
โทลล์เวย์
สรุปประเด็นข่าวโดยกระปุกดอทคอม
ขอขอบคุณภาพประกอบจาก มติชนออนไลน์
เมื่อเวลา 06.00 น.วันที่ 22 ธันวาคม ผู้สื่อข่าวรายงานสภาพการจราจรบริเวณ ถ.วิภาวดีรังสิต กทม. ซึ่งเป็นวันแรกของการขึ้นค่าผ่านทางยกระดับอุตราภิมุข หรือดอนเมืองโทลล์เวย์ จากเดิมตลอดเส้นทางรังสิต-ดินแดง 55 บาท เพิ่มขึ้นเป็น 85 บาท ว่า ถ.พหลโยธินขาเข้า จากนิคมอุตสาหกรรมนวนคร อ.คลองหลวง จ.ปทุมธานี มุ่งหน้าเข้ากรุงเทพฯ มีปริมาณรถจำนวนมาก แต่เคลื่อนที่ได้ตลอดเวลาไม่ติดขัด ส่วนเส้นทางรังสิต-นครนายก ถ.เลียบคลองรังสิต มีปริมาณรถจำนวนมากมุ่งหน้าเข้าสู่กรุงเทพฯ และมีการชะลอตัวบ้างเป็นบางช่วง เนื่องจากรถส่วนใหญ่ใช้เส้นทางในแนวราบ มากกว่าขึ้นไปใช้ทางยกระดับดอนเมืองโทลล์เวย์
นอกจากนี้ ยังมีส่วนหนึ่งที่ขึ้นทางยกระดับ แต่จะลงก่อนถึงด่านเก็บค่าผ่านทางดอนเมือง 2 ซึ่งในช่วงนี้ยังไม่เสียค่าผ่านทาง ทำให้ปริมาณรถจำนวนมากลงมาผสมกับรถที่มาในแนวราบ ส่งผลให้บริเวณดังกล่าวการจราจรติดขัด เคลื่อนตัวช้ามาก จนในช่วงเวลาประมาณ 07.00 น. ท้ายแถวอยู่ที่บริเวณหน้าศูนย์การค้าเซียร์รังสิต ทำให้ประชาชนส่วนหนึ่งกลับไปใช้ทางยกระดับเหมือนเดิม เพื่อหนีการจราจรที่เกือบเป็นอัมพาต
ขณะเดียวกันการจราจรบน ถ.วิภาวดีรังสิตช่วงในเวลาเดียวกัน ที่แยกแจ้งวัฒนะมีรถจากวงเวียนบางเขนและ ถ.รามอินทรามาสมทบ อีกจุดหนึ่งคือ บริเวณแยกงามวงศ์วาน มีรถจากแยกเกษตรและถ.เกษตร-นวมินทร์ เข้ามาสมทบเพิ่มเติม จนการจราจรติดขัดมาก
ต่อมา เวลา 08.00 น. พล.ต.ต.ภาณุ เกิดลาภผล รองผบช.น. ดูแลด้านการจราจร พร้อมด้วย พล.ต.ต.อุทัยวรรณ แก้วสอาด ผบก.จร. เดินทางไปดูแลความสะดวกการจราจรบน ถ.วิภาวดีรังสิต พร้อมให้สัมภาษณ์ว่า การจราจรบนทางยกระดับดอนเมืองโทลล์เวย์วันนี้ค่อนข้างบางตา จากปกติจะหนาแน่นตั้งแต่เวลาประมาณ 06.30-07.30 น. โดยจะมีท้ายแถวยาวประมาณ 500 เมตร แต่วันนี้การจราจรไปหนาแน่นที่ทางปกติคือ ถ.วิภาวดีรังสิต แต่ยังโชคดีที่ไม่มีอุบัติเหตุอะไรเกิดขึ้น ทำให้การจราจรยังไม่ติดขัดมากนัก จะไปหยุดนิ่งบริเวณแยกแจ้งวัฒนะและแยกงามวงศ์วานเท่านั้น เนื่องจากมีรถจากทิศทางอื่นเข้ามาสมทบเป็นจำนวนมาก
