จีที200 เครื่องตรวจระเบิด หรือ กล่องพลาสติกเจ้าปัญหา??

เรียบเรียงข้อมูลโดยกระปุกดอทคอม
ขอขอบคุณภาพประกอบจาก youtube.com

          ในที่สุดรัฐบาลก็สามารถสรุปผลการตรวจสอบประสิทธิภาพเครื่องตรวจหาวัตถุระเบิดและสารเสพติด จีที200 (GT200 - GT200 Substance Detection Device) ได้แล้ว โดยผลการทดลองจับได้เพียง 4 ครั้งจากการทดสอบ 20 ครั้ง! หรือสอบผ่านได้เพียง 20% เท่านั้น 

          และเกี่ยวกับเรื่องนี้ ผู้สื่อข่าวสถานีบีบีซี ของอังกฤษ ก็ได้รายงานข่าวไปทั่วโลกว่า นายกรัฐมนตรีของไทย ได้สั่งให้หยุดซื้อเครื่องตรวจระเบิด จีที200 หลังจากพิสูจน์ออกมาแล้วว่า จีที200 ไม่มีประสิทธิภาพ อันเนื่องมาจากการสืบสวนของรายการของทางสถานีเมื่อเดือนที่แล้ว ที่รัฐบาลอังกฤษสั่งยุติการส่งออกอุปกรณ์ประเภทนี้ ไปยังอิรักและอัฟกานิสถาน กระทรวงการต่างประเทศอาจจะเตือนไปยังประเทศที่เป็นมิตรด้านการทหารบางประเทศแล้ว คำถามที่ต้องการคำตอบเป็นอย่างยิ่งคือ ทำไมรัฐบาลอังกฤษไม่สั่งให้หยุดขายโดยสิ้นเชิง

          กองทัพไทยใช้อุปกรณ์นี้ตรวจหาระเบิด มีประชากรกว่า 4 พันคน เสียชีวิตใน 3 จังหวัดชายแดนภาคใต้ ตั้งแต่ปี พ.ศ.2547 ดังนั้น ชีวิตผู้คนจำนวนมาก ขึ้นอยู่กับมัน หลังจากการสืบสวนของรายการของทางสถานีเมื่อเดือนที่แล้ว ก่อให้เกิดกระแสความสงสัย ด้านนายกฯ ของไทยก็ได้สั่งให้มีการทดสอบอุปกรณ์ชื่อ จีที200 ในทันที

          และเมื่อวันที่ 16 ก.พ. ที่ผ่านมา นายกรัฐมนตรีของไทย ได้ประกาศผลทดสอบออกมาแล้วว่า ประสิทธิภาพของเครื่อง จีที200 ต่ำมาก และไม่ได้มาตรฐาน นายกฯ ไทยจึงสั่งให้ระงับการซื้อเครื่อง จีที200 มีรายงานการใช้งบประมาณไปกว่า 20 ล้านดอลลาร์ เฉลี่ยเครื่องละ 3 หมื่นดอลลาร์ หรือตีเป็นเงินไทยประมาณ เครื่องละเกือบ 1 ล้านบาท และใช้งบประมาณรวมทั้งหมดกว่า 640 ล้านบาท!!

          ผู้ที่ขาย จีที200 ได้ช่างเปรมปรีดิ์ และช่วยให้ แกรี่ โบลตัน เจ้าของบริษัทที่ผลิตเครื่อง จีที200 มีชีวิตที่สุขสบาย เห็นได้จากภาพที่เขาโชว์ให้เพื่อน ๆ ดูในอินเทอร์เน็ต เขาปฏิเสธที่จะคุยกับเรา หรือแม้แต่จะคุยผ่านทนายของเขา และขู่ว่าจะฟ้องคนที่บอกว่าเครื่องมือของเขาทำให้มีคนตาย

          ผู้เชี่ยวชาญระเบิด ซิดนีย์ อัลฟอร์ด เขาผ่าเครื่องให้เราดูเมื่อเดือนที่แล้ว ผู้สื่อข่าวได้ตามไปสัมภาษณ์เขา ได้ความว่า

          ผู้สื่อข่าว : ตกลงมันไม่มีอะไรข้างใน ที่จะทำให้ตรวจเจอระเบิดได้?

