
สรุปประเด็นข่าวโดยกระปุกดอทคอม
ขอขอบคุณภาพประกอบจาก ข่าวสด , ไทยรัฐ , ข่าวสด
จากกรณีที่แฟนบอลการท่าเรือไทย เอฟซี หรือ สิงห์เจ้าท่า ก่อเหตุจลาจลเข้าตะลุมบอนแฟนบอลเมืองทองฯ ยูไนเต็ด หรือกิเลนผยอง ขณะแข่งขันฟุตบอลชิงถ้วยพระราชทาน ก. ที่สนามศุภชลาศัย หลังทีมเมืองทองฯ ยูไนเต็ด นำท่าเรือฯ อยู่ 2-0 เหตุเกิดเมื่อวันที่ 20 กุมภาพันธ์นั้น ทำให้มีแฟนบอลได้รับบาดเจ็บหลายราย จนเกมการแข่งขันต้องยุติลงทันที ก่อนที่ผู้บริหารทีมท่าเรือฯ จะประกาศยอมแพ้ยกแชมป์ให้กับเมืองทองฯ
ความคืบหน้าสำหรับกรณีนี้ เมื่อวันที่ 21 กุมภาพันธ์ พ.ต.อ.ไพศาล ลือสมบูรณ์ ผกก.สน.ปทุมวัน เปิดเผยว่า หลังเกิดเหตุได้มีแฟนบอลทีมเมืองทองฯ จำนวน 4 คน และการท่าเรือฯ อีก 1 คน เดินทางเข้ามาแจ้งความกับทางตำรวจเมื่อคืนที่ผ่านมา เบื้องต้นเจ้าหน้าที่สอบปากคำและส่งไปตรวจร่างกายที่โรงพยาบาลตำรวจ และราชวิถี ซึ่งผู้เสียหายส่วนใหญ่มีบาดแผลฟกช้ำบริเวณใบหน้า เนื่องจากถูกชกต่อยเเละรอยขีดข่วนตามร่างกายเพียงเล็กน้อย

เบื้องต้นเจ้าหน้าที่รับแจ้งความไว้ พร้อมประสานไปยังสื่อมวลชนช่อง 3 และช่อง NBT เพื่อขอวีดีโอภาพเหตุการณ์การแข่งขันตั้งแต่ต้นจนจบ ก่อนนำมาประกอบหลักฐาน โดยจะเน้นหาบุคคลที่เป็นแกนนำในการก่อเหตุ เพื่อขอศาลออกหมายจับตามภาพถ่าย ในความผิดตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 295 ผู้ใดทำร้ายผู้อื่นจนเป็นเหตุให้เกิดอันตรายแก่กาย หรือจิตใจของผู้อื่นนั้น ผู้นั้นกระทำความผิดฐานทำร้ายร่างกาย ต้องระวางโทษ จำคุกไม่เกินสองปี หรือปรับไม่เกินสี่พันบาท หรือทั้งจำทั้งปรับ ซึ่งทางเจ้าหน้าที่จะดำเนินการอย่างรวดเร็วที่สุด
"จากเหตุการณ์ดังกล่าวเป็นเรื่องที่ประชาชนให้ความสนใจเป็นอย่างมาก ส่วนผลกระทบทางด้านคดีไม่มากเท่าไหร่ แต่มีผลกระทบทางด้านจิตใจ เนื่องจากเป็นการแข่งฟุตบอลวัฒนธรรมประเพณีชิงถ้วยพระราชทาน ซึ่งแฟนบอลต้องมีน้ำใจเป็นนักกีฬาซึ่งกันและกัน" พ.ต.อ.ไพศาล กล่าว และว่า ในส่วนของการทำลายทรัพย์สินต่าง ๆ ภายในสนามกีฬานั้น คงต้องให้ทางสนามในฐานะผู้เสียหายเป็นผู้เข้าแจ้งความ ในข้อหาทำให้เสียทรัพย์ ซึ่งทางเจ้าหน้าที่จะติดตามตัวผู้ก่อเหตุมาดำเนินคดีตามกฎหมายต่อไป

