เตือนดื่มน้ำอวตาร สูตรสี่คูณร้อยเสี่ยงมะเร็ง

 

เตือนดื่มน้ำอวตาร สูตรสี่คูณร้อยเสี่ยงมะเร็ง (คมชัดลึก)

        หลังจากโจ๋เมืองคอนสุดพิเรนทร์ ฮิตขี้เถ้าเผาศพผสมใบกระท่อมต้มกิน เรียกสูตร "ตายโหง-อวตาร อ้างทำให้แข็งแกร่ง แคล้วคลาดเหมือนมีวิญญาณภูตผีคุ้มครอง แถมมีเสน่ห์ดึงดูดเพศตรงข้าม ชาวบ้านสุดเอือมเห็นตั้งแก๊งขี่ จยย.ขโมยเชิงตะกอนศพเป็นประจำ แต่ไม่กล้าห้าม เหตุหากขัดขวางจะถูกทำร้าย ขณะที่ผู้ใหญ่บ้านยอมรับจนปัญญาแก้ไข

       
(28 มกราคม) นพ.นพพร ชื่นกลิ่น รองอธิบดีกรมควบคุมโรค กล่าวเตือนกรณีที่มีวัยรุ่นใน จ.นครศรีธรรมราช นำเถ้ากระดูกคนตายมาผสมกับน้ำอัดลม ยาแก้ไอ ยากันยุง มาต้มกับใบกระท่อมดื่มในลักษณะเช่นเดียวกับสี่คูณร้อยว่า กรณีดังกล่าวเกิดขึ้นปะปลาย เป็นความคึกคะนองของเด็กวัยรุ่นที่มีความเชื่อผิด ๆ ซึ่งก่อนหน้านี้ก็เคยนำเอาใบไม้มาผสมดื่มกิน

        "ทางกระทรวงสาธารณสุขได้พยายามเตือน ซึ่งการนำเถ้ากระดูกมาผสมดื่มนั้น อาจส่งผลต่อสุขภาพได้ เนื่องจากเถ้ากระดูกเป็นฝุ่นผงมีการเผาไหม้หากบริโภคมาก ๆ ก็อาจเป็นมะเร็ง และอาจติดเชื้อได้ ทั้งยังเป็นเรื่องที่ผิดวัฒนธรรม ดังนั้นพ่อแม่ผู้ปกครองจึงควรดูแล รวมถึงผู้ที่ทำหน้าที่ณาปนกิจศพก็ต้องช่วยกันดูแล" รองอธิบดีกรมควบคุมโรค กล่าว

       
ด้านนายธีระ มินทราศักดิ์ ผู้ว่าราชการจังหวัดนครศรีธรรมราช ได้เรียกประชุมความมั่นคงประจำเดือนโดยมีหัวหน้าส่วนราชการที่เกี่ยวข้องทุกส่วน โดยในที่ประชุมได้มีการพูดถึงเรื่องพฤติกรรมของกลุ่มวัยรุ่นอย่างกว้างขวาง ทั้งนี้นายธีระ  กล่าวถึงเรื่องนี้ว่าถือเป็นเรื่องที่น่าเป็นห่วง ในส่วนของการปราบปรามยาเสพติดนั้นจะยังคงเดินหน้าอย่างเข้มข้นต่อไป โดยเฉพาะการปราบปรามพืชกระท่อม

        "ได้สอบถามถึงเรื่องของส่วนผสมพิเรนทร์นี้ได้พบว่ามีการแพร่หลาย และได้มอบให้ ผบก.ภ.นครศรีธรรมราช ผกก.ทุก สภ.ในจังหวัด รวมทั้งนายอำเภอ ให้ถือวาระการปราบปรามพืชกระท่อมและยาเสพติดอื่น ๆ เป็นวาระจังหวัดลำดับต้น ๆ เพื่อควบคุมเรื่องนี้ให้ได้ ในส่วนตัวของผมนั้นจะออกพบกับนักเรียนทุกโรงเรียนเริ่มต้นในเดือนกุมภาพันธ์นี้เดินสายทุกโรงเรียน เพื่อทำความเข้าใจกับนักเรียน และขอความร่วมมือเพิ่มความเข้มข้นในการดูแลพฤติกรรมเด็กและเยาวชนให้ห่างไกลจากยาเสพติดพวกนี้" ผวจ.นครศรีธรรมราช ระบุ