          ซิดนีย์ อัลฟอร์ด : พูดในฐานะมืออาชีพ นี่คือกล่องพลาสติกเปล่า ๆ

          ทั้งนี้ ผู้สื่อข่าวได้ทราบข้อมูลจาก บรูซ ฮู้ด ศาสตราจารย์ผู้เชี่ยวชาญด้านเครื่องตรวจระเบิด ที่ได้ช่วยเปิดเผย สิ่งที่ทำให้เราเกิดความตระหนกในอุปกรณ์ชิ้นนี้ว่า แกรี่ โบลตัน เคยพยายามขายอุปกรณ์แบบเดียวกันนี้ ที่มีชื่อเรียกว่า Mole ให้กับหน่วยงานของรัฐบาลอังกฤษ ในปี พ.ศ.2545 มันเคยถูกนำมาทดสอบหาสารเสพติดที่สนามบินฮีธโทรว์ แต่มันไม่สามารถตรวจเจอโคเคนที่อยู่ใกล้ ๆ ไม่ถึงเมตรได้ รัฐบาลอังกฤษจึงปฏิเสธที่จะซื้อมันมาใช้

          เครื่อง Mole ถูกทดสอบตามหลักวิทยาศาสตร์ในปี พ.ศ.2545 ที่สหรัฐอเมริกา แต่ไม่ผ่านการทดสอบ ศาสตราจารย์รายเดิมกล่าวเพิ่มเติมว่า "มันไม่ได้มีค่าอะไรไปมากกว่าลวดดาว ซึ่งตอนนี้สิ่งที่ต้องรีบทำคือสั่งหยุดการขายทั้งหมดทันที แต่แทนที่จะเป็นเช่นนั้น บริษัทนี้กลับนำมันออกไปขายทั่วโลก และหลอกลวงขายด้ามจับพลาสติกติดเสาอากาศวิทยุ โดยอ้างว่าทำงานได้ด้วยหลักวิทยาศาสตร์ที่เลิศหรู"

          ผู้สื่อข่าวกล่าวด้วยความสงสัยว่า แล้วรัฐบาลอังกฤษรู้เมื่อไหร่ว่าควรระวังเครื่อง จีที200 และเครื่องแบบเดียวกันที่มีชื่อว่า ADE651 ที่ขายไปยังอิรักจำนวนมาก เราได้เห็นอีเมล์ของปี พ.ศ.2548 ที่กล่าวถึงสินค้าตัวหนึ่งคือ ADE651 ว่ามันทำงานเหมือนเวทมนตร์ และได้ปรากฏในอีเมล์ของ เจมส์ อาร์บัฟนอต สมาชิกคณะกรรมการคัดเลือกอุปกรณ์ป้องกันภัย ที่ได้เขียนถึง เควนติน เดวิส ฝ่ายจัดซื้อของกองทัพอังกฤษ ในปี พ.ศ.2552 ว่า การตลาดของเครื่อง จีที200 อ้างว่า ได้รับการสนับสนุนจากกองทัพอังกฤษ ซึ่ง เควนติน เดวิส ได้ตอบกลับเมล์ไปเมื่อเดือนมิถุนายนปีที่แล้วว่า

          "ผมยินดีที่คุณให้ความสนใจในเรื่องนี้ และเราได้เริ่มการสืบสวน แต่ก่อนอื่น ผมขออธิบายก่อนว่า จีที200 ไม่ได้ถูกนำมาใช้ในกองทัพอังกฤษแต่อย่างใด และไม่เคยใช้มาก่อนด้วย ในขณะเดียวกัน ทางกระทรวงกลาโหมของอังกฤษ ก็เคลือบเคลงในประสิทธิภาพของเครื่อง จีที200 เพราะยังไม่มีมาตรฐานที่น่าพอใจออกมา"