"สำหรับรถที่หนีไม่ใช้โทลล์เวย์ตลอดวัน น่าจะมีประมาณ 2 หมื่นคัน ทำให้รถวิ่งผ่านแยกลาดพร้าวมีปริมาณมากตลอดวัน 1.5 แสนคัน สำหรับในช่วงเย็นจะใช้วิธีการเหมือนช่วงเช้า ตำรวจพร้อมรถยกจะพร้อมปฏิบัติตลอดเส้นทางขาออก ถ.วิภาวดี ดูแลให้การจราจรไม่สะดุด จะเฝ้าไปตลอด โดยมี สน.วิภาวดีรับผิดชอบโดยตรง และมีสน.ทุ่งสองห้อง พหลโยธิน ดอนเมือง เพื่อดึงรถออกจาก ถ.วิภาวดีฯ ให้เร็วที่สุด ซึ่งถ.วิภาวดีฯ จะมีปริมาณรถช่วงเช้ามากกว่าช่วงเย็น เพราะเช้าจะเข้ามาพร้อมกัน ส่วนช่วงเย็นจะทยอยออกเริ่มตั้งแต่ 4 โมงเย็น ถึง 2 ทุ่มจึงจะหมด" พล.ต.ต.ภาณุกล่าว
อย่างไรก็ตาม วันเดียวกัน ศาลปกครองกลาง มีคำสั่งยกคำร้องขอคุ้มครองชั่วคราวคดีที่ นายอาทิตย์ จรูญทัด และนายสุรชัย นิวาสพันธ์ ผู้ใช้ทางด่วนดอนเมืองโทลล์เวย์ ยื่นฟ้องรัฐมนตรีว่าการกระทรวงคมนาคม อธิบดีกรมทางหลวง บริษัท ทางยกระดับดอนเมือง จำกัด (มหาชน) และคณะรัฐมนตรี กรณีมีมติให้บริษัททางยกระดับดอนเมืองฯ ปรับขึ้นค่าผ่านทาง จากราคา 55 บาทเป็น 85 บาท โดยผู้ฟ้องเห็นว่าสร้างความเดือดร้อนให้กับประชาชนเนื่องจากสถานการณ์ปัจจุบันไม่เอื้ออำนวยต่อการใช้จ่าย เป็นการซ้ำเติมประชาชนทางอ้อม
โดยศาลพิจารณาแล้วเห็นว่า ที่ผู้ฟ้องอ้างว่าประชาชนได้รับความเดือนร้อนจากการปรับขึ้นค่าทางด่วนเป็นจำนวนมาก ชั้นไต่สวนรับฟังได้ว่า การปรับขึ้นค่าทางด่วนเป็นไปตามข้อตกลงที่กำหนดในสัญญา ระหว่างอธิบดีกรมทางหลวงกับบริษัทฯ อธิบดีกรมทางหลวง ไม่อาจใช้ดุลพินิจกำหนดอัตราเป็นอย่างอื่นได้ และทางด่วนดอนเมืองฯ เป็นทางเลือกหนึ่งของประชาชนที่ใช้รถใช้ถนนเท่านั้น หากผู้ฟ้องไม่ประสงค์จะใช้ทางด่วนดอนเมืองฯ สามารถใช้ถนนทางปกติได้ จึงไม่ใช่กรณีที่ศาลจะมีคำสั่งคุ้มครองชั่วคราวได้
ส่วนการแก้ไขบันทึกข้อตกลงสัญญาสัมปทานทางด่วนฯ โดยอธิบดีกรมทางหลวงมีมติขยายระยะเวลาสัมปทานให้บริษัทฯ อีก 11 ปี เป็น 27 ปี เป็นเพียงการเปลี่ยนแปลงสาระสำคัญของสัญญา ที่อยู่ในขอบเขตงานตามโครงการที่อธิบดีกรมทางหลวงและบริษัทฯ ซึ่งเป็นคู่สัญญามีอยู่ด้วยกัน ไม่ใช่เป็นการดำเนินโครงการใหม่ ข้อเท็จจริงจึงยังไม่เพียงพอรับฟังได้ว่า การดำเนินการตามสัญญาสัมปทานดังกล่าว ไม่น่าจะไม่ชอบด้วยกฎหมาย และยังไม่ใช่กรณีที่ศาลจะมีคำสั่งคุ้มครองชั่วคราวได้ จึงมีคำสั่งให้ยกคำร้อง
ขณะที่เครือข่ายองค์กรผู้บริโภค สถาบันพัฒนานักกฎหมายและสิทธิมนุษยชน และมูลนิธิเพื่อผู้บริโภค (มพบ.) ได้ออกมาคัดค้านการขึ้นค่าโทลล์เวย์ เพราะเป็นการขึ้นราคาที่ไม่สมเหตุสมผล ไม่เป็นธรรมต่อผู้บริโภค และไม่สอดคล้องกับภาวะค่าครองชีพของประชาชน แม้จะเป็นการทำตามสัญญาสัมปทาน แต่ต้องไม่ทำให้เกิดความเสียหายต่อสาธารณะ
