x close

ส่งออกไทยจ๊าก! เวียดนามลดค่าเงินด่องอีก 3.4%

เศรษฐกิจ

ส่งออกไทยจ๊าก!เวียดนามลดค่าเงินด่องอีก3.4% วิกฤตแหนมเนืองปะทุ !! (ประชาชาติธุรกิจ)

          เวียดนามประกาศลดค่าเงินด่องเป็นครั้งที่สองอีก 3.4% มีผลวันนี้ หลังเพิ่งลดไป 5.4% เมื่อเดือน พ.ย.ปีที่แล้ว หวังช่วยลดการขาดดุลการค้ามหาศาล แถมส่งผลดีต่อสินค้าข้าว รองเท้า กาแฟ ของเวียดนาม เพราะมีราคาถูกกว่าประเทศในแถบอาเซียน รวมถึงประเทศไทยด้วย นักเศรษฐศาสตร์เชื่อเวียดนามซ่อนปัญหาไว้อื้อ ขณะที่พยายามดิ้นรนสู้กับภาวะผันผวนทางเศรษฐกิจในช่วง 2 ปีที่ผ่านมา

          วอลล์ สตรีต เจอร์นัลรายงานว่า เวียดนามยังคงเติบโตอย่างแข็งแกร่ง แม้ว่าจะประสบภาวะยากลำบากในช่วงเศรษฐกิจโลกถดถอยเมื่อปีที่ผ่านมา แต่บรรดานักเศรษฐศาสตร์มองการการเติบโตที่แข็งแกร่งของเวียดนาม ในช่วงเร็ว ๆ นี้ ซึ่งรวมทั้งอัตราการเติบโตราว 5.5% ในปีที่ผ่านมา ได้ซ่อนปัญหารุนแรงไว้ ซึ่งรวมถึงการขาดดุลการค้ามหาศาล อัตราเงินเฟ้อ และการขาดแคลนเงินดอลลาร์ที่จำเป็นต้องใช้ เพื่อทำให้ภาคการเงินเดินหน้าเต็มที่

          ปัญหาเหล่านี้เพิ่มแรงกดดันอย่างมากต่อค่าเงินด่อง เพราะชาวเวียดนามสูญเสียความเชื่อมั่นต่อค่าเงิน ในทางตรงกันข้าม ค่าเงินของประเทศเอเชียบางประเทศกลับแข็งค่าขึ้นในช่วงที่ผ่านมา หลังจากเศรษฐกิจฟื้นตัว

          ล่าสุด ธนาคารกลางเวียดนามประกาศเมื่อวันพุธ (10 ก.พ.2553) ว่า จะลดค่าเงินด่องอีก 3.4% โดยมีผลตั้งแต่วันนี้ (11 ก.พ.) เป็นต้นไป ทำให้อัตราแลกเปลี่ยนปัจจุบันอยู่ที่ 18,544 ด่องต่อ 1 ดอลลาร์สหรัฐ จากเดิมที่ระดับ 17,941 ด่องต่อดอลลาร์สหรัฐ

          พร้อมกันนี้ธนาคารกลาง ได้กำหนดเพดานอัตราดอกเบี้ยสำหรับเงินฝากสกุล ดอลลาร์ของสถาบันทางเศรษฐกิจในธนาคารต่าง ๆไว้ที่ 1% โดยไม่รวมการฝากเงินของสถาบันสินเชื่อ โดยมีเป้าหมายเพื่อปล่อยเงินดอลลาร์เข้าตลาดมากขึ้น

          แถลงการณ์ของธนาคารกลางเวียดนามระบุว่า การประกาศลดค่าเงินด่องในวันนี้นับเป็นครั้งที่สอง นับตั้งแต่เดือน พ.ย.ปี 2552 โดยธนาคารกลางเวียดนามมีเพื่อเป้าหมายที่จะลดยอดขาดดุลการค้า ที่เป็นปัจจัยคุกคามการฟื้นตัวของเศรษฐกิจ ทั้งนี้ เงินด่องที่มีมูลค่าลดลง จะช่วยให้กลุ่มผู้ส่งออกของเวียดนามมีกำไรมากขึ้นในตลาดต่างประเทศ นอกจากนี้ ธนาคารกลางเวียดนามยังมีเป้าหมาย ที่จะปรับสมดุลดีมานด์และซัพพลายในตลาดปริวรรตเงินตรา และหนุนเศรษฐกิจให้มีเสถียรภาพมากขึ้น

          การลดค่าเงินด่อง จะทำให้สินค้าส่งออกหลักของเวียดนาม ซึ่งรวมทั้งรองเท้า กาแฟ และข้าว มีราคาถูกกว่าสินค้าจากประเทศเอเชียอื่น ๆ และอาจเพิ่มความตึงเครียดให้กับประเทศเพื่อนบ้านบางประเทศ โดยเฉพาะไทย ซึ่งกำลังแข่งขันอย่างหนักกับเวียดนามในตลาดโลก ที่ผ่านมา ไทยระบุว่าสกุลเงินบางสกุลในภูมิภาค รวมทั้งหยวนอาจมีค่าต่ำเกินไป

          ดร.บัณฑิต นิจถาวร รองผู้ว่าการด้านเสถียรภาพการเงินธนาคารแห่งประเทศไทย(ธปท.) กล่าวถึงกรณีเวียดนามลดค่าเงินด่องลงอีก 3.4%ซึ่งมีผลวันที่ 11 ก.พ.นี้ว่า น่าจะมีผลกระทบในเกณฑ์จำกัดต่อขีดความสามารถแข่งขันของผู้ส่งออกไทย เนื่องจากอัตราเงินเฟ้อของเวียดนามสูงกว่าไทยมาก ทำให้ต้นทุนการผลิตของเวียดนามสูงกว่าไทยด้วย โดยข้อมูลล่าสุดอัตราเงินเฟ้อเดือนม.ค. 2553 ของเวียดนามอยู่ที่ 7.1%ส่วนอัตราเงินเฟ้อของไทยอยู่ที่ 4.1%