          ผู้สื่อข่าวยังได้กล่าวอีกว่า ได้ติดต่อไปยังกระทรวงกลาโหมของอังกฤษ ซึ่งทางกระทรวงกลาโหมของอังกฤษแจ้งว่าไม่ใช่หน้าที่ของพวกเขา และขอให้ติดต่อไปยังกระทรวงการต่างประเทศของอังกฤษ ซึ่งกระทรวงการต่างประเทศแจ้งกลับมาว่า พวกเขาเริ่มจับตามองการจำหน่าย จีที200 มาตั้งแต่เดือนมีนาคมปี พ.ศ.2552 แล้ว จนกระทั่งเดือนที่แล้ว ที่ถูกรัฐบาลอังกฤษสั่งห้ามขายไปยังอิรักและอัฟกานิสถาน

          เมื่อ 11 วันก่อนหน้านี้ รัฐบาลทั่วโลกได้รับคำเตือนจากรัฐบาลอังกฤษเกี่ยวกับการจำหน่าย จีที200 แต่สำหรับเครื่อง ADE651 ยังถูกใช้ในด่านตรวจของแบกแดด ประเทศอิรัก

          ประชาชนชาวอังกฤษรายหนึ่งถึงกับกล่าวว่า "มันจะต้องถูกห้ามใช้ เพราะมันเหมือนกับเขาให้ไฟเขียวผ่านกับคนวางระเบิด มันช่วยให้ผู้ก่อการร้ายผ่านไปง่าย ๆ มันเป็นความผิดพลาดอันใหญ่หลวง ผมว่าคนในกองทัพบางคน ต้องมีส่วนได้ส่วนเสียกับการจัดซื้อเจ้าเครื่องพวกนี้"

          ซึ่ง จิม แมคคอร์มิค ผู้ผลิต ADE651 ก็ถูกจับกุมเมื่อวันที่ 5 มีนาคมที่ผ่านมา โดยตำรวจเอวอนและซอมเมอร์เซต อุปกรณ์นี้ถูกสั่งห้ามส่งไปขายยังตะวันออกกลาง ตั้งแต่เมื่อปลายปีที่แล้ว แต่ทั้ง ADE651 และ จีที200 ก็ยังถูกจำหน่ายไปยังประเทศอื่น ๆ ทั่วโลก ตั้งแต่จีน, เม็กซิโก, เคนย่า, เลบานอน, ปากีสถาน หรือแม้แต่ประเทศไทย มันอวดอ้างสรรพคุณว่าสามารถตรวจจับได้ตั่งแต่วัตุถุระเบิด หรือแม้กระทั่งยาเสพติด แต่คนที่ใช้งานมัน ก็ยังไม่รู้ตัวว่ากำลังเสี่ยงจากการใช้งานอุปกรณ์นี้

          เดวิด ฮีธ ส.ส.อังกฤษ ผู้ตั้งคำถามกับนายกรัฐมนตรีของอังกฤษเกี่ยวกับเจ้าเครื่อง จีที200 ได้ให้สัมภาษณ์กับผู้สื่อข่าวว่า

          ผู้สื่อข่าว : ช่วยอธิบายได้ไหมว่าทำไมถูกห้ามขายแค่สองประเทศ แต่ไม่ถูกระงับในประเทศอื่น

          เดวิด ฮีธ : ผมก็ไม่เข้าใจเหมือนกันว่าทำไมเจ้าเครื่อง จีที200 จึงถูกห้ามจำหน่ายในแค่สองประเทศ อาจเป็นเพราะมันเสี่ยงกับกองกำลังของรัฐบาลอังกฤษในอิรักและอัฟกานิสถาน แต่ก็ทำให้เกิดคำถามว่า แล้วทำไมที่อื่น ๆ บนโลกที่ยังใช้เครื่อง จีที200 อยู่

          ผู้สื่อข่าว : มันก่อให้เกิดกระแสว่า รัฐบาลอังกฤษสนใจแต่ชีวิตของทหารอังกฤษและอเมริกัน

          เดวิด ฮีธ : ดูเหมือนจะเป็นเช่นนั้นครับ ผมหมายถึง แม้นี่จะเป็นนเหตุผล แต่ชีวิตคนอังกฤษก็ต้องเสี่ยงเหมือนกัน หากเดินทางไปท่องเที่ยวเมืองไทย หรือที่อื่น ๆ ที่ใช้เครื่องนี้