ทั้งนี้ น.ส.สารี อ๋องสมหวัง เลขาธิการมูลนิธิเพื่อผู้บริโภค กล่าวว่า เครือข่ายองค์กรผู้บริโภคต้องการให้นายกรัฐมนตรีใช้อำนาจทางปกครอง สั่งการให้กรมทางหลวงยุติการอนุมัติให้ขึ้นราคาค่าโทลล์เวย์ ไม่เช่นนั้นจะฟ้องคณะรัฐมนตรีที่ดำเนินการโดยไม่รักษาผลประโยชน์สาธารณะ เพราะประชาชนมีสิทธิที่จะได้รับบริการสาธารณะในอัตราที่อิงกับต้นทุน มิใช่อัตราการคืนทุนตามที่กำหนดโดยสัญญาตามที่เจ้าของทุนต้องการ
"การอ้างของคณะรัฐมนตรีว่าเป็นไปตามสัญญาสัมปทานนั้น เป็นการกล่าวอ้างที่ทำลายความชอบธรรมของการมีรัฐบาล เพื่อจัดทำบริการสาธารณะ เพราะหากให้สัญญาที่ทำกับเอกชนซึ่งมุ่งหวังผลตอบแทนจากการลงทุนมาใช้ปิดปากอำนาจของรัฐในการกำหนดอัตราค่าบริการซึ่งเรียกเก็บจากประชาชนผู้ใช้บริการย่อมเป็นสัญญาทางปกครองที่ไม่ชอบด้วยหลักของกฎหมายและเป็นสัญญาสัมปทานที่ไม่เป็นธรรม เพราะเป็นสัญญาที่อนุญาตให้เอกชนทำบริการสาธารณะแทนรัฐ ที่สำคัญสัญญานี้ไม่ได้เกี่ยวพันเพียงแค่คู่สัญญาทั้งสองฝ่ายเท่านั้น แต่เกี่ยวข้องกับประชาชนจำนวนมากที่ต้องรับผลจากสัญญาดังกล่าว" น.ส.สารีกล่าว
น.ส.สารี ยังกล่าวอีกว่า กรมทางหลวงกำลังดำเนินการขัดต่อรัฐธรรมนูญในการอนุมัติให้ขึ้นค่าโทลล์เวย์โดยไม่มีการรับฟังความคิดเห็นของตัวแทนผู้บริโภค และถือเป็นการกระทำที่ละเลยการคุ้มครองตามเจตนารมณ์ของรัฐธรรมนูญมาตรา 61 ซึ่งกฎหมายกำหนดให้มีองค์กรอิสระเพื่อการคุ้มครองผู้บริโภคภายใน 1 ปี หลังจากมีการแถลงนโยบายของรัฐบาล แต่ในขณะนี้ก็ยังไม่เกิดขึ้น จึงจำเป็นอย่างยิ่งที่ต้องรับฟังความคิดเห็นของประชาชนก่อนจะดำเนินการใด ๆ ทั้งนี้หากประชาชนที่เห็นด้วยกับคัดค้านการขึ้นค่าโทลล์เวย์ สามารถร่วมลงรายชื่อสนับสนุนการคัดค้านได้ที่ consumerthai.org
ขณะที่นางสาวบุญยืน ศิริธรรม เครือข่ายผู้บริโภคภาคตะวันตก กล่าวว่า นี่หรือคือสิ่งที่รัฐบาลมอบเป็นของขวัญให้ประชาชนในช่วงปีใหม่ ประชาชนผู้ใช้บริการได้รับความเดือดร้อนจึงอยากให้นายกรัฐมนตรีในฐานะผู้ดูแลนั้นรับผิดชอบ "ถ้าคนที่มีหน้าที่รับผิดชอบไม่สามารถดำเนินการที่เป็นประโยชน์ต่อผู้บริโภคได้ก็จะต้องฟ้องศาล หากศาลปกครองพึ่งไม่ได้ แม้จะต้องฟ้องศาลพระภูมิก็จะทำ"
ด้านนายชุ้น สุนทราภิมุข เครือข่ายผู้บริโภคภาคกลางตะวันออก (ปริมณทล) กล่าวว่าขอเรียกร้องให้รัฐบาลทบทวนใหม่ และอยากให้คนที่ไม่เห็นด้วยกับการขึ้นค่าโทลล์เวย์เปิดไฟหน้ารถขณะใช้บริการจนกว่าคณะรัฐมนตรีจะยุติการปรับขึ้นค่าโทลล์เวย์
ขอขอบคุณข้อมูลจาก