ขณะที่นายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ นายกรัฐมนตรี กล่าวถึงเหตุการณ์นี้ว่า ขอเรียนว่าทุกกรณีต้องหลีกเลี่ยงไม่ให้เกิดปัญหาความรุนแรง ความจริงวงการฟุตบอลไทยกำลังไปในทางที่ดี เนื่องจากมีแฟน ๆ มาดูบอลในประเทศมากขึ้น เพราะฉะนั้นอย่าทำให้เกิดปัญหากระทบกระบวนการนี้ ฟุตบอลยุโรปมีช่วงหนึ่งที่ตกต่ำไปมาก เพราะปัญหาจากอันธพาลตีกัน และในที่สุดกว่าจะฟื้นขึ้นมาได้ต้องใช้เวลา ดังนั้น เราอย่าไปซ้ำรอยนั้น ขอให้สโมสรต่าง ๆ มีมาตรการที่เข้มงวดกวดขันมากขึ้นเกี่ยวกับแฟน ๆ ของตัวเอง

องอาจ ก่อสินค้า
ด้านนายองอาจ ก่อสินค้า เลขาธิการสมาคมฟุตบอลแห่งประเทศไทยฯ เปิดเผยว่า สมาคมจะเร่งสรุปเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นอย่างเร็วที่สุด โดยเมื่อวานนี้ (21 กุมภาพันธ์) สมาคมได้ทำหนังสือขอพระราชทานอภัยโทษไปยังสำนักพระราชวัง เนื่องจากเกิดเหตุการณ์ขึ้นระหว่างที่นายอรรถนิติ ดิษฐอำนาจ ผู้แทนพระองค์เป็นประธานในพิธีด้วย ในส่วนของการสืบสวนหาข้อเท็จจริง และมาตรการลงโทษผู้กระทำผิดนั้น นายวรวีร์ มะกูดี นายกสมาคมฟุตบอลฯ ที่กำลังติดภารกิจอยู่ต่างประเทศมีคำสั่งแต่งตั้ง พล.ต.ท.วรพงษ์ ชิวปรีชา ผู้ช่วยผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติ ที่ดำรงตำแหน่งอุปนายกสมาคม เป็นประธานคณะกรรมการสืบสวนข้อเท็จจริงกรณีดังกล่าวแล้ว
"วันที่ 22 กุมภาพันธ์ คณะกรรมการสมาคมจะประชุมร่วมกับคณะกรรมการสืบสวนข้อเท็จจริง เพื่อหาข้อสรุปเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นอย่างเร่งด่วน เพราะถือว่าค่อนข้างร้ายแรงมีการทำร้ายร่างกาย ชิงทรัพย์ และมุ่งหวังเอาชีวิตในระหว่างเกมการแข่งขัน โดยแฟนบอลที่เป็นหัวโจกในการก่อเหตุจะต้องถูกดำเนินคดีอาญาตามกฎหมาย รวมถึงถูกห้ามเข้าชมเกมการแข่งขันฟุตบอลรายการต่าง ๆ ที่สมาคมฟุตบอลฯ เป็นผู้ดำเนินการจัดการแข่งขัน" นายองอาจระบุ
นายองอาจกล่าวว่า สมาพันธ์ฟุตบอลแห่งเอเชีย (เอเอฟซี) จะส่งผู้ควบคุมการแข่งขันมาสำรวจความพร้อมของสนามศุภชลาศัย ก่อนใช้เป็นสนามเหย้านัดแรกฟุตบอลเอเอฟซี คัพ ระหว่างการท่าเรือไทย เอฟซี กับ ดานัง จากเวียดนาม ในวันที่ 24 กุมภาพันธ์นี้ ว่าพร้อมอยู่ในสภาพใช้งานหรือไม่ โดยเอเอฟซีรับทราบรายงานเบื้องต้นจากสมาคมกับเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นไปแล้ว และค่อนข้างซีเรียสกับมาตรการรักษาความปลอดภัยอย่างมาก อย่างไรก็ตาม สนามศุภชลาศัยจะได้รับการรับรองให้เป็นสนามเหย้าของทีมการท่าเรือหรือไม่ คงต้องอยู่ที่การตัดสินใจของเอเอฟซี