          ผู้สื่อข่าว : เราทราบเกี่ยวกับเรื่องนี้ดีค่ะ เมืองไทยได้รับการเตือนจากรายการของเราเมื่อเดือนที่แล้ว แต่ยังมี เคนย่า, จีน, ปากีสถาน, เลบานอน และเม็กซิโกที่ยังใช้เจ้าเครื่องนี้อยู่ และไม่ทราบข้อเท็จจริงเรื่องนี้ คุณได้ทำอะไรที่ให้รัฐบาล แจ้งเตือนไปยังประเทศเหล่านี้หรือยัง ทำไมไม่เตือนตั้งแต่ปลายปีที่แล้ว

          เดวิด ฮีธ : ดูเหมือนจะเป็นเช่นนั้น ผมหมายความว่า รัฐบาลอังกฤษดูไม่ค่อยจะใส่ใจเรื่องนี้สักเท่าไหร่ และกระทรวงกลาโหมของอังกฤษเอง ก็เพิ่งทราบเรื่องเมื่อเดือนมกราคมที่ผ่านมา ส่วนกระทรวงการต่างประเทศทราบเรื่องตั้งแต่เดือนมีนาคม ปีพ.ศ. 2552 เหมือนว่าไม่มีใครแจ้งไปที่หน่วยงานด้านพาณิชย์ หรือผู้ออกใบอนุญาตส่งออก จนรายการของคุณเอามาออก จึงมีการระงับการส่งออก แตมันทำให้เกิดคำถามขึ้นมาว่า อุปกรณ์ที่แอบอ้างนำมาใช้เพื่อปกป้องชีวิตคนในหลายประเทศ ไม่ใช่แค่ทหารอังกฤษ ทำไมไม่มีใครพยายามหยุดก่อนหน้านีในขณะที่มีโอกาส และทำไมประเทศอื่น ๆ ไม่ได้รับคำเตือนว่า มันไม่ก่อให้เกิดประโยชน์ในการปกป้องชีวิตผู้คนได้เลย

          ผู้สื่อข่าว : คุณจะบอกกับคนที่พูดว่า คุณทำแค่หยุดส่งออกแล้วก็จบ แค่นั้นเองเหรอ

          เดวิด ฮีธ : ไม่เอาน่า ผมหมายถึงว่า เราต้องการสนับสนุนการส่งออก แต่หยุดแค่การส่งออกเครื่อง จีที200 เพราะเราไม่ต้องการให้คนใช้เครื่องตรวจระเบิด จีที200 ที่ไม่มีประสิทธิภาพอะไรในสภาวการณ์โลกปัจจุบัน และผมจะตั้งคำถามกับนายกรัฐมนตรี จนกว่าจะได้รับคำตอบ และผมขอบอกเลยว่า ผมไม่เห็นด้วยที่จะหยุดขายแค่สองประเทศ เพราะมันมีผลทั้งต่อประชาชนและทหาร

          ผู้สื่อข่าว : แสดงว่าการส่งออกควบคุมเฉพาะเรื่องที่เกี่ยวกับการทหารหรือ

          เดวิด ฮีธ : ทั้งด้านทหารและประชาชนครับ

          ผู้สื่อข่าว : ทั้งสองด้านที่คุณกล่าวหมายถึงห้ามส่งออกโดยสิ้นเชิง?

          เดวิด ฮีธ : ผมคิดว่าควรเป็นเช่นนั้น นั่นคือคำตอบที่ผมต้องการ และผมอยากให้หน่วยงานแต่ละหน่วยหันหน้ามาคุยกัน และเห็นว่าควรเตือนรัฐบาลทั่วโลกด้วยเหตุผลทางมนุษยธรรมและศีลธรรม

          นี่คือรายงานและคำตอบบางส่วนเกี่ยวกับเครื่อง จีที200 ส่วนบทสรุปเรื่องนี้จะลงเอยอย่างไร ใครจะเป็นคนรับผิดชอบกับการลงทุนที่สูญเปล่า และรัฐบาลจะมีมาตรการจัดการอย่างไรต่อไป เราคงต้องติดตามกันต่อไปค่ะ

ขอขอบคุณข้อมูลจาก
youtube.com