          "การลดค่าเงินด่องของเวียดนามรอบนี้ เป็นมาตรการที่ดำเนินการต่อเนื่องจากปี ที่แล้ว ที่ปรับลดค่าเงินไปครั้งหนึ่งแล้วเพื่อแก้ไขปัญหาขาดดุลการค้า และเท่าที่เราดูคงเป็นความพยายามแก้ไขปัญหาของเขาเป็นสำคัญ" ดร.บัณฑิตกล่าว

          ผู้สื่อข่าวรายงานว่า ก่อนหน้านี้เวียดนามได้ปรับลดค่าเงินดองลงร้อยละ 5.4 จาก 17,034 ด่องต่อดอลลาร์สหรัฐฯ เป็น 17,961 ด่องต่อดอลลาร์สหรัฐฯ เมื่อวันที่ 25 พฤศจิกายน 2552 รวมถึงการปรับลดช่วงขึ้น-ลง (Trading Band) ของอัตราแลกเปลี่ยนเงินด่องต่อดอลลาร์สหรัฐฯ ของทางการเวียดนามจากร้อยละ 5 เป็นร้อยละ 3 เพื่อช่วยให้ค่าเงินด่องมีเสถียรภาพ ส่งผลให้การส่งออกของเวียดนามปรับตัวดีขึ้น และการนำเข้ามีแนวโน้มชะลอลง และยังช่วยช่วยบรรเทาปัญหาการขาดดุลการค้าของเวียดนามที่พุ่งสูงลง

          โดยศูนย์วิจัยกสิกรไทยประเมินก่อนหน้านี้ว่า การส่งออกของเวียดนามน่าจะมีขีดความสามารถทางการแข่งขันด้านราคาที่ดีขึ้น จากอานิสงส์ของค่าเงินด่องที่อ่อนค่าลง ทำให้ราคาสินค้าส่งออกของเวียดนามต่ำลงในตลาดโลก ส่งผลให้การส่งออกของเวียดนามมีแนวโน้มปรับดีขึ้น ซึ่งในกรณีนี้น่าจะช่วยให้สินค้าส่งออกของไทยไปเวียดนามประเภทสินค้าวัตถุดิบ สินค้าขั้นกลาง สินค้าทุนที่เวียดนามพึ่งพาการนำเข้าจากไทย เพื่อใช้ผลิตส่งออกเติบโตได้ดีขึ้นตามไปด้วย เช่น เส้นใย ผ้าผืน และพลาสติกขั้นต้น

          อย่างไรก็ตาม สินค้าส่งออกของไทยหลายรายการ อาจต้องเผชิญกับการแข่งขันกับสินค้าส่งออกของเวียดนามที่รุนแรงขึ้น จากความได้เปรียบด้านราคาของเวียดนามในตลาดที่สาม เช่น เสื้อผ้าสำเร็จรูป รองเท้า อิเล็กทรอนิกส์/คอมพิวเตอร์ และข้าว

          ก่อนหน้านี้ ดร.วีรพงษ์ รามางกูร อดีตรัฐมนตรีว่าการกระทรวงการคลัง กล่าวเตือนผ่านข้อเขียน "คนเดินตรอก" ในหนังสือพิมพ์ประชาชาติธุรกิจ ว่า สถานการณ์เศรษฐกิจภายในเวียดนามประกาศลดค่าเงินด่อง ส่งสัญญาณน่าเป็นห่วง เพราะอาจจะกลายเป็นวิกฤตการณ์แหนมเนือง ลุกลามขยายผลไปถึงเศรษฐกิจในกลุ่มประเทศอินโดจีน ลาว กัมพูชา พม่า และบานปลายมาถึงกลุ่มประเทศอาเซียน เนื่องจากโครงสร้างปัญหามีลักษณะใกล้เคียงกับต้มยำกุ้งของไทยเมื่อปี 2540 ตอนลอยตัวค่าเงินบาท ไม่มีผู้ใดคาดการณ์ถึงมาก่อนว่า ปัญหาภายในซึ่งเกิดกับประเทศที่มีเศรษฐกิจขนาดไม่ใหญ่มาก แต่กลับส่งผลรุนแรงลามต่ออย่างรวดเร็วเข้าไปยังมาเลเซีย สิงคโปร์ ข้ามทวีปต่อถึงรัสเซีย

          "ประการสำคัญการลดค่าเงินด่อง เพื่อคลี่คลายวิกฤตให้ลุล่วงภายในระยะเวลาอัน สั้นนั้นลดเพียง 5% สอดคล้องกับอาการเศรษฐกิจหรือไม่ เพราะนักเศรษฐศาสตร์ประเมินว่าหากจะลดก็ต้องเกิน 20% ขึ้นไปจึงจะควบคุมสถานการณ์วิกฤตขณะนี้ได้" ดร.วีรพงษ์กล่าว


ขอขอบคุณข้อมูลและภาพประกอบจาก

เรื่องที่คุณอาจสนใจ
ส่งออกไทยจ๊าก! เวียดนามลดค่าเงินด่องอีก 3.4% อัปเดตล่าสุด 12 กุมภาพันธ์ 2553 เวลา 11:20:33 8,676 อ่าน
TOP