        ขณะที่อาจารย์ประจำสถาบันการศึกษาในระดับอาชีวะศึกษาแห่งหนึ่ง เปิดเผยว่า กรณีที่เกิดขึ้นเป็นที่วิพากษ์วิจารณ์อย่างกว้างขวาง โดยเฉพาะในกลุ่มครูอาจารย์ตามสถาบันการศึกษา ของกลุ่มเยาวชนวัยรุ่น รวมทั้งกลุ่มเยาวชนและวัยรุ่นเอง โดยผู้ที่ต้มสูตรพิสดารนั้นส่วนใหญ่จะเป็นเยาวชนที่อยู่นอกสถาบันการศึกษา มีพฤติกรรมเที่ยวเตร่ มักจะใช้วิธีการพิสดารที่คนปกติไม่ค่อยจะทำกัน เด็กกลุ่มนี้ส่วนใหญ่จะเป็นเด็กที่ก้าวร้าว มักจะสังเกตได้ว่าจะสักเต็มตัว มีพฤติกรรมเจาะระเบิดหู เจาะจมูก หรือเจาะคิ้ว สักเปลือกตาสีเข้ม เบ้าตาคล้ำ ดูมีท่าทางดุดัน

        ทั้งนี้จากสถานการณ์การแพร่ระบาดของยาเสพติดใน จ.นครศรีธรรมราช โดยเฉพาะน้ำต้มพืชกระท่อมที่กลุ่มวัยรุ่นและเยาวชนนิยมนำมาดื่มกิน เพื่อสร้างความมึนเมากำลังแพร่ระบาดอย่างหนักแทบทุกหมู่บ้านทั่ว จ.นครศรีธรรมราช ล่าสุดนายธีระ มินทราศักดิ์ ผู้ว่าราชการจังหวัดนครศรีธรรมราช ประกาศทำสงครามกับพืชกระท่อม โดยสั่งการไปยังตำรวจ เจ้าหน้าที่ฝ่ายปกครอง และผู้นำท้องถิ่นให้สำรวจและกำจัดพืชกระท่อมในแต่ละหมู่บ้านต่าง ๆ เนื่องจากพืชดังกล่าวเป็นสิ่งเสพติดที่เป็นอันตรายต่อเยาวชน

        เมื่อวันที่ 27 มกราคม ผู้สื่อข่าวรายงานว่า จากการดำเนินการตามโครงการทำสงครามกับพืชกระท่อม ส่งผลให้พืชกระท่อมมีราคาแพงขึ้นกว่าเดิมที่จำหน่ายกันกำละ 8-12 บาท เป็นกำละ 50-60 บาท แต่สิ่งที่น่าเป็นห่วงมากกว่านั้นคือ จากการตรวจสอบพบกลุ่มเด็กและเยาวชนที่นิยมดื่มน้ำต้มพืชกระท่อมแสวงหาส่วนผสมใหม่ ๆ จากสูตรสี่คูณร้อยเดิมที่มีส่วนผสม 2-3 ชนิด เช่น พืชกระท่อม น้ำอัดลม ยาแก้ไอ มาใส่ส่วนผสมอื่น ๆ เพิ่มมากขึ้น เช่น ยาจุดกันยุง กัญชา ยาบ้า ผงในหลอดฟลูออเรสเซนต์ กระทั่งล่าสุดกลุ่มวัยรุ่นนำขี้เถ้าใต้เชิงตะกอนเผาศพมาเป็นส่วนผสมในน้ำต้มพืชกระท่อมด้วย โดยชื่อเรียกสูตรนี้ว่า "ตายโหง หรือ อวตาร" ซึ่งเป็นความพิเรนทร์อย่างเหลือเชื่อ