"ผมคิดว่าสมาคมวางมาตรการรักษาความปลอดภัยไว้อย่างดีแล้ว แต่ยอมรับว่าตำรวจ และสารวัตรทหาร ที่มาช่วยดูแลน้อยเกินไป จึงไม่สามารถควบคุมแฟนบอลการท่าเรือ ที่กำลังอยู่ในอารมณ์ผิดหวังและไม่ยอมรับคำตัดสินได้ เหตุการณ์จึงรุนแรงอย่างที่ออกมา" เลขาธิการสมาคมฟุตบอลฯ กล่าว

ขณะที่นายอุดม อนันตพงษ์ ประธานฝ่ายวินัย มารยาท และบทลงโทษ สมาคมฟุตบอลฯ กล่าวว่า คณะกรรมการจะรอรายงานจากผู้ควบคุมการแข่งขันของสมาคมเกี่ยวกับเหตุการณ์ที่เกิดขึ้น ก่อนจะเรียกประชุมคณะกรรมการเพื่อพิจารณาบทลงโทษไม่ให้เป็นตัวอย่างต่อแฟนบอลของสโมสรอื่น และนำเสนอคณะกรรมการบริหารต่อไป
เบื้องต้นการพิจารณาแยก 2 ประเด็น 1. แฟนบอลทั้ง 2 ทีมซึ่งเบื้องต้นแฟนบอลทีมที่ก่อเหตุคือ การท่าเรือทางสโมสรจะต้องถูกปรับเงินแน่ และ 2. โค้ชของทั้ง 2 ทีมคือนายสะสม พบประเสริฐ โค้ชการท่าเรือ และนายเรเน่ เดอซาเยียร์ โค้ชเมืองทองฯ ชาวเบลเยียม ที่มีปากเสียงกันจนหวิดลงไม้ลงมือระหว่างที่เกมหยุด แน่นอนว่าต้องลงโทษทั้งคู่เช่นกัน เพราะเป็นตัวอย่างที่ไม่ดีในฐานะที่เป็นผู้ฝึกสอน คาดว่าในสัปดาห์หน้าจะได้ข้อสรุปบทลงโทษที่แน่ชัด
ทางด้านสะสม พบประเสริฐ หรือโค้ชเตี้ย กุนซือทีมการท่าเรือฯ ออกมายอมรับผิดกับกรณีที่เกิดขึ้นทั้งหมด และยังเห็นว่าเป็นสิ่งที่ดีที่ทางสมาคมจะตั้งคณะกรรมการขึ้นมาตัดสิน พร้อมทั้งยอมรับว่า เป็นเรื่องยากที่จะควบคุมแฟนบอลจำนวนมาก แต่ก็ต้องขึ้นอยู่กับฝ่ายการแข่งขันที่จะดำเนินการอย่างไรก่อน ในส่วนของสโมสรนั้นนายพิเชฐ มั่นคง ประธานสโมสรมีการเรียกกลุ่มกองเชียร์ทั้งหมดเข้ามาพูดคุย ทำความเข้าใจกันใหม่ว่า ภาพที่ออกไปทำให้สโมสรเสียหายมาก การดูบอลหนึ่งนัดมันจะทำอย่างนี้ไม่ได้ แต่อยากจะบอกว่าสิ่งที่กองเชียร์ทำลงไปนั้นตัวเขาเองก็เสียใจ แต่ก็มีเหตุผลบางอย่างที่ทำลงไป
ขณะที่ "เสี่ยเป้" รณฤทธิ์ ซื่อวาจา ผู้จัดการของทีมเมืองทองฯ กล่าวว่า ถือเป็นความเศร้าสลดของวงการฟุตบอลไทยที่เกิดเหตุการณ์อย่างนี้ขึ้น โดยไม่ถือว่าเป็นเกมกีฬาอีกแล้ว เพราะฝ่ายหนึ่งต้องการไปดูกีฬา แต่อีกฝ่ายหนึ่งต้องการจะไปหาเรื่อง อย่างภาพที่เห็นจากทางสื่อต่าง ๆ ก็ชัดเจนอยู่แล้วไม่ต้องไปอธิบายอะไรอีก ตอนนี้ห่วงที่สุดคือคนเจ็บที่โดนทำร้ายสิบกว่าราย ทั้งโดนไขควงแทงปากทะลุและโดนด้ามร่มแทงลำตัว
สำหรับมาตรการการลงโทษทางทีมเมืองทองฯ นั้น รอดูอยู่ว่ามาตรการการลงโทษของทางสมาคมจะเป็นอย่างไร ถ้าไม่เหมาะสม ทางสโมสรจะไม่ขอลงเล่นกับทีมการท่าเรือ เอฟซี อีกต่อไป ไม่ว่าจะเป็นในรายการ สปอนเซอร์ ไทยพรีเมียร์ ลีก ที่จะถึงนี้ หรือในฟุตบอลถ้วยรายการต่าง ๆ สโมสรยอมเสีย 3 แต้มทั้งเกมเหย้าและเกมเยือน เพราะทางสโมสรไม่สามารถรับประกันความปลอดภัยให้กับกองเชียร์ได้ พร้อมทั้งยังฝากขอโทษทางสปอนเซอร์ทั้งหมด ถ้าปีนี้ไม่สามารถป้องกันแชมป์ไว้ได้
นอกจากนี้ ผู้จัดการของทีมเมืองทองฯ ยังกล่าวอีกว่า ขอประณามการกระทำของ "โค้ชเตี้ย" ในกรณีที่กล่าวหาโค้ชของทีมเมืองทองฯ โดยตนเห็นว่าการแข่งขันฟุตบอลเป็นเรื่องปกติที่โค้ชจะต้องทะเลาะกัน และถ้ากรรมการเข้าข้างทางเมืองทองฯ จริง 2 ประตูแรกที่เป่าเป็นลูกล้ำหน้าคงจะได้ประตูไปแล้ว กรุณาอย่าเบี่ยงประเด็น และในการประชุมผู้จัดการทีมฟุตบอลชิงถ้วยพระราชทาน ก. ก็มีการเตือนทาง "โค้ชเตี้ย" แล้วว่าอย่าให้มีการนำพลุเข้ามาในสนาม แต่ก็ไม่ได้รับการใส่ใจ กลับมาเรียกร้องขอให้แฟนบอลนำพลุเข้าไปจุดระหว่างเกม ถือว่าเป็นสีสันของการแข่งขัน การกระทำของโค้ชที่สนับสนุนเหตุการณ์ที่นำไปสู่ความรุนแรงนั้นถือว่าหมดความชอบธรรมในการทำหน้าที่ ขอประณามการกระ ทำครั้งนี้ของ "โค้ชเตี้ย"
ทางด้าน "เลี่ยว เมืองทอง" แกนนำเชียร์ของสโมสรเมืองทองฯ เป็นแฟนบอลกิเลนผยองที่โดนทำร้ายร่างกายรุนแรงที่สุด หลังจากโดนแฟนบอลการท่าเรือรายหนึ่งใช้ไขควงแทงเข้าที่ปากทะลุแก้มและรอดชีวิตอย่างหวุดหวิด เปิดเผยนาทีระทึกว่า นำเชียร์อยู่บนอัฒจันทร์ แต่พอแฟนบอลท่าเรือพังรั้วกันมาทุกคนวิ่งหนีออกทางประตูและกระโดดลงมาในสนาม แต่บางส่วนที่เป็นผู้หญิง เด็ก และคนแก่หนีไม่ทัน และกำลังถูกแฟนบอลการท่าเรือทำร้ายอยู่ จึงวิ่งเข้าไปห้ามและช่วยเหลือ แต่โดนไขควงแทงเข้าที่ปาก จนเพื่อน ๆ ต้องเข้ามาห้าม และรีบนำตัวส่งโรงพยาบาล และต้องเย็บถึง 11 เข็ม
"ผมเสียใจและไม่เข้าใจแฟนบอลการท่าเรือที่ทำอย่างนั้นอย่างมาก กีฬาย่อมมีแพ้มีชนะ แต่ไม่ควรที่จะแตกแยกถึงขั้นหวังเอาชีวิต ผมกำลังตัดสินใจว่าจะเข้าแจ้งความดำเนินคดีกับคนที่ทำร้ายร่างกาย อยากวิงวอนแฟนบอลทั้ง 2 ทีมว่าการเชียร์ฟุตบอลต้องมีน้ำใจนักกีฬา" นายเลี่ยว กล่าวทิ้งท้าย
แฟนบอลท่าเรือ ปะทะ แฟนบอลเมืองทอง ในข่าว 3 มิติ part1/2
แฟนบอลท่าเรือ ปะทะ แฟนบอลเมืองทอง ในข่าว 3 มิติ part2/2







