเรื่องที่สองให้ปรับตำแหน่งที่ปรึกษาให้เท่ากับ รอง ผบ.ตร. เพื่อจะได้กินเงินเดือนเท่ากัน นอกจากนี้ยังให้ดูแลเรื่องอย่าให้มีการซื้อขายตำแหน่งกัน

  เรื่องการแต่งตั้งระดับ รอง ผบก.ลงไปเป็นอย่างไร

          พล.ต.อ.วิเชียร : คนทำโผ คือ ผบ.ตร. แต่ตอนนั้นต้องดูว่าใครเป็น ผบ.ตร. หรือใครเป็นรักษาการ ผบ.ตร. ตอนนี้ก็มีข่าวว่า พล.ต.อ.พัชรวาท จะเดินทางกลับมาปฏิบัติหน้าที่ตามเดิม การที่นายกรัฐมนตรีเลือกผมให้มาทำหน้าที่รักษาการในช่วงนี้ อาจจะเป็นเพราะท่านเห็นเราทำงานที่ผ่านมาว่าเป็นอย่างไร

  ถึงเวลาที่ผู้ชายที่ชื่อ พล.ต.อ.วิเชียร สามารถขึ้นมาผงาดในตำแหน่งแม่ทัพปทุมวันได้หรือยัง

          พล.ต.อ.วิเชียร : เราไม่ใช่เป็นคนบ้าอำนาจ แต่จะทำงานให้สมความภาคภูมิ ผมเคยลงข่าวในหน้าหนังสือพิมพ์ตอนอายุ 30 ปี เป็นผู้กำกับที่มีอายุน้อยที่สุด และตอนอายุ 37 ปี ผมก็เป็นนายพล

  หลังจากรักษาการแล้วมีโอกาสจะเป็น ผบ.ตร.ต่อไปเลยหรือเปล่า

          พล.ต.อ.วิเชียร : คิดว่าไม่ เพราะผมออกตัวแล้วไง ว่าเรื่องอาวุโส เรื่องการยอมรับ การให้ความร่วมมือ ผมยังไม่ได้ตรงจุดนี้ แต่การที่ผมได้กลับเข้ามา ก็ถือว่าเป็นการคืนความยุติธรรมให้แก่ผม เพราะ 3 ปีที่ผ่านมานั้น จะเรียกอะไรดีล่ะ แม้แต่ขอเป็นที่ปรึกษาก็ยังไม่ได้เลย ตอนที่ม็อบไปขว้างปาที่หน้าบ้านป๋า ผมเคยได้ยินว่า ผู้ใหญ่ในบ้านเมืองเคยพูดว่า เอ๊..ทำไมวิเชียร ไม่ได้เป็นรองฯ เสียที (หัวเราะ) เรื่องตำรวจนะ หลังจากโครงสร้างใหม่ออกมาแล้ว ผมว่า จะต้องเน้นในเรื่องการกระจายอำนาจ ออกไปยังผู้บัญชาการภาคให้มากที่สุด มันต้องไปตรงนั้น

  คดีการลอบยิง นายสนธิ จะดำเนินการอย่างไรให้เกิดความชัดเจน

          พล.ต.อ.วิเชียร : นายกรัฐมนตรีพูดคำแรกว่า อยากให้คดีเดินไปได้ ส่วนสาเหตุที่หยุดชะงักนั้น ไม่รู้เพราะอะไร แต่ตอนนี้เดินหน้าทำใหม่แล้ว อาจจะเป็นเพราะว่ามีข่าวว่าโยงกับสีเขียว นายกรัฐมนตรีให้ผมเข้ามารับช่วงต่อก็จะไม่เข้าไปแทรกแซงในการทำงาน เพราะพี่ธานี (พล.ต.อ.ธานี สมบูรณ์ทรัพย์ รอง ผบ.ตร.) ก็ทำงานอย่างเต็มที่ หลังจากมีคำสั่งตั้งผมแล้ว ผมก็ไปพบพี่ธานี ไปบอกว่า ท่านนายกฯ ให้ผมมาบอกพี่เรื่องการทำงาน จะให้ผมทำอะไรช่วยอะไรก็บอกมาเลย พี่ธานี แกก็ดีนะ บอกผมว่า มีคดีอื่นจะให้ช่วยก็บอก


ขอขอบคุณข้อมูลและภาพประกอบจาก
 

เรื่องที่คุณอาจสนใจ
สัมภาษณ์พิเศษ พล.ต.อ.วิเชียร คืนความยุติธรรมให้แก่ผม อัปเดตล่าสุด 10 สิงหาคม 2552 เวลา 17:22:34 15,179 อ่าน
TOP