        นายดำ (นามสมมติ) อายุ 17 ปี ชาวบ้านใน ต.นาเคียน อ.เมือง กล่าวว่า เพื่อน ๆ ในกลุ่มประมาณเกือบ 20 คน มีทั้งผู้หญิงและผู้ชายผลิตและดื่มน้ำต้มพืชกระท่อมมาแล้วทุกสูตร ล่าสุดคิดสูตรน้ำต้มใบกระท่อมขึ้นมาใหม่ด้วยการนำขี้เถ้าใต้เชิงตะกอนเผาศพมาใส่เป็นส่วนผสม เพราะเป็นความเชื่อว่า หากดื่มน้ำต้มพืชกระท่อมสูตรนี้จะทำให้ร่างกายแข็งแกร่ง แคล้วคลาดปลอดภัย เหมือนมีวิญญาณของภูตผีปีศาจมาช่วยปกป้องคุ้มครอง และที่สำคัญน้ำต้มพืชกระท่อมสูตรนี้จะมีรสชาติและกลิ่นที่ชวนกินดีกว่าเหล้านอกดีๆ หากใครได้ดื่มกินแล้วจะติดใจ โดยเฉพาะถ้าได้ขี้เถ้าใต้เชิงตะกอนที่เพิ่งเผาศพเสร็จใหม่ ๆ ด้วยแล้ว ถือว่าเป็นขี้เถ้าที่มีคุณภาพดีสุด

        เกี่ยวกับเรื่องดังกล่าว ผู้สื่อข่าวออกตรวจสอบตามเมรุเผาศพของวัดต่าง ๆ โดยชาวบ้านที่อาศัยอยู่ในละแวกวัดให้รายละเอียดว่า พบเห็นเด็กวัยรุ่นขี่รถจักรยานยนต์เข้ามาป้วนเปี้ยนที่เมรุเป็นประจำ โดยเฉพาะหลังการเผาศพเสร็จใหม่ ๆ บางครั้งพบว่าเด็กวัยรุ่นกลุ่มดังกล่าวจะขับรถออกมาจากวัด และถือถุงหรือขวดอะไรติดไม้ติดมือไปด้วย แต่ชาวบ้านส่วนใหญ่ไม่อยากยุ่งเกี่ยว เนื่องจากหากเข้าไปสอบถามหรือทำให้เด็กเหล่านี้ไม่พอใจ ชาวบ้านจะได้รับความเดือดร้อน เพราะเด็กกลุ่มนี้จะรวมตัวกันขว้างปาก้อนหิน ก้อนอิฐใส่บ้านได้รับความเสียหาย บางครั้งรถยนต์ที่อยู่บริเวณบ้านพังเสียหายยับเยิน และมีหลายครั้งที่วัยรุ่นเหล่านี้ใช้ปืนยิงใส่บ้านที่ขัดขวาง 

        นายสุมล อักษรพาลี อายุ 47 ปี ผู้ใหญ่บ้านหมู่ 5 ต.บางจาก อ.เมือง จ.นครศรีธรรมราช กล่าวว่า ยอมรับว่าปัญหาเรื่องเด็กและเยาวชนนิยมดื่มน้ำต้มพืชกระท่อมกลายเป็นปัญหาของทุกหมู่บ้าน เมื่อสอบถามเพื่อน ๆ ผู้นำท้องถิ่นหลายคนต่างมีปัญหาการแพร่ระบาดของน้ำต้มพืชกระท่อมเหมือนกัน ที่สำคัญปัญหานี้ยากต่อการแก้ไข เพราะไม่สามารถห้ามปรามเด็กและเยาวชนในหมู่บ้านได้ เนื่องจากเด็กกลุ่มนี้จะมาก่อความเดือดร้อนให้ต่าง ๆ นานา จึงทำได้แค่ห้ามปราม ว่ากล่าวตักเตือน แต่กลุ่มวัยรุ่นจะเชื่อหรือไม่ คงบังคับไม่ได้ และหากถูกจับกุมก็ต้องรับโทษตามกฎหมาย

        "ส่วนผสมน้ำต้มพืชกระท่อมสูตรใหม่ ที่ใช้ขี้เถ้าใต้เชิงตะกอนเผาศพมาใส่เป็นส่วนผสมเป็นเรื่องจริง ผมไม่เข้าใจจริง ๆ ว่าเด็กเหล่านี้เขาคิดกันอย่างไร กล้าดื่มกินน้ำที่มีส่วนผสมของขี้เถ้าศพเข้าไปได้อย่างไร เท่าที่ผมสอบถามเด็กหลายคนบอกว่ามีรสชาติและกลิ่นที่ชวนกิน แค่พูดก็ขนลุกขนพอง เท่าที่ผมสังเกต เด็กวัยรุ่นกลุ่มนี้จะมีลักษณะที่ไม่เหมือนวัยรุ่นทั่ว ๆ ไป พวกเขาทั้งชายและหญิงจะหน้าตาดำ บริเวณขอบตาดำ แววตาทะมึน แข็งกร้าว ดุร้าย แต่เซื่องซึม เชื่องช้า เหมือนคนถูกผีสิง หรือคล้าย ๆ พวกผีดิบ ลักษณะอาการเหล่านี้ผมเชื่อว่าพวกเขาคงจะมีชีวิตอยู่ได้ไม่นาน" นายสุมล กล่าว

        ขณะที่นายสมพงศ์ อยู่เถาว์ หัวหน้าศูนย์ส่งเสริมความประพฤตินักเรียนนักศึกษา เขตพื้นที่การศึกษานครศรีธรรมราช เขต 1 (สารวัตรนักเรียน) เปิดเผยว่า เรื่องการใช้ส่วนผสมขี้เถ้าเผาศพมาเป็นสูตรต้มกระท่อมนั้นมีมาได้ระยะหนึ่งแล้ว เป็นความพิเรนทร์อย่างเหลือเชื่อของวัยรุ่น ซึ่งพ่อแม่ควรติดตามพฤติกรรมของบุตรหลานให้ใกล้ชิด เพราะพฤติกรรมเช่นนี้ไม่เป็นผลดีต่อเด็กเอง

        "ผมเคยเอาเด็กเหล่านี้มาพูดคุย ก็ได้คำตอบที่ทำให้ต้องคิดหลายตลบ เพราะวัยรุ่นกลุ่มที่นิยมดื่มน้ำต้มกระท่อมที่มีส่วนผสมของขี้เถ้าเผาศพมีความเชื่อว่า เมื่อดื่มกินจะเกิดอำนาจและเกิดพลังพิเศษ โดยเฉพาะการดึงดูดเพศตรงข้ามให้คล้อยตามและเกิดความหลงใหล ซึ่งเป็นเรื่องที่น่าวิตกมากที่เด็กวัยรุ่นมีพฤติกรรมเช่นนี้ สารวัตรนักเรียนทำได้อย่างเดียวคือติดตามพฤติกรรมแจ้งต่อสถานศึกษา หรือแจ้งให้ผู้ปกครองทราบ หากเหลือบ่ากว่าแรง ต้องส่งดำเนินการตามกฎหมาย สิ่งที่เกิดขึ้นทุกฝ่ายต้องช่วยกันแก้ปัญหาอย่างเร่งด่วน เพราะไม่ใช่เรื่องเล็ก ๆ" นายสมพงศ์ กล่าว

 

ขอขอบคุณข้อมูลจาก

เรื่องน่าสนใจอื่นๆ
เรื่องที่คุณอาจสนใจ
เตือนดื่มน้ำอวตาร สูตรสี่คูณร้อยเสี่ยงมะเร็ง อัปเดตล่าสุด 29 มกราคม 2553 เวลา 09:26:43 15,414 อ่าน
TOP